“สนามบินสุวรรณภูมิ” เพิ่มจุดตรวจพาสปอร์ตอำนวยความสะดวกผู้โดยสาร

ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพิ่มจุดตรวจหนังสือเดินทางผู้โดยสารขาเข้า-ออก ระหว่างประเทศแห่งใหม่ เป็นชั้นลอย 2 จุด เหนือจุดตรวจหนังสือเดินทางด้านตะวันออกและตะวันตก โดยจะเริ่มให้บริการจุดแรกตั้งแต่วันศุกร์นี้ ในเวลา 04.00 น.เป็นต้นไป ขณะที่อีกจุดจะเปิดให้บริการในเดือนสิงหาคม 2555

วันนี้ (13 มิ.ย.) นายสมชัย สวัสดีผล ผู้อำนวยการการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้นำสื่อมวลชนตรวจเยี่ยมพื้นที่จุดตรวจค้นผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศแห่งใหม่ ตั้งอยู่บนอาคารผู้โดยสารด้านทิศตะวันออก ซึ่งจะเปิดใช้อย่างเป็นทางการเวลา 04.00 น.ของวันที่ 15 มิถุนายนนี้

นายสมชัย กล่าวว่า การเปิดจุดตรวจค้นแห่งใหม่ จะช่วยให้ผู้โดยสารที่เดินทางผ่านจุดตรวจค้นได้รับความสะดวกมากขึ้น เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งมีความกว้างถึง 1,600 ตารางเมตร ถือว่ากว้างกว่าพื้นที่ตรวจค้นเดิมบริเวณด้านหลังของด่านตรวจคนเข้าเมืองที่มีเนื้อที่ 490 ตารางเมตร นอกจากนี้ ผู้โดยสารที่นำสิ่งของที่ไม่สามารถผ่านด่านการตรวจเครื่องเอกซเรย์ เช่น ของเหลวต่างๆ ก็สามารถส่งคืนทรัพย์สินให้กับผู้ที่ติดตามมาส่งในการเดินทางได้

ทั้งนี้ จุดตรวจค้นใหม่ได้ติดตั้งเครื่องเอกซเรย์สัมภาระจำนวน 12 เครื่อง และจำนวนดังกล่าวเป็นเครื่องเอกซเรย์แบบสามมิติ หรือ CT 800 ซึ่งทำงานเช่นเดียวกับเครื่อง CTX 9000 สามารถตรวจค้นหายาเสพติดและวัตถุระเบิดต่างๆ ได้ละเอียดจำนวน 2 เครื่อง นอกจากนี้ ยังมีเครื่องตรวจค้นแบบบอดี้สแกนเนอร์ จำนวน 2 เครื่อง ซึ่งจะสามารถตรวจค้นสิ่งของที่ติดมากับร่างกายได้อย่างละเอียด ซึ่งภาพรวมการเปิดพื้นที่จุดตรวจค้นใหม่นี้ จะทำให้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิสามารถตรวจค้นผู้โดยสารได้อย่างรวดเร็วเพิ่มขึ้น จากเดิม 2.5 เท่า หรือสูงถึง 3,600 คนต่อชั่วโมง และที่ผ่านมา บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท.ได้ลงทุนปรับพื้นที่ ซึ่งอยู่ด้านบนของอาคารผู้โดยสารชั้น 4 เพื่อใช้เป็นพื้นที่ตรวจค้นนี้ในวงเงิน 155 ล้านบาท ซึ่งวันที่ 15 มิถุนายนนี้ จะเปิดใช้งานด้านทิศตะวันออกก่อนเปิดใช้ฝั่งตะวันตกในเดือนสิงหาคมนี้ ทำให้จุดตรวจค้นของสุวรรณภูมิที่มีพื้นที่เพิ่มขึ้นทั้งหมดสามารถรองรับผู้โดยสารได้สูงสุดถึง 7,200 คนต่อชั่วโมง

ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ยังกล่าวถึงปัญหาการปิดซ่อมรันเวย์ด้านทิศตะวันออกตั้งแต่วันที่ 11 มิถุนายน ที่ผ่านมา ซึ่งผู้ประกอบการสายการบินออกมาระบุว่า การปิดซ่อมและใช้รันเวย์ขึ้น-ลงทางด้านทิศตะวันตกเพียงด้านเดียว ทำให้การจราจรทางอากาศแออัด ส่งผลให้เที่ยวบินล่าช้า โดยยืนยันว่า ตั้งแต่วันที่ 11 มิถุนายน ที่ผ่านมา มีเที่ยวบินของสายการบินยูไนเต็ดแอร์ไลน์ เพียงลำเดียวที่ต้องเปลี่ยนจุดลงไปยังท่าอากาศยานดอนเมือง แต่ก็มาจากสาเหตุปริมาณน้ำมันของเครื่องบินลำดังกล่าว และจากการติดตามตัวเลขสถิติ พบว่า ความล่าช้าที่เกิดขึ้นจากการปิดซ่อมรันเวย์มีอยู่เฉลี่ย 30-40 นาทีเท่านั้น ซึ่งถือว่าไม่มากกว่ามาตรฐาน โดยการปิดซ่อมรันเวย์ของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิจะใช้เวลาประมาณ 40 วัน

ทั้งนี้ ปัจจุบันท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ มีผู้โดยสารระหว่างประเทศเดินทางเข้า-ออกประมาณ 80,000 คนต่อวัน ลดลงจากผู้โดยสารเฉลี่ยประมาณกว่า 100,000 คน ในช่วงฤดูการท่องเที่ยว หรือลดลงประมาณร้อยละ 20