ASTVผู้จัดการออนไลน์ - เสื้อแดงมโน เบื้องหลังปลิดชีวิต “ไม้หนึ่ง ก.กุนที” โยง “แผนเด็ดหัวแกนนำแดง” ตั้งทีมไล่ล่าสังหาร เอี่ยว “กองทุนกำจัดขยะ” แกนนำระดับล่างเริ่มระวังตัว เพจแดงผูกเรื่องรายต่อไป “โด่ง อรรถชัย” แนะเปลี่ยนกิจวัตร ที่นอน ที่กิน
คดีคนร้ายใช้อาวุธปืนยิง นายกมล ดวงผาสุก หรือ “ไม้หนึ่ง ก.กุนที” หรือ นักเขียนเสื้อแดง เสียชีวิตบริเวณลานจอดรถ หน้าร้านอาหารครกไม้ไทยลาว ซ.ลาดปลาเค้า 24 เขตลาดพร้าว หลังจากไปรับประทานอาหารกับเพื่อน รวม 4 คน รวมถึง น.ส.สุดา รังกุพันธ์ หรืออาจารย์หวาน อดีตอาจารย์ประจำคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และแกนนำปฏิญญาหน้าศาล (ที่เพิ่งถูกจุฬาฯเลิกสัญญาจ้าง) เมื่อช่วงบ่ายวานนี้ (23 เม.ย.) พล.ต.ต.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ รอง ผบช.น. ได้เรียกมือสอบสวน อาทิ พล.ต.ต.ประยนต์ ลาเสือ ผบก.สส.บชน. พ.ต.อ.อรรถพร สุริยเลิศ ผกก.กองวิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. พ.ต.อ.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ ผกก.3.บก.สส.บช.น. พ.ต.อ.ธนวัตรวัฒนกุล ผกก.สน.โชคชัย เป็นทีมติดตามความคืบหน้าคดี
ทั้งนี้ นายกมล มีความใกล้ชิดกับ น.ส.สุดา รังกุพันธ์ อดีตอาจารย์คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ภายหลังประกาศตัวจัดตั้งกลุ่มปฏิญญาหน้าศาล และอื่นๆ โดยทั้ง 2 ได้เป็นโฆษกประจำเวทีคนเสื้อแดงหลายเวที ร่วมจัดสถานีวิทยุมหาชนคนไทยหัวใจเดียวกัน FM 102.75 MHz ในรายการสตรีท ทอล์ค ออนแอร์ ก่อนจะมาจัดรายการทันเกมสื่อ ผ่านสถานีโทรทัศน์เอเชียอัปเดตและช่อง DNN ขณะที่เฟซบุ๊กส่วนตัว เขาได้โพตส์ภาพชุดนายกรัฐมนตรีฮุนเซนของกัมพูชา ขณะปฏิบัติภารกิจเรื่องข้าว ระบุข้อความว่า “ภาพชุดนายกรัฐมนตรีและข้าว ของประเทศกัมปูเจีย” เป็นรูปสุดท้าย
• เสื้อแดงมโน “แผนเด็ดแกนนำ”
ขณะที่การประชุมของชุดทำคดีทางตำรวจยังไม่สรุปสาเหตุว่ามาจากเรื่องใด แต่ตั้งไว้ทุกประเด็น ทั้งการเมือง เรื่องส่วนตัว และการขึ้นเวทีอาจจะกล่าวพาดพิงใคร ทางตำรวจได้ไล่ดูเทปการขึ้นพูดบนเวทีทุกชุด โดยเจ้าหน้าที่ได้เชิญ น.ส.สุดา มาสอบปากคำ รวมถึงประเด็นการจัดรายการวิทยุคู่กัน เพื่อใช้เป็นแนวทางในการหาเบาะแสลอบสังหารในครั้งนี้ น.ส.สุดา เป็นคนที่ใกล้ชิดนายกมล คนหนึ่ง อ้างว่า ตอนนี้สถานการณ์การเมืองมีแต่ความใช้ความรุนแรง ไล่ล่า สังหารบรรดาแกนนำ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือคุณไม้หนึ่งที่ฝ่ายตรงข้ามมีความต้องการจะกำจัดผู้นำประชาธิปไตย
