นายกสมาคมโทรทัศน์ดาวเทียมเตือน ซื้อกล่องรับสัญญาณดูฟุตบอลโลก 2014 ต้องมั่นใจว่าคนขายมีใบอนุญาตถ่ายทอดสด ไม่เช่นนั้นอดดูแน่ เชื่อ กสทช.อุทธรณ์ไม่เป็นผล อาร์เอสไม่ต้องยิงสดผ่านฟรีทีวีครบ 64 แมตช์ เหตุทำสัญญากับฟีฟาก่อน กสทช. ออกกฎ “มัสต์แฮฟ” รัฐธรรมนูญ ม.305 ระบุชัด ไม่มีผลบังคับ
ตามที่ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาเมื่อ 31 มี.ค.57 ให้บริษัท อาร์เอส อินเตอร์เนชั่นแนล บรอดคาสติ้ง แอนด์ สปอร์ต แมเนจเม้นท์ จำกัด หรือ “อาร์เอส” เจ้าของลิขสิทธิ์ฟุตบอลโลก 2014 ไม่ต้องทำตามประกาศของคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ที่ให้ถ่ายทอดสดการแข่งขันทางฟรีทีวีครบทั้ง 64 นัด โดย กสทช. แถลงว่าจะอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุดโดยเร็วที่สุดเพื่อคุ้มครองให้ประชาชนได้ดูฟุตบอลโลกครบทุกนัดทางฟรีทีวี เป็นเหตุให้ประชาชนจำนวนมากไปหาซื้อกล่องรับสัญญาณดาวเทียม หรือ เซตท็อปบ็อกซ์ เพื่อเตรียมไว้ชมฟุตบอลโลกนั้น ดร.นิพนธ์ นาคสมภพ นายกสมาคมโทรทัศน์ดาวเทียมได้เตือนว่า ผู้ซื้อต้องตรวจสอบว่าผู้ขายมีเอกสารยืนยันการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก 2014 รอบสุดท้ายหรือไม่ เพราะไม่เชื่อว่าการอุทธรณ์ของ กสทช. จะเป็นผล เนื่องจากรัฐธรรมนูญ 2550 มาตรา 305(1) ไม่ให้อำนาจ กสทช. ไปกระทบถึงสัญญาที่ชอบด้วยกฎหมายที่ได้กระทำขึ้นก่อนวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญ ดังนั้นถ้าอาร์เอสมีหลักฐานการทำสัญญาที่ชอบด้วยกฎหมายตั้งแต่ปี พ.ศ. 2548 แม้ กสทช. จะอุทธรณ์ก็ไม่เป็นผล
อนึ่ง ก่อนหน้านี้ กสทช. ได้ออกประกาศให้ อาร์เอส ดำเนินการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย 2014 ผ่านฟรีทีวีทั้งหมด 64 นัด ตามประกาศหลักเกณฑ์รายการโทรทัศน์สำคัญที่ให้เผยแพร่ได้เฉพาะในบริการโทรทัศน์ที่เป็นการทั่วไป (มัสต์แฮฟ) ของ กสทช. ซึ่งอาร์เอสไม่เห็นด้วย จึงยื่นร้องต่อศาลปกครองกลางเพื่อให้มีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งของ กสทช. ดังกล่าว และศาลปกครองมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2557 เห็นว่ากฎมัสต์แฮฟเกิดขึ้นหลังการซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดกับสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ ฟีฟา ดังนั้นในการแข่งขันฟุตบอลโลก 2014 อาร์เอสจึงไม่จำเป็นต้องถ่ายทอดสดผ่านฟรีทีวีครบทั้ง 64 นัด แต่อย่างใด และให้ กสทช. เพิกถอนคำสั่ง