สำรวจถนนข้าวสารหลังสหรัฐฯ ยังไม่เลิกส่งสัญญาณเตือนภัยก่อการร้าย พบต่างชาติยังคึกคัก นายกฯ ส.ผู้ค้าข้าวสาร รับกระทบทัวร์แน่ โวยมะกันประกาศเตือนทั้งที่พลเรือนไม่ค่อยมาเที่ยว สน.ชนะสงคราม ระดมกำลังตามจุดเสี่ยงเต็มที่ เกสต์เฮาส์รับยอดจองฮวบหลังข่าวออก จี้รัฐแจ้งข่าวต่างชาติให้ชัด ด้านนักเที่ยวฝรั่งเผยรู้คำเตือนแต่เชื่อมั่นในความปลอดภัย
หลังจากที่สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทย ออกประกาศเตือนภัยเมื่อวันที่ 13 ม.ค. ถึงความเป็นไปได้ที่อาจเกิดการก่อการร้าย ในกรุงเทพฯ โดยเตือนให้พลเรือนสหรัฐฯ ในประเทศไทยใช้ความระมัดระวังในการเข้าพื้นที่ที่ได้รับความนิยมจากชาวต่างชาติ ซึ่งต่อมาสถานเอกอัครราชทูตอังกฤษ ออสเตรเลีย แคนาดา อิสราเอล สวีเดน อิตาลี เยอรมัน เนเธอร์แลนด์ ไอร์แลนด์ ญี่ปุ่น และนอร์เวย์ รวม 11 ประเทศ ก็ได้ออกประกาศเตือนพลเมืองของตนเองเช่นกัน แม้ว่าทางรัฐบาลจะอ้างว่าสามารถจับตัวผู้ต้องสงสัยได้ 1 ราย แล้วก็ตาม แต่ล่าสุดนางคริสตี เคนนีย์ เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ก็ได้โพสต์บนเว็บไซต์ทวิตเตอร์ส่วนตัวยืนยันว่า สหรัฐฯ ยังไม่ถอนคำเตือนและขอให้พลเมืองหลีกเลี่ยงอย่าเข้าใกล้ในพื้นที่เป้าหมาย ซึ่งแน่นอนว่าการประกาศดังกล่าวนอกจากจะส่งผลในแง่ลบต่อประเทศไทยแล้ว ยังคงส่งผลเสียต่อธุรกิจการท่องเที่ยวในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ที่อยู่ในช่วงฤดูกาลการท่องเที่ยว รวมถึงเทศกาลตรุษจีนเช่นกัน
ผู้สื่อข่าว ASTVผู้จัดการ ได้เดินทางไปสำรวจในพื้นที่ถนนข้าวสาร เขตพระนคร ซึ่งเป็น 1 ใน 3 พื้นที่ที่ถูกระบุว่าเสี่ยงต่อภัยก่อการร้ายมากที่สุดในกรุงเทพฯ โดยพบว่า ยังคงมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาท่องเที่ยวกันตามปกติทั้งชาวยุโรป และชาวเอเชีย โดยร้านค้าและร้านอาหารภายในพื้นที่ก็ยังคงเปิดทำการค้าขายกันตามปกติ เช่นเดียวกับนักท่องเที่ยวที่มาเดินทางจับจ่ายใช้สอย
นายปิยะบุตร จิวระโมไนย์กุล นายกสมาคมผู้ประกอบการค้าถนนข้าวสาร กล่าวว่า ตนยอมรับว่าการท่องเที่ยวของประเทศในภาพรวมคงจะได้รับผลกระทบจากการประกาศเตือนภัยดังกล่าว โดยเฉพาะกรุ๊ปทัวร์จากต่างประเทศ แต่ในส่วนของถนนข้าวสาร คงไม่ได้รับผลกระทบมากนัก นักท่องเที่ยวก็ยังคงทยอยเดินทางมาเรื่อยๆ ซึ่งความจริงที่มาพักส่วนใหญ่ไม่ได้เป็นพลเรือนชาวอเมริกัน แต่เป็นนักท่องเที่ยวชาวยุโรป สแกนดิเนเวีย และเอเชีย เสียมากกว่า ซึ่งก็ค่อนข้างจะเป็นนักท่องเที่ยวที่ได้ตรวจสอบข้อมูลก่อนมาพอสมควร อย่างไรก็ตามตนมองว่าพื้นที่ดังกล่าวไม่ใช่จุดที่น่าจะก่อให้เกิดการก่อการร้าย เพราะขนาดเหตุการณ์จับกุมนายฮัมบาลี ที่มีการประกาศจะโจมตีถนนข้าวสาร แต่ท้ายที่สุดก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