“รู้สึกว่าชีวิตของพวกเราคนเสื้อแดงมีแต่ความเสี่ยง ยิ่งเป็นแกนนำยิ่งเสี่ยงมากขึ้น ทั้งๆ ที่เราก็เป็นแค่คนธรรมดาแต่กลับไม่มีความปลอดภัยในชีวิต ตรงข้ามกับทางฝั่ง กปปส. ที่ทาง ผบ.ตร. ออกมาจัดมาตรการการดูแลรักษาความปลอดภัยให้ แต่คนเสื้อแดง และแกนนำเสื้อแดงอีกมากมายกลับต้องอยู่ในสภาวะสุ่มเสี่ยงถูกคุกคาม ถูกทำร้าย”
• การเมืองพ่วง “กองทุนกำจัดขยะ”
พ.ต.ต.เสงี่ยม สำราญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาสำนักงานเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และยังเป็นนักจัดรายการสถานีโทรทัศน์ดีเอ็นเอ็นด้วยกันกับ น.ส.สุดา และนายกมล กล่าวว่า ความขัดแย้งการเมืองครั้งนี้มีเดิมพันสูง เพราะฝ่ายแกนนำ กปปส. มีคดีกบฏ คดีฆ่าคนเสื้อแดง 91 ศพ ถอยไม่ได้จึงได้เกิด “แผนเด็ดแกนนำ” ซึ่งตนรู้แผนนี้มา 2 เดือนแล้วว่ามีเจ้าหน้าที่ไปดูแลม็อบ และแบ่งชุดทางยุทธศาสตร์ใช้แผนมวลชนน้อยเหลือเพียงกองกำลังรับจ้าง และคนมีสีบางคนรับจ้างเป็นการ์ด ซึ่งผู้ตายไม่ระวังตัวเพราะไม่มีศัตรูกับใคร
“สาเหตุมาจากการเมืองแน่นอน คนร้ายมีการสะกดรอยเฝ้าดูว่าขึ้นรถคันไหน หน้าตาเป็นอย่างไร สำหรับผู้ตายจัดรายการเชิงประวัติศาสตร์การเมืองลึกไปเรื่องความมั่นคง แต่ไม่ได้ระบุตัวบุคคลแนวการพูดก็ไม่ก้าวร้าวเป็นกวีศิลปิน พูดตรงลึกเชิงเปรียบเปรย มาตรการป้องกันดูแลความปลอดภัยของคนเสื้อแดงหลังจากแกนนำถูกยิงก็อยู่ที่ประธาน นปช. จะแถลงการณ์อะไรออกไป ส่วนตัวแล้วคนเสื้อแดงไม่มีความปลอดภัยไม่มีคนดูแล ต้องดูแลตัวเอง เพราะหวังจะใช้หลักกฎหมายเป็นที่พึ่งพิงก็ไม่สามารถช่วยได้ ส่วน “กองทุนกำจัดขยะ” นั้นมีจริง ไม่งั้นคงไม่ประกาศออกมาโดยอ้างว่าผู้อื่นไม่รักสถาบันจึงต้องออกมาเก็บมาจัดการล่าฝ่ายตรงข้าม
• จี้แกนนำเสื้อแดง ระวังตัว
ขณะที่ นายก่อแก้ว พิกุลทอง แกนนำ นปช. กล่าวว่า เรื่องนี้ตนมองว่าสาเหตุอาจจะมาจากเรื่องทางการเมือง เพราะ 1. ก่อนหน้านี้มีข่าวว่ามีการตั้งทีมไล่ล่าแกนนำเสื้อแดง ตั้งแต่ก่อนนายขวัญชัย ไพรพนา ประธานชมรมคนรักอุดรฯ ถูกยิง จนนายขวัญชัยถูกยิง แต่ข่าวนี้ก็ไม่มีใครยืนยันได้ 2. อาจจะเป็นคนที่มีอุดมการณ์ทางการเมืองตรงข้ามพอดี และเกิดอารมณ์ชั่ววูบ ซึ่งเป็นไปได้ทั้ง 2 แนวทาง และส่วนตัวไม้หนึ่ง เท่าที่ตนทราบ ก็ไม่เคยขัดแย้งกับใคร ทั้งนี้จากรูปรอยกระสุน มองว่าเป็นมืออาชีพ เพราะกระสุนเข้าเป็นกลุ่มและนิ่งมาก กระสุนไม่เคลื่อนไปไหน ซึ่งเป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ต้องสอบสวนต่อไป
