เมื่อวันที่ 30 พ.ค. บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือทอท. ได้ลงนามในสัญญาว่าจ้างกลุ่มบริษัท EPM Consortium ที่ปรึกษาบริหารจัดการโครงการ (Project Management Consultant : PMC) โครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระยะที่ 2 (ปีงบประมาณ 2554-2560) วงเงิน 809.9 ล้านบาท รวมระยะเวลา 70 เดือน โดยว่าที่เรืออากาศโทอนิรุทธิ์ ถนอมกุลบุตร กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ทอท. เปิดเผยว่า PMC จะเริ่มงานตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.นี้
โดยทอท.จะเจรจาให้ปรับลดเวลาในการทำงานลงในบางขั้นตอนที่สามารถใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยให้เร็วขึ้นได้ เช่น การทบทวนแบบเบื้องต้น การจัดทำข้อกำหนด การออกแบบ นอกจากนี้งบลงทุนเฟส 2 จำนวน 62,500 ล้านบาท จะใช้งบประมาณของ ทอท. ประมาณ 80% เงินกู้ภายในประเทศ 20% ซึ่งมีขั้นตอนน้อยกว่ากู้ต่างประเทศจึงมั่นใจว่า การก่อสร้างจะเริ่มในปี 2558 และเปิดให้บริการได้ในปี 2560 ตามเป้าหมายแน่นอน
โดยภาพรวมจำนวนผู้โดยสารที่ใช้บริการท่าอากาศยาน ของทอท.ทั้ง 6 แห่งในปีนี้ จะมีประมาณ 70 ล้านคน โดยคาดว่าสุวรรณภูมิจะมีผู้โดยสารถึง 51 ล้านคนหรือมีอัตราการเติบโต 8% สูงกว่าที่คาดไว้ว่าจะเติบโตประมาณ 7.5% ซึ่งเกินขีดความสามารถที่ 45 ล้านคนต่อปี และคาดว่าในปี 2560 ผู้โดยสารจะเพิ่มเป็น 64 ล้านคนต่อปี จึงจำเป็นต้องเร่งขยายสุวรรณภูมิ เฟส 2 ซึ่งจะสามารถรองรับผู้โดยสารได้รวม 60 ล้านคนต่อปี
โดยมี 4 กลุ่มงาน คือ 1.งานก่อสร้างอาคารเทียบเครื่องบินรอง สามารถจอดยานประชิดอาคารได้ 28 หลุมจอด ลานจอดอากาศยาน รวมถึงงานก่อสร้างส่วนต่ออุโมงค์ด้านทิศใต้ และระบบขนส่งผู้โดยสาร 2.การก่อสร้างส่วนขยายอาคารผู้โดยสารปัจจุบันทางด้านทิศตะวันออก อาคารสำนักงานสายการบินและที่จอดรถ 1 อาคาร
3.กลุ่มงานออกแบบและก่อสร้างระบบสาธารณูปโภค และ4.กลุ่มงานจ้างที่ปรึกษาบริหารจัดการโครงการ พร้อมกันนี้จะต้องดำเนินนโยบายใช้ท่าอากาศยานดอนเมืองควบคู่ด้วยเพื่อลดความแออัดของสุวรรณภูมิด้วย
สำหรับการย้ายสายการบินไปให้บริการที่ท่าอากาศยานดอนเมืองนั้น การปรับปรุงพื้นที่ของดอนเมืองเพื่อรองรับจะเรียบร้อยในวันที่ 1 ก.ค.นี้ โดยเบื้องต้นมีประมาณ 2-3 สายการบินที่สมัครใจ ซึ่งอยู่ระหว่างการเจรจา โดย คาดว่าจะช่วยลดจำนวนผู้โดยสารที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิได้ประมาณ 8 ล้านคนต่อปี
ว่าที่เรืออากาศโทอนิรุทธิ์กล่าวว่า หลังจากดำเนินการเฟส 2 แล้ว ทอท.จะพิจารณาดำเนินการเฟส 3 เพื่อให้การพัฒนาขีดความสามารถสอดคล้องกับการเติบโตของจำนวนผู้โดยสารและเที่ยวบิน ซึ่งหากพัฒนาเต็มขีดความสามารถจะเป็น 5 เฟส สามารถรองรับผู้โดยสารได้ 120 ล้านคนต่อปี มี 4 รันเวย์รองรับได้ 112 เที่ยวบินต่อชั่วโมง และขนส่งสินค้าได้ 6.4 ล้านตันต่อปี
นายสมชัย สวัสดีผล ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ทอท.กล่าวว่า สุวรรณภูมิเฟส 2 จะยังไม่มีรันเวย์ 3 ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม หากได้รับการอนุมัติ จะสามารถดำเนินการก่อสร้างได้ทันที ส่วนการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารภายในประเทศ (Domestic Terminal) วงเงินลงทุนประมาณ 9,133.520 ล้านบาท ซึ่งจะรองรับผู้โดยสารได้ 20 ล้านคนต่อปีนั้น จะต้องศึกษาทบทวนถึงความจำเป็นและเหมาะสมอีกครั้งเนื่องจากเดิมดำเนินการภายในนโยบายใช้สุวรรณภูมิเพียงแห่งเดียวแต่ขณะนี้นโยบายให้ใช้ดอนเมืองด้วย จึงอาจจะยังไม่จำเป็นต้องเร่งรัดในขณะนี้
