xs
xsm
sm
md
lg

“ณัฏฐ์ เทพฯ” โต้เกรียน ยัน “รถคันแรก” ไม่ช่วยประเทศเจริญ ชี้ เงินแสนล้านทำอะไรได้อีกเยอะ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ภาพจากอินสตาแกรม nutt_devahastin แสดงความไม่เห็นด้วยเกี่ยวกับนโยบายรถคันแรก
“ณัฏฐ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา” นักแสดงดัง โต้เกรียนอินสตาแกรม ยุให้ทำลายรถที่บ้าน หลังไม่เห็นด้วยนโยบาย “รถคันแรก” ของ “นายกฯ ปู” ซัดปีเดียว มีรถวิ่งในกรุง 1 ล้านคัน ไร้การควบคุม ทำรถติด ไม่เถียงใครๆ ก็อยากมีรถ แต่ทำไมไม่ทำให้รถเมล์-รถไฟ น่านั่ง แถมไม่ตรวจสอบฐานะการเงินผู้ซื้อ ยกญี่ปุ่นเก็บภาษีที่จอด แนะเงินแสนล้านที่ทยอยคืนพัฒนาประเทศได้ตั้งเยอะ ทิ้งท้ายเชิญร่วมใจปฏิเสธสิ่งที่ไม่ถูกต้อง

วันนี้ (20 ธ.ค.) มีรายงานว่า หลังจากที่ “ณัฏฐ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา” ดารานักแสดงชื่อดัง ได้แสดงความเห็นเกี่ยวกับ โครงการรถคันแรก นโยบายประชานิยมของรัฐบาล นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในอินสตาแกรม พบว่า มีผู้เข้ามากดถูกใจ และให้กำลังใจโดยการกดสัญลักษณ์รูปหัวใจประมาณ 1,100 ราย

ขณะเดียวกัน ยังพบว่า นอกจากมีผู้แสดงความชื่นชมเกี่ยวกับความคิดเห็นของนายณัฏฐ์แล้ว พบว่า มีผู้แสดงความไม่เห็นด้วย และโต้แย้งกับความคิดเห็นดังกล่าว โดยผู้ใช้นามแฝง conanwaw ระบุว่า “ต้องการลดปริมาณรถยนต์ภายในประเทศ เริ่มต้นง่ายๆ ด้วยการทำลายรถคุณเอง ไม่ใช่ไปบอกให้คนอื่นหยุดซื้อรถคันแรก -- ไม่ทราบที่บ้านมีรถกี่คันฮ่ะคุณณัฐ”

“มีผลการวิจัยนโยบายรถคันแรกมั้ยครับ ว่า ส่วนต่างของปีนี้กับปีที่แล้ว ต่างกันขนาดไหน การลดภาษีให้ ทำให้ชนชั้นกลางได้อะไรบ้าง สำหรับชนชั้นที่มีเงินต่อให้ระบบขนส่งมวลชนดีเลิศ คุณก็ไม่มีทางนั่งรถเมลล์หรอก ระบบขนส่งจะดีหรือไม่ พวกคุณก็ซื้อรถเหมือนเดิม คุณก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้รถติดเช่นกัน”

“คุณ ผลเสียของนโยบายนี้ คือ ผลประโยชน์ของชนชั้นกลางที่อยากจะตั้งตัวน่ะครับ. ถ้าเราจะเถียงกันด้วยข้อมูลต้องใช้ welfare theorem (ทฤษฎีบทสวัสดิการ) มาช่วยวิเคราะห์แล้วล่ะ. ว่า ตลาดมีความสมบูรณ์ทางการแข่งขันหรือไม่. ซึ่งถ้าพูดกันตรงๆ พวกคุณไม่ได้ห่วงหรอกว่าเค้าจะผ่อนจะซื้อกันได้หรือเปล่า คุณแค่รู้สึกว่า รถมันจะติด น่าเบื่อ น่ารำคาญ แล้วคุณเห็นว่าผลเสียของนโยบายนี้คืออะไรครับ”

“ที่คุณณัฏฐ์ โพสต์นี่บอกว่า รัฐมุ่งเน้นแต่นโยบายส่วนบุคคลและธุรกิจของตนเอง ประชาชนไร้การศึกษา มัวเมา หลอกลวงประชาชน เช่นเดียวกับนโยบายนี้. โอ่วว ประเทศนี้มันน่ากลัวขนาดนั้นเลยหรอครับ”