“ผมขอเตือนไปยังแกนนำเสื้อแดงให้ระมัดระวังในการไปไหนมาไหนมากขึ้น แต่สิ่งที่น่าห่วงคือ สถานการณ์หลังจากนี้อาจจะรุนแรงมากขึ้น ถ้าเป็นแบบนี้ อนาคตจะเป็นอย่างไร เพราะต่างฝ่ายต่างมีพวกเยอะ ประเทศไทยคงมีปัญหาหนัก ผมจึงอยากให้ผู้ใหญ่ช่วยกันคลี่คลายสถานการณ์ เอาฟืนออกจากกองไฟ อย่าสุมเพิ่ม” นายก่อแก้วกล่าว
ขณะที่ นายธนาวุฒิ วิชัยดิษฐ โฆษก นปช. กล่าวว่า เราไม่ทราบประเด็นในการยิงในครั้งนี้ และต้องดูที่มาที่ไป ซึ่งเป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะต้องตรวจสอบในเรื่องนี้ แต่ในช่วงหลังนายกมล ได้ไปจัดรายการกับ น.ส.สุดา และมีการร่วมกลุ่มปฏิญญาหน้าศาล หากสาเหตุมาจากเรื่องการเมือง ถือว่าโหดร้ายเป็นอย่างมากสำหรับประเทศไทย เพราะคนที่ถูกฆ่ามักจะเป็นผู้ที่เรียกร้องประชาธิปไตย
“สถานการณ์ ณ เวลานี้ เหมือนฝ่ายอำมาตย์ ก็ได้ตั้งองค์กรเก็บขยะแผ่นดิน ซึ่งไม่แน่ชัดว่าตั้งขึ้นมาเพื่อกวาดล้างคน ที่เหมือนกับไม่จงรักภักดี และไม่รู้ว่าองค์กรนี้จะฆ่าหรือกวาดล้าง เหมือนสมัยก่อน 6 ตุลา 19 หรือไม่ ที่เอานักศึกษามายิงจนต้องหนีเข้าป่า ซึ่งเรื่องนี้ต้องมีการเฝ้าระวังกันต่อไป เพราะประเด็นนี้ถือว่าเป็นประเด็นที่ละเอียดอ่อนมาก ต้องระวัง” นายธนาวุฒิ กล่าว และว่า เสื้อแดงไม่มีใครคิดทำร้ายหรือทำลายสถาบัน ส่วนนักวิชาการบางส่วนที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ให้มีการปรับปรุงกฎหมาย แต่ปัจจุบันโซเชียลเน็ตเวิร์ก มีการตัดต่อได้ง่าย เพื่อที่จะใส่ร้าย
โฆษก นปช. กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม คนเสื้อแดงถึงแม้ไม่ชอบกัน ก็ไม่เคยคิดที่จะถือปืนมารบกัน เพราะถือว่าทุกคนเป็นคนไทยด้วยกัน ต้องให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสิน จึงอยากให้มีการเฝ้าระวังทุกฝ่าย ไม่ว่าเสื้อเหลือง เสื้อแดง และยืนยันว่าพวกตนไม่เคยคิดจะจับปืนมาฆ่าใคร
ด้าน นายศิโรตน์ คล้ามไพบูลย์ นักวิชาการเสื้อแดง ได้โพสต์ข้อความลงในเฟซบุก Sirote Klampaiboon ว่า “ความน่ากลัวที่เศร้าที่สุดของเรื่องนี้คือไม้หนึ่ง อาจเป็นกวีคนแรกที่ถูกยิงตายกลางเมืองหลวงของประเทศไทย เพราะแม้กระทั่งจิตร ภูมิศักดิ์ หรือ ทวีป วรดิลก ก็ยังไม่ถูกยิงตายกลางเมืองแบบนี้ เราจะจดจำคุณในฐานะกวี”
• มโนไปเรื่อย! เริ่มเหมือนช่วงปี 2518-19