"ผมก็ไม่เข้าใจว่าสหรัฐอเมริกาอยู่ๆ ก็มาประกาศถนนข้าวสารเป็นพื้นที่เสี่ยงทำไม ทั้งที่มีคนของเขามาเที่ยวน้อย ชาวอิสราเอลก็ไม่ค่อยมี ก็ไม่รู้ว่าต้องการจะมาดิสเครดิตกันหรือเปล่า คือคุณจะมาพูดกันอย่างนี้ไม่ได้ การท่องเที่ยวก็เสียกันหมด แต่ถ้าหากมองให้วิกฤตเป็นโอกาสก็ถือเป็นการประชาสัมพันธ์ถนนข้าวสารไปด้วยเสียเลย" นายกสมาคมผู้ประกอบการค้าถนนข้าวสาร กล่าว
ในส่วนของการรักษาความปลอดภัยในพื้นที่ พ.ต.ท.เอกรัตน์ เปาอินทร์ รอง ผกก.ป.สน.ชนะสงคราม กล่าวว่า นอกเหนือจากการดูแลความปลอดภัยตามปกติแล้ว ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติและกองบัญชาการตำรวจนครบาลก็จัดส่งเจ้าหน้าที่มาเสริมการปฏิบัติ เช่น กองปราบปราม กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว และกองกำกับการตำรวจปฏิบัติการพิเศษนำรถมาทำการตรวจเพิ่มขึ้นในพื้นที่ และทางกองบังคับการตำรวจนครบาล 1 จัดส่งชุดจู่โจมชุดปะฉะดะมาตรวจตลอด 24 ชั่วโมง ประจำจุดล่อแหลมต่างๆ เพื่อป้องกันเหตุให้มากขึ้นกว่าปกติ โดยใช้กำลังตำรวจประจำจุดทั้งในเครื่องแบบและนอกเครื่องแบบทำการสอบสวนหาข่าว ทำการป้องกันเหตุ ทำการประจำจุดในจุดที่คาดว่าจะล่อแหลมเพื่อป้องกันเหตุ ขณะที่นักท่องเที่ยวเวลานี้ก็มีปริมาณมากพอสมควร ยังไม่น่ากังวล
"ตามปกติทาง สน.ชนะสงคราม ก็ทำการรักษาความปลอดภัย ดูแลเรื่องนักท่องเที่ยวและป้องกันมาตลอด เมื่อมีการข่าวอะไรเพิ่มเติมเข้ามา ถ้ากำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ไม่เพียงพอก็จะทำการร้องขอจากหน่วยเหนือเพิ่มกำลังขึ้นมาตามการข่าว ก็น่าจะไม่มีปัญหาอะไร นอกจากนี้เห็นว่าเรื่องก่อการร้ายนั้นคลี่คลายเรียบร้อยแล้ว เป้าหมายก็ไม่ใช่ถนนข้าวสารแล้ว ไม่มีเหตุการณ์ร้ายแรงเกิดขึ้น แต่ตำรวจยังคงตรึงกำลังไว้อยู่เพื่อความสบายใจของนักท่องเที่ยวและประชาชน และยังตรวจเข้มตลอด 24 ชั่วโมง" พ.ต.อ.เอกรัตน์ กล่าว
ด้านผู้ประกอบการโรงแรมในย่านข้าวสาร นายสรเทพ โรจน์พจนารัช ประธานฝ่ายเจ้าหน้าที่ปฎิบัติการ บัดดี้กรุ๊ป โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท กล่าวเมื่อวันที่ 16 ม.ค.ยอมรับว่า ยอดจองห้องพัก ของโรงแรมในเครือ ที่จะเดินทางมาในช่วงวันจันทร์ถึงวันพฤหัสบดี (16-19 ม.