อย่างไรก็ตาม นายณัฏฐ์ ได้ตอบกลับความคิดเห็นของผู้ใช้นามแฝงดังกล่าว ระบุว่า “ผมถามคุณแค่นี้แล้วคุณไปคิดให้ดีแล้วกัน ตอบผมให้ได้ด้วย แต่ก่อนอื่นผมจะขอบอกเลยว่าผมก็คนชั้นกลาง ตั้งตัวด้วยตัวเอง ไม่เคยแบมือขอเงินพ่อแม่ตั้งแต่เรียนอยู่ปีสามแล้วด้วยซ้ำ 1.นโยบายนี้มุ่งเน้นให้โอกาสคนชั้นกลางตั้งตัวหรอครับ คุณเอาอะไรมาวัด? ผมถามหน่อยทำไมไม่มีการตรวจประวัติการเงินคนซื้อ รวมถึงฐานเงินเดือนให้ไปเลยล่ะ? ถ้าไม่งั้นใครที่ไม่เคยซื้อรถก็ซื้อได้สิครับ! แล้วมันจะแฟร์ตรงไหน?”

“2.ต่อเนื่องจากการที่ใครก็ได้สามารถซื้อรถได้ลดราคา ถ้าเป็นคันแรก ปี 2555 ปีนี้ปีเดียวมีรถออกมาวิ่งบนถนนกรุงเทพฯ มากขึ้นถึง 1 ล้านคันโดยประมาณ (จากสถิติยอดจอง) มากกว่าปีที่ไม่มีนโยบายนี้ถึง 4 เท่า (250,000 คัน) ผมไม่เถียงว่ามันเป็นกลไกตลาดให้อุตสาหกรรมรถยนต์โตขึ้น แต่เม็ดเงินมันไปไหนละครับ มันก็ไหลออกอยู่ดี เพราะประเทศเราไม่มีแบรนด์รถยนต์ของเราเองอยู่ดี ส่วนเม็ดเงินที่เหลือก็เข้ากระเป๋าธุรกิจส่วนประกอบรถยนต์ภายในประเทศ..ซึ่งผมจะบอกอะไรให้นะ..มากกว่า 50% นำเข้าวัตถุดิบ เงินอีกส่วนก็สะพัดในตลาดแรงงาน”

“3.ในเมื่อไร้การควบคุมปริมาณรถที่ออกสู่ท้องถนนโดยไร้หลักการ...ผลคืออะไรครับ? รถติดไงครับ รถติดมหาศาลแบบทุกช่วงเวลาของวัน ผมไม่รู้คุณขับรถรึเปล่า แต่ถ้าคุณเป็นคนนึงที่นั่งรถเมล์ (ซึ่งตอนเรียนผมก็เคยนั่งมาแล้วทั้ง ครีมแดง ขาวน้ำเงิน รถร่วม รถเล็ก ปอ.) มันร้อนและทรมานขึ้นขนาดไหนครับ? ถนนในกรุงเทพฯมีพอให้รถวิ่งหรอครับ?? ถ้าคุณดูประเทศที่พัฒนาแล้วอย่างญี่ปุ่น เค้ามีกฎหมายควบคุมปริมาณรถในเมืองชัดเจนนั่น คือ “ภาษี” ครับ ภาษีในที่นี้เลือกเก็บครับ เก็บจากเฉพาะคนรวย คนที่มีเงินพอจะซื้อรถแพงๆ หรือรถนำเข้าจ่ายหนักหน่อย ส่วนคนซื้อรถญี่ปุ่นรักชาติเสียน้อยหน่อย แต่ภาษีและข้อบังคับที่ไม่ว่าจะจนจะรวยต้องจ่ายเหมือนกัน คือ ภาษีที่จอดครับ และถ้าคุณอยากซื้อรถแต่ไม่มีที่จอดก็ซื้อรถไม่ได้ครับต่อให้มีเงิน”