โดยทอท.จะเจรจาให้ปรับลดเวลาในการทำงานลงในบางขั้นตอนที่สามารถใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยให้เร็วขึ้นได้ เช่น การทบทวนแบบเบื้องต้น การจัดทำข้อกำหนด การออกแบบ นอกจากนี้งบลงทุนเฟส 2 จำนวน 62,500 ล้านบาท จะใช้งบประมาณของ ทอท. ประมาณ 80% เงินกู้ภายในประเทศ 20% ซึ่งมีขั้นตอนน้อยกว่ากู้ต่างประเทศจึงมั่นใจว่า การก่อสร้างจะเริ่มในปี 2558 และเปิดให้บริการได้ในปี 2560 ตามเป้าหมายแน่นอน
โดยภาพรวมจำนวนผู้โดยสารที่ใช้บริการท่าอากาศยาน ของทอท.ทั้ง 6 แห่งในปีนี้ จะมีประมาณ 70 ล้านคน โดยคาดว่าสุวรรณภูมิจะมีผู้โดยสารถึง 51 ล้านคนหรือมีอัตราการเติบโต 8% สูงกว่าที่คาดไว้ว่าจะเติบโตประมาณ 7.5% ซึ่งเกินขีดความสามารถที่ 45 ล้านคนต่อปี และคาดว่าในปี 2560 ผู้โดยสารจะเพิ่มเป็น 64 ล้านคนต่อปี จึงจำเป็นต้องเร่งขยายสุวรรณภูมิ เฟส 2 ซึ่งจะสามารถรองรับผู้โดยสารได้รวม 60 ล้านคนต่อปี
โดยมี 4 กลุ่มงาน คือ 1.งานก่อสร้างอาคารเทียบเครื่องบินรอง สามารถจอดยานประชิดอาคารได้ 28 หลุมจอด ลานจอดอากาศยาน รวมถึงงานก่อสร้างส่วนต่ออุโมงค์ด้านทิศใต้ และระบบขนส่งผู้โดยสาร 2.การก่อสร้างส่วนขยายอาคารผู้โดยสารปัจจุบันทางด้านทิศตะวันออก อาคารสำนักงานสายการบินและที่จอดรถ 1 อาคาร
3.กลุ่มงานออกแบบและก่อสร้างระบบสาธารณูปโภค และ4.กลุ่มงานจ้างที่ปรึกษาบริหารจัดการโครงการ พร้อมกันนี้จะต้องดำเนินนโยบายใช้ท่าอากาศยานดอนเมืองควบคู่ด้วยเพื่อลดความแออัดของสุวรรณภูมิด้วย
สำหรับการย้ายสายการบินไปให้บริการที่ท่าอากาศยานดอนเมืองนั้น การปรับปรุงพื้นที่ของดอนเมืองเพื่อรองรับจะเรียบร้อยในวันที่ 1 ก.ค.นี้ โดยเบื้องต้นมีประมาณ 2-3 สายการบินที่สมัครใจ ซึ่งอยู่ระหว่างการเจรจา โดย คาดว่าจะช่วยลดจำนวนผู้โดยสารที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิได้ประมาณ 8 ล้านคนต่อปี
ว่าที่เรืออากาศโทอนิรุทธิ์กล่าวว่า หลังจากดำเนินการเฟส 2 แล้ว ทอท.จะพิจารณาดำเนินการเฟส 3 เพื่อให้การพัฒนาขีดความสามารถสอดคล้องกับการเติบโตของจำนวนผู้โดยสารและเที่ยวบิน ซึ่งหากพัฒนาเต็มขีดความสามารถจะเป็น 5 เฟส สามารถรองรับผู้โดยสารได้ 120 ล้านคนต่อปี มี 4 รันเวย์รองรับได้ 112 เที่ยวบินต่อชั่วโมง และขนส่งสินค้าได้ 6.4 ล้านตันต่อปี
นายสมชัย สวัสดีผล ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ทอท.กล่าวว่า สุวรรณภูมิเฟส 2 จะยังไม่มีรันเวย์ 3 ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม หากได้รับการอนุมัติ จะสามารถดำเนินการก่อสร้างได้ทันที ส่วนการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารภายในประเทศ (Domestic Terminal) วงเงินลงทุนประมาณ 9,133.520 ล้านบาท ซึ่งจะรองรับผู้โดยสารได้ 20 ล้านคนต่อปีนั้น จะต้องศึกษาทบทวนถึงความจำเป็นและเหมาะสมอีกครั้งเนื่องจากเดิมดำเนินการภายในนโยบายใช้สุวรรณภูมิเพียงแห่งเดียวแต่ขณะนี้นโยบายให้ใช้ดอนเมืองด้วย จึงอาจจะยังไม่จำเป็นต้องเร่งรัดในขณะนี้