ค.) นี้ ลดลงมากถึง 50% สาเหตุเพราะหลายประเทศประกาศเตือนนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้ามาประเทศไทย ขณะที่นักท่องเที่ยวที่เดินทางมายังถนนข้าวสารส่วนใหญ่ เป็นกลุ่มที่ไม่บุ๊คกิ้งนาน จะจองล่วงหน้าแค่ 2 - 3 วัน ก่อนเดินทาง และจะไม่นิยมโทรศัพท์มาสอบถาม แต่จะหาข้อมูลจากข่าวสาร เมื่อเกิดข่าวเช่นนี้ขึ้น เขาจึงเกิดความไม่มั่นใจ ส่วนช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาแขกที่จองไว้ยังเข้าพักเต็ม 100% เพราะเดินทางมาแล้ว และยังไม่ได้รับข่าวสาร
"สิ่งที่ผู้ประกอบการโรงแรมและธุรกิจท่องเที่ยวในถนนข้าวสารต้องการขณะนี้ คือ ความชัดเจนของรัฐบาลและการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) ควรแสดงท่าทีที่จะแจ้งข่าวถึงการจัดการกับข่าวนี้อย่างชัดเจน เพราะเราสามารถจัดการและจับตัวผู้ก่อการร้ายได้แล้ว ก็ต้องออกข่าวให้ต่างชาติได้รับรู้ว่าเรื่องทั้งหมดรัฐจัดการได้จบแล้ว เพื่อเรียกความมั่นใจกลับคืนมาโดยเร็ว เพราะช่วงนี้ยังอยู่ในฤดูไฮซีซั่นอยู่" นายสรเทพ กล่าว
ส่วนผู้ค้ารายย่อยในพื้นที่ นายสาย เดชวงศา พ่อค้าข้าวเหนียวมะม่วง กล่าวว่า หลังจากที่หลายประเทศได้ประกาศเตือนภัยพลเรือนของตนก็ทำให้ในช่วง 2 - 3 วันที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวเที่ยวในพื้นที่ค่อนข้างบางตาลง ทำให้ยอดขายลดลงไปพอสมควร แต่ในวันนี้ (18 ม.ค.) ดูเหมือนกับจะมีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ผู้สื่อข่าวยังได้สัมภาษณ์นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาเที่ยวในถนนข้าวสารด้วย โดย น.ส.จูเลีย (Julia) นักท่องเที่ยวสัญชาติแคนาดา กล่าวว่า ตนทราบเช่นกันว่าทางสถานเอกอัครราชทูตฯ ได้ประกาศเตือนภัยดังกล่าว แต่ส่วนตัวก็ไม่รู้สึกกังวล เพราะไม่ได้มีเหตุเกิดขึ้นอย่างที่เป็นข่าว และก็พบว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจคอยดูแลความปลอดภัยค่อนข้างเยอะ อย่างไรก็ตามก็ยังคงจะเดินทางท่องเที่ยวในประเทศไทยเหมือนเดิม
เช่นเดียวกับ นางกาตินก้า ดัลควิสท์ (Katinka Dalqvist) นักท่องเที่ยวสัญชาติสวีเดนที่มาท่องเที่ยวพร้อมกับสามีและบุตร ก็กล่าวว่า ทราบข่าวเป็นอย่างดี เพราะบุคคลต้องสงสัยที่ถูกจับได้ก็ถือพาสปอร์ตของสวีเดนด้วย แต่ก็ไม่รู้สึกกังวลแต่อย่างใด เพราะเชื่อว่าประเทศไทยยังคงปลอดภัยอยู่
อย่างไรก็ตามผู้สื่อข่าวพยายามที่จะสอบถามถึงสถานการณ์ดังกล่าวต่อผู้ประกอบการชาวอิสราเอลที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ถนนรามบุตรี แต่ก็พบว่าส่วนใหญ่ไม่ต้องการที่จะถูกสัมภาษณ์ นอกจากนี้ยังพบตำรวจในเครื่องแบบยืนประจำจุดบริเวณที่มีชาวอิสราเอลพลุกพล่านด้วย