“4.ผมไม่เถียงเลยครับว่าใครๆ ก็อยากมีรถ เพราะอะไรครับ? เพราะอากาศบ้านเรามันร้อน มลภาวะเยอะ และที่สำคัญ ระบบขนส่งมวลชนมันห่วยครับ!!! ไม่นับรถไฟฟ้าและเอ็มอาร์ทีนะครับ เพราะประเทศพัฒนาแล้ว เค้ามีมาเป็นสิบๆ ปีแล้วครับ ผมกำลังพูดถึงรถเมล์และรถไฟครับ คงไม่ต้องพูดมาก ถ้าคุณนั่งรถเมล์และรถไฟ คุณจะรู้ว่ามันไม่มีการลงทุนพัฒนาเลย รถเก่า ซอมซ่อ ก่อมลภาวะ ควันดำ วิ่งเร็ว มารยาทในการขับ จอด เทียบป้าย เป็นไงละครับ ถ้าคุณเคยไปต่างประเทศ คุณจะรู้ว่ารถเมล์บ้านเราซกมกสุดแล้วครับ มันเป็นรุ่นเก่าดึกดำบรรพ์มาก ต่างจากต่างประเทศที่เป็นแอร์หมด น่านั่งกว่าล้านเท่า ผมถามหน่อยครับ ทำไมไม่มีการลงทุนทำให้รถเมล์รถไฟน่านั่งขึ้น คนจะได้ใช้มากขึ้น จะได้มีรายได้มากขึ้น และไม่ต้องมาอ้างว่า ขาดทุนทุกปีและต้องให้รัฐอุ้ม ผมเห็นใจคนตาดำที่ยังต้องนั่งรถเมล์อยู่ครับ”

“5.ทนกับผมหน่อยนะครับในเมื่อคุณถามผมก็จะตอบ ตอบแบบคนที่เข้าใจปัญหาจริงๆ วกกลับมาประเด็นภาษี ตัวต้นเหตุ จริงแล้วผมเห็นด้วยกับคนที่อยากจะซื้อรถคันแรก และจะได้ลดละภาษีเพื่อตั้งตัว แต่มันต้องมีการตรวจสอบประวัติการเงิน และฐานเงินเดือนอย่างจริงจังครับ จะได้เป็นประโยชน์แก่ “ผู้ได้รับ” การเว้นภาษี รวมถึง “ผู้ให้” เว้นภาษี คนมีเงินแล้วจะได้มาชุบมือเปิบกับนโยบายนี้ครับ จะว่าเลือกปฏิบัติก็ได้ เพราะคุณอย่าลืมว่าชนชั้นกลางบ้านเรา ไม่ได้มีเยอะนะครับ ชนชั้นรากหญ้าต่างหาก ที่มีมากที่สุด ถามว่า เค้ามีส่วนได้ส่วนเสียกับนโยบายนี้มั้ย คุณอาจจะมองว่าไม่ แต่ผมตอบเลยว่ามีเต็มๆ คุณรู้มั้ยปีนี้รัฐบาลละเว้นภาษีรถ 1 ล้านคันโดยประมาณ ยังไม่รวมปีหน้านะ เป็นเงินทั้งสิ้น 1 แสนล้านบาท ถามว่า ทำไมไม่จ่ายคืนคนซื้อรถทันทีเลย คำตอบคือรัฐบาลไม่มีเงินครับ ต้องทยอยคืน ถามต่อ แล้วในเมื่อรัฐบาลไม่มีเงิน แถมยังเป็นหนี้อยู่ จะละเว้นภาษีสิ้นเปลืองนี้ทำไมละครับ??? เงินตั้งแสนล้านเอาไปพัฒนาอะไรได้ตั้งเยอะ ส่งเด็กเรียนฟรีให้จบมัธยม 6 ทุกคนสิครับ ประกันสุขภาพคนจนก็ทำให้ดีขึ้นสิครับ ไปอุ้มชูชาวนา และเกษตรกร กระดูกสันหลังของชาติสิครับ จะมาละเว้นภาษีให้คนชั้นกลางกับคนรวยทำไม ในเมื่อชนชั้นล่างยังต้องนั่งจ่ายภาษีแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วย แถมราคาผลผลิตทางการเกษตรก็ยังถูกกดต่ำจนไม่รู้จะต่ำยังไง!!! สรุปนโยบายนี้ไม่ได้ช่วยให้ประเทศเราเจริญขึ้นเลยครับ ถ้ามองจากข้อเสีย ซึ่งมีมากกว่าข้อดีแล้ว หวังว่า คุณคงเข้าใจกระจ่างแจ้งมากขึ้นแล้วนะครับ ขอบคุณครับที่ถาม”

