เจ้าหน้าที่เตรียมความพร้อมรับมือ "ม็อบเสื้อแดงถ่อย" ตรวจกล้องวงจรปิดให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน ทั้งติดตั้งลำโพงไว้ในทำเนียบฯหลายจุด ขณะที่หัวหน้าหน่วยงานต่างๆ สั่งการให้ข้าราชการเซฟข้อมูลสำคัญไว้ในแฮนดี้ไดร์ฟ หรือถอดฮาร์ดดิสก์คอมฯ ไว้ต่างหาก ป้องกันข้อมูลราชการสูญหาย-รั่วไหล ด้านมาตรการรักษาความปลอดภัย ทหาร-ตำรวจ ตรึงกำลังแน่นทำเนียบฯ ขณะที่แม่ทัพภาค 1 โต้เสื้อแดง ยันกองทัพใช้มาตรฐานเดียว เป็นทหารของประชาชนและประเทศ ไม่ต้องการปะทะม็อบ
วันนี้ (25 มี.ค.) เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจความพร้อมของกล้องวงจรปิดที่บริเวณถนนราชดำเนินนอก ให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน เพื่อเป็นการเตรียมพร้อมรับมือการชุมนุมใหญ่ของม็อบเสื้อแดงในวันพรุ่งนี้ (26 มี.ค.) ส่วนการเตรียมความพร้อมภายในทำเนียบรัฐบาล เจ้าหน้าที่ได้เข้าติดตั้งลำโพงขนาดใหญ่ไว้หลายจุด คือ ที่บริเวณด่านฟ้า และข้างตึกสันติไมตรี ที่ติดอยู่กับถนนพิษณุโลก รวมทั้งที่ประตู 7 ฝั่งคลองผดุงกรุงเกษม
สำหรับในส่วนข้าราชการที่ทำงานภายในทำเนียบรัฐบาล ทางหัวหน้าหน่วยงานต่างๆ ได้มีคำสั่งให้ข้าราชการที่จะเดินทางมาทำงานในวันพรุ่งนี้ (26 มี.ค.) นำรถเข้ามาได้เพียงประตูเดียว คือ ฝั่งสะพานอรทัย นอกจากนี้ ยังมีการสั่งให้ข้าราชการเก็บข้อมูลสำคัญทางราชการไว้ในแฮนดี้ไดร์ฟ หรือให้ถอดฮาร์ดดิสก์เครื่องคอมพิวเตอร์ไว้ต่างหาก เพื่อป้องกันข้อมูลทางราชการรั่วไหลหรือสูญหาย
ด้านมาตรการรักษาความปลอดภัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ภายในทำเนียบรัฐบาล ได้มีการเตรียมพร้อมรับมือม็อบเสื้อแดงด้วยการจัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจากกองบัญชาการตำรวจนครบาลจำนวน 27 กองร้อย และทหาร ตรึงกำลังแน่นอยู่ภายใน พร้อมทั้งมีเจ้าหน้าที่เทศกิจอีกกว่า 300 นาย ที่คอยประจำการอยู่ ซึ่งหากกลุ่มผู้ชุมนุมมีจำนวนมาก ก็พร้อมเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่เทศกิจเป็น 900 นาย นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ได้นำเชือกฟางมากั้นบริเวณสนามหญ้าหน้าตึกไทยคู่ฟ้า เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ชุมนุมเข้าไปในพื้นที่ดังกล่าวอีกด้วย
ขณะที่ พล.ท.คณิต สาพิทักษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 กล่าวถึงกรณีที่ม็อบเสื้อแดงหาว่ากองทัพใช้ 2 มาตรฐานในการดูแลกลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อเหลืองและเสื้อแดง โดยแม่ทัพภาคที่ 1 ยืนยันว่า กองทัพใช้มาตรฐานเดียว คือ เป็นทหารของประชาชนและของประเทศ ไม่ต้องการปะทะกับม็อบแต่อย่างใด ส่วนในสมัยรัฐบาลชุดที่ผ่านมา ไม่ได้มีการขอร้องให้ทหารเข้าไปดูแลภายในทำเนียบรัฐบาล สำหรับสิ่งที่หลายฝ่ายกังวลว่า ม็อบเสื้อแดงจะชุมนุมยืดเยื้อนั้น ทางกองทัพมองว่าเป็นเรื่องที่ฝ่ายบริหารต้องดูแล ทางทหารมีหน้าที่เป็นเพียงฝ่ายปฏิบัติอย่างเดียว
ด้านรัฐบาลก็เตรียมรับมือเช่นกัน โดยวานนี้ มีความเคลื่อนไหวอย่างคึกคัก โดย ฝ่ายอาคารกองสถานที่ สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้นำเชือกไนล่อนมาขึงล้อมรอบบริเวณสนามหญ้า หน้าตึกไทยคู่ฟ้า สนามหญ้าฝั่งห้องผู้สื่อข่าวทำเนียบทั้งห้องผู้สื่อข่าวใหม่และเก่า รวมถึงสนามหญ้า ต่างๆที่เพิ่งมีการปลูกขึ้นมาใหม่เมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเป็นการป้องกัน กรณีกลุ่มผู้ชุมนุมบุกเข้าทำเนียบฯและเข้ามาเหยียบย่ำสนามหญ้า
