กลุ่มคนเสื้อแดง ช่วยกันสร้างสะพานไม้ ข้ามคลองผดุงกรุงเกษม เพื่อใช้ข้ามระหว่างทำเนียบรัฐบาล ไปยังฝั่ง มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร วิทยาเขตพณิชยการพระนคร ซึ่งเป็นไปเหมือนเมื่อครั้งที่พันธมิตรฯ เคยสร้างสะพานไม้ไผ่ ข้ามคลองผดุงกรุงเกษม ที่ตั้งชื่อว่า “สะพานอังคณาเมธี” เมื่อคราวชุมนุมยืดเยื้อภายในทำเนียบรัฐบาลเมื่อปลายปี 2551 ที่ผ่านมา
ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) บริเวณด้านหน้าทำเนียบรัฐบาล วันนี้ (25 ก.พ.) ว่า ตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมาผู้ชุมนุมค่อนข้างบางตา ในขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรึงกำลังรักษาความปลอดภัยบริเวณโดยรอบทำเนียบรัฐบาลอยู่ตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา ขณะที่ช่วงเช้า พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล และ พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ได้เดินทางมาตรวจเยี่ยมกำลังพล รวมถึงประชุมวางแผนรับมือกับกลุ่มผู้ชุมนุม
นอกจากนี้เป็นที่น่าสังเกตว่า ทางกลุ่ม นปช.ได้ทำการตั้งเต็นท์พยาบาลขึ้นบริเวณถนนหน้าทำเนียบรัฐบาล รวมถึงยังมีการสร้างสะพานไม้ข้ามคลองผดุงกรุงเกษม เพื่อใช้ข้ามระหว่างทำเนียบรัฐบาลไปยังฝั่งมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร วิทยาเขตพณิชยการพระนคร ซึ่งเหมือนเมื่อครั้งที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เคยสร้างสะพานไม้ไผ่ข้ามคลองผดุงกรุงเกษม ที่ตั้งชื่อว่า “สะพานอังคณาเมธี” ซึ่งเป็นสะพานที่ข้ามไประหว่างทำเนียบรัฐบาล กับตลาดนัดริมกำแพงมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล วิทยาเขตพณิชยการพระนคร เมื่อคราวชุมนุมยืดเยื้อภายในทำเนียบรัฐบาลเมื่อปลายปี 2551 ที่ผ่านมา
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า การสร้างสะพานของคนเสื้อแดง ได้ใช้ผู้ชุมนุมผู้ชายประมาณ 10 คนโดยนำท่อนไม้ตอกลงไปทำเป็นเสาและนำแผ่นไม้กระดานมาวางเรียงต่อๆ กัน ซึ่งสะพานมีความกว้างประมาณ 2 เมตร จากการสอบถามผู้ชุมนุมที่ช่วยกันสร้างพบว่าทำเพื่อจะได้เป็นทางลัดในการข้ามไปฝั่งทำเนียบ จะได้ไม่ต้องเดินอ้อมไกล
บริเวณใกล้กับสะพานนั้นผู้ชุมนุมยังได้สร้างห้องอาบน้ำ 4 ห้องที่มีการนำไม้ไผ่มาตอกลงพื้นทำเป็นมุมสี่เหลี่ยมผืนผ้ายาวประมาณ 5 เมตรกว้าง 2 เมตร จากนั้นได้นำผ้าใบสีน้ำเงินมาขึงกั้นไม่ให้คนภายนอกมองเห็นคนที่กำลังอาบน้ำ โดยภายในห้องอาบน้ำมีการนำถังเก็บน้ำขนาดใหญ่ประมาณ 200 ลิตรไปวางบนห้างร้านที่ต่อให้สูงกว่าพื้น เพื่อจะได้ใช้ระบบการปล่อยน้ำที่อาศัยแรงโน้มถ่วงของโลก
นอกจากนี้ในส่วนของร้านค้า รถเข็น ด้านนอกบริเวณถนนพิษณุโลกก็ได้มีการจัดระเบียบให้เป็นแถวเป็นแนวมากขึ้น เพื่อความสะดวกในการเดินของผู้ชุมนุม
ในส่วนของกำลังเจ้าหน้าที่ในการยืนคุมเชิงนั้นใช้กำลังทหารมากกว่าตำรวจ โดยทหารแต่ละชุดจะยืนชุดละ 2 ชั่วโม งจากนั้นก็จะเปลี่ยนกำลัง โดยแต่ละชุดก็จะมีการสวมชุดลายพราง สวมหมวก เสื้อเกราะ โดยโล่เป็นเครื่องป้องกันเท่านั้น ทั้งนี้เนื่องจากในวันนี้มีอากาศที่ร้อนมากจึงทำให้ชุดทหารยืนอยู่นั้นถึงกับออกอาการร้อนอย่างเห็นได้ชัด โดยทหารบางนายถึงกับมองนาฬิกาข้อมืออยู่เป็นระยะเพื่อให้เวลาผ่านไป 2 ชั่วโมงโดยเร็ว
นอกจากนี้จากการสังเกตโรงอาหารที่ตึกบัญชาการที่มีร้านขายอาหารและเครื่องดื่มก็มีทหาร ตำรวจ เข้าคิวซื้อจำนวนมาก ทั้งที่แต่ละหน่วยมีการจัดหาอาหารกล่องมาแจกให้กับกำลังพลของตัวเอง ซึ่งจากการสอบถามทหารบางนายพบว่าตนต้องใช้เวลาในการยืนนานถึง 2 ชั่วโมงท่ามกลางแดดที่ร้อน แต่ปรากฏว่าอาหารในกล่องมีน้อยและเป็นอาหารที่ไม่ชอบกินจึงกินได้น้อย จนทำให้ต้องมาเสียเงินซื้ออีกรอบ และก็เช่นเดียวกับทหารอีกหลายนายที่บ่นเป็นเสียงเดียวกันว่าอาหารในกล่องมีน้อยไม่พออิ่มทั้งที่ใช้กำลังไปเยอะ จึงอยากบอกผู้ที่จัดหาอาหารกำชับร้านอาหารที่สั่งข้าวกล่องช่วยเพิ่มข้าวเยอะๆ และควรสั่งอะไรที่กินง่ายๆ อาทิ ผัดซีอิ๊ว ผัดกระเพรา ฯ