“สุดท้ายนี้บ้านผมจะมีรถกี่คัน ไม่ใช่ประเด็นครับ และก็ไม่ใช่ธุระกงการอะไรของคุณด้วย เอาเป็นว่า ผมเป็นประชาชนชั้นกลางคนนึง ซึ่งเสียภาษีแบบถูกต้อง และผมก็ภูมิใจที่ได้ทำหน้าที่ประชาชนคนหนึ่ง แต่ผมจะภูมิใจกว่านี้ถ้าเงินภาษีที่ผมจ่ายไปจะถูกนำไปใช้ประโยชน์ให้มากกว่านี้ ผมว่าพวกเราเพิกเฉยกับปัญหาเหล่านี้มานานแล้วครับ ตื่นเถิดชาวไทย มาร่วมใจกันปฏิเสธอะไรที่ไม่ถูกต้องเถอะครับ เพราะเสียงของพวกเราทุกคน คือ อธิปไตยของเรา ก่อนจะเลือกใคร หรืออะไรซักอย่าง เราต้องศึกษาข้อมูลให้ดีครับ คนดีดูแค่เปลือกไม่ได้หรอกครับ” นายณัฏฐ์ กล่าว

อย่างไรก็ตาม ยังมีผู้ที่เห็นด้วยเกี่ยวกับเรื่องนี้ เช่น ผู้ใช้นามแฝง ladygracez ซึ่งมองว่า นโยบายนี้ทำให้คนซื้อรถมากขึ้น อีกปัญหาที่ตามมาคือ รถติดและด้านพลังงาน โดย นายณัฏฐ์ ได้ตอบกลับว่า “ถูกครับนี่ขนาดผมยังไม่ได้แต่เรื่องพลังงานเลยนะครับคุณ @conanwaw ถ้าจะให้ผมพูดต่อนี่อีกยาวครับ คิดว่าคุณน่าจะยังเรียนอยู่ ยังไงก็ก่อนจะพูดอะไรก็ศึกษาข้อมูลให้ดีนะครับ ขนาดผมจบแค่บริหารธุรกิจระหว่างประเทศจากมหาลัยไกลๆ แถวๆ ศาลายา ซึ่งไม่เกี่ยวกับการเมืองผมยังเข้าใจผมกระทบของนโยบายนี้เลยครับ คุณเป็นนักศึกษา ก็หมั่นหาความรู้มากๆนะครับ จะได้ไม่โดนคนหลอกง่ายๆ”

ส่วนความคิดเห็นจากผู้ใช้นามแฝง thana2711 กล่าวว่า นโยบายก็มีผลดี แต่ควรจะใช้กับสังคมที่มีวินัยและมีสำนึก และมีการรองรับปัญหาที่จะมีตามมาได้ เช่น ถ้ามีความจำเป็นค่อยซื้อ ไม่ใช่บางคนยังขับไม่เป็น เงินเดือนชักหน้าไม่ถึงหลัง ก็อยากใช้สิทธิตัวนี้ ขณะที่ผู้ใช้นามแฝง winnie_nuch กล่าวว่า ชอบตรงที่เสียภาษีถูกต้อง และทำหน้าที่ประชาชนคนไทย และอยากให้นำเงินภาษีมาใช้ประโยชน์ต่อประเทศชาติ ไม่ใช่เพื่อใคร ขอบคุณที่ทำให้ความคิดแง่ลบต่อคนรวยเปลี่ยนไป ส่วนผู้ใช้นามแฝง babydoll_palm กล่าวสนับสนุน และเห็นว่า เป็นนโยบายที่ไม่สอดคล้องกับสภาพความเป็นอยู่ของประชาชน ประเทศไทยยังมีสภาวะคนที่ประสบปัญหาด้านการเงินมากอยู่แล้ว แต่นโยบายนี้เหมือนเพิ่มภาระหนี้สินความสิ้นเปลืองให้มากกว่า
กำลังโหลดความคิดเห็น