ขณะเดียวกัน ได้มีการเก็บธงชาติ และธงสัญลักษณ์ต่างๆที่ปักเสารั้วกำแพงทำเนียบฯ เพื่อป้องกันไม่ให้กลุ่มผู้ชุมนุมนำไปเป็นอาวุธปะทะเจ้าหน้าที่ ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารไม่ต่ำกว่า 6,000 นาย ต่างทยอยเคลื่อนกำลังพลเข้ามาประจำการรักษาทำเนียบฯตั้งแต่เย็นวานนี้ ซึ่งยังคงใช้แผนเดิมในการรักษาความปลอดภัยจากกลุ่มเสื้อแดงเมื่อวันอังคารที่ 24 ก.พ.มาใช้กับครั้งนี้
ทั้งนี้ มีการนำลวดหนามหลายร้อยขดมาติดตั้งภายในข้างกำแพงทำเนียบทุกด้าน ขณะที่ได้มีการนำรถดับเพลิง รถฉีดน้ำ รถปั่นไฟ เข้ามาภายในทำเนียบฯ ไม่ต่ำกว่า 20 คัน โดยเบื้องต้นในส่วนรถดับเพลิง ได้รับความร่วมมือจากกองบรรเทาสาธารณภัย กรุงเทพมหานคร
ด้านหลังของตึกสันติไมตรี ปรากฎว่า ทหารจากกองพลทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ จำนวน 27 กองร้อย ซึ่งเป็นกำลังหลักในการรับมือได้มีการมาเตรียมป้องกันเหตุชุมนุม โดยเข้าพักที่ตึกสันติไมตรีทั้งหลังนอกและหลังใน พร้อมนำเสบียงอาหาร ไม่ว่าจะเป็น ม่าม่า กาแฟ หลายพันกล่อง
ด้านข้าราชการทำเนียบรัฐบาล ซึ่งทำงานในส่วนของสำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักเลขาธิการคณะรรัฐมนตรี สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และหน่วยงานสังกัดสำนักนายกฯ ต่างเก็บข้าวของ เอกสารราชการ และของมีค่าในที่ปลอดภัย เป็นที่เรียบร้อย ทั้งนี้ได้มีคำสั่งจากสำนักเลขาธิการนายกฯ ให้ข้าราชการสตรีสวมใส่กางเกงเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ได้ โดยขอความร่วมมือไม่ควรนำรถมา สามารถเดินทางเข้าออกผ่านสะพานอรทัย และสะพานมัฆวาน
ขณะเดียวกันหากไม่สามารถเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ได้ สำนักเลขาธิการนายกฯได้มีแผนสองรองรับไว้แล้ว โดยให้ย้ายไปทำงานตามสถานที่ต่างๆที่เตรียมการรองรับไว้ล่วงหน้า เช่นสำนักเลขาธิการ ครม.ไปทำงานที่ กระทรวงวัฒนธรรม ย่านปิ่นเกล้า สำนักเลขาธิการนายกฯ ไปทำงานที่บ้านพิษณุโลกและบ้านมนังคศิลา
มีรายงานด้วยว่า ในช่วงค่ำวานนี้ เจ้าหน้าทีจะมาติดตั้งสะพานเหล็กชั่วคราว ข้ามคลองผดุงกรุงเกษม ระหว่างหน้าวัดโสมนัสพาดผ่านตรงมาฝั่งทำเนียบ บริเวณประตู 8 เพื่อเป็นสะพานให้นายกฯ เดินเท้าข้ามเข้ามาทำเนียบฯ หลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากลุ่มคนเสื่อแดง
สำหรับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี แม้จะยืนยันว่า ไม่หวั่นเกรงการปิดล้อมทำเนียบฯจะมาปฏิบัติงานตามปกติ แต่สำหรับวันนี้ นายอภิสิทธิ์ อ้างว่า มีภารกิจนอกทำเนียบตลอดวัน ซึ่งจากการตรวจสอบวาระงานทำเนียบฯ พบว่า เวลา 07.30 น. นายกฯ ร่วมงานแสดงความยินดีเนื่องในโอกาสวันครบรอบ 39 ปี สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ณ สถานี วิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสี ช่อง 3 อาคารมาลีนนท์ ถนน พระราม 4 กรุงเทพฯ เวลา 8.00 น. นายกฯ เป็นประธานพิธีมอบ “เช็คช่วยชาติ” ให้แก่ผู้ประกันตนที่ได้รับเช็ค หมายเลข 1 ณ บริเวณลานคนเมือง หน้าศาลว่าการกรุงเทพมหานคร เวลา 09.30 น. นายกฯเป็นประธานเปิดงาน “น้ำไร้พรมแดน” เนื่องในสัปดาห์อนุรักษ์ทรัพยากรน้ำแห่งชาติ และวันลาน้ำโลก ณ ห้องรอยัลจูบิลี่ อาคารชาแลนเจอร์ อิมแพค เมืองทองธานี จ.นนทบุรี เวลา 11.00 น. นายกฯ ประชุมสภาผู้แทนราษฎร อาคารรัฐสภา เวลา 11.30 น. H.E Rohita Bogollagama รมว.กระทรวงต่างประเทศ สาธารณรัฐสังคมนิยมประชาธิปไตยแห่งศรีลังกา เข้าเยี่ยมคารวะนายกฯ ห้องรับรอง 2 ชั้น 2 อาคารัฐสภา และ เวลา 16.00 น. นายกฯเป็นประธานพิธีเปิดตัวโครงการเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อยกระดับชุมชน( โครงการชุมชนพอเพียง ) ณ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (ศูนย์รังสิต) อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี
ทั้งนี้มีรายงานว่านายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ จะเดินทางเข้ามาทำงานในทำเนียบ