ด้าน เฟซบุ๊ก นายพิชิต ลิขิตกิจสมบูรณ์ นักวิชาการเสื้อแดง โพสต์ว่า บรรยากาศเริ่มเหมือนเมื่อช่วงปี 2518-19 ในช่วงปีนั้น จนถึง 6 ตุลา 19 นักวิชาการ ผู้นำนักศึกษา ผู้นำกรรมกร และผู้นำชาวนา ถูกยิงตายรวมกันกว่าร้อยศพ เป็นข่าวเกือบทุกสัปดาห์ ติดต่อกันเป็นเวลาปีกว่า ตายเหมือนใบไม้ร่วง โดยจับคนยิงไม่ได้เลยแม้แต่รายเดียว เป็นการลอบสังหารทางการเมือง คาดว่า เป็นหน่วยล่าสังหาร death squad ของทหารในยุคนั้นที่ไล่ฆ่าตามบัญชีรายชื่อที่เตรียมไว้รายที่สร้างความสั่นสะเทือนที่สุดคือ ดร.บุญสนอง บุญโยทยาน อาจารย์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และนายอมเรศ ไชยสอาด นักศึกษามหาวิทยาลัยมหิดล และหนึ่งในแกนนำนักศึกษายุคนั้น
การไล่ล่าลอบสังหาร มาถึงจุดสูงสุดคือ การปิดล้อม ม.ธรรมศาสตร์ และฆ่าหมู่นักศึกษาในนั้นอย่างโหดเหี้ยมทารุณที่สุดเมื่อวันที่ 6 ตุลา 19 หลังจากนั้น ก็คือ “สงครามกลางเมือง” เมื่อนักศึกษาราวสามพันคนทั่วประเทศ หนีเข้าป่า จับปืนหันกลับมาสู้กับอำนาจรัฐโหดในเวลานั้น ไม่นึกว่า ในชีวิตนี้ จะต้องมาเผชิญกับบรรยากาศและเหตุการณ์แบบนี้อีก ได้กลิ่นอายอำมหิตและคาวเลือดโชยมาชัดเจน และที่เกิดซ้ำได้ ห่างกันตั้ง 40 ปี ก็เพราะ “รากเหง้า” ของปัญหาในวันนั้นเมื่อปี 18-19 มันยังอยู่มาถึงวันนี้นั่นเอง และก็หันมาใช้วิธีการเดิมอีกเมื่อประชาชนบังอาจลุกขึ้นท้าทายอำนาจของพวกเขาอีกครั้ง ถ้าฝ่ายเผด็จการเลือกหนทางและวิธีการกระทำต่อประชาชนอย่างนี้แล้ว การนองเลือครั้งใหญ่คงหลีกเลี่ยงไม่ได้แล้ว และก็จะไม่มีใครห้ามได้
• เพจแดงกุรายต่อไป “โด่ง อรรถชัย”
ขณะเดียวกัน ในแฟนเพจของคนเสื้อแดง เช่น เพจกูต้องได้ 10 ล้าน จากทักษิณแน่ๆ หรือเพจร่วมกันเชียร์ คุณยิ่งลักษณ์ เพื่อไทย ได้โพตส์ข้อความและรูปภาพสภาพศพนายกมล และรูปภาพนายทหารใหญ่คนหนึ่ง โดยอ้างว่า จากการสรุปข้อมูลเบื้องต้น ที่ทีมงานส่งมาให้ ทีมสังหารไม้หนึ่ง น่าจะเป็นฝีมือของนายทหารผู้นี้ เพราะงานก่อนหน้านี้ ก็ยิงนายขวัญชัย
“การเก็บ ไม้หนึ่ง ในครั้งนี้ ทำตามแผนเก็บแกนนำแดง แต่ครั้งนี้ เป็นคนละทีมกับที่เก็บขวัญชัย ข้อมูลเชิงลึกยังเปิดเผยไม่ได้ เอาชื่อหัวหน้าคนรับงานไปก่อน และบอกต่อเลยว่า มี ไม้หนึ่ง แล้ว ต่อไปมี ไม้สอง ไม้สาม และไม้สี่อีกแน่ๆ คนต่อไปให้ระวังตัว คือ โด่ง อรรถชัย ต่อไปอีก คือ หมูไม่กลัวน้ำร้อน (กูไม่รู้จัก) ปล. คอยดูกันไปอีกสักพัก ขอแนะนำไม้สอง ไม้สาม และแกนนำ ให้เพิ่มความระมัดระวัง ห้ามทำกิจกรรมที่เป็นกิจวัตร เช่น หกโมงเช้าไปตลาดเดิมซ้ำทุกวัน เปลี่ยนซะ เดินทางเส้นทางเดิมๆ เปลี่ยนซะ กินข้าวร้านเดิมๆ เปลี่ยนซะ อยู่ที่เดิมๆ ทำอะไรซ้ำๆ แบบ routine เปลี่ยนซะ ด้วยความห่วงใย