xs
xsm
sm
md
lg

สรุปข่าวเด่นในรอบสัปดาห์ 9-15 มี.ค.2551

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


คลิกที่นี่ เพื่อฟังสรุปข่าวฯ


1. “สมเด็จพระราชินี” ทรงพระประชวรพระโรคหวัดใหญ่และหลอดพระวาโยอักเสบ!

เมื่อวันที่ 9 มี.ค. สำนักพระราชวังได้ออกแถลงการณ์ เรื่อง สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงพระประชวรพระโรคหวัดและหลอดพระวาโยอักเสบ(หลอดลมอักเสบ) ทรงมีไข้และทรงพระกรรสะ(ไอ)มาก ซึ่งคณะแพทย์ได้ถวายพระโอสถปฏิชีวนะ และกราบบังคมทูลขอพระราชทานเชิญเสด็จไปประทับ ณ ตึก สก.ชั้น 20 โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ เมื่อเวลา 02.00น.ของวันที่ 9 มี.ค. เพื่อตรวจพระวรกายโดยละเอียดและติดตามดูแลพระอาการต่อไปอีก 2-3 วัน วันต่อมา(10 มี.ค.) สำนักพระราชวังได้ออกแถลงการณ์ ฉบับที่ 2 ว่า พระอาการโดยทั่วไปดีขึ้น ยังทรงมีไข้ ทรงพระกรรสะน้อยลง อาการอักเสบของหลอดพระวาโยทุเลาลง ทรงพระดำเนินได้ดี บรรทมได้นาน และเสวยพระกระยาหารได้เพิ่มขึ้น ผลการตรวจเอ็กซเรย์พระปัปผาสะ(ปอด) เป็นที่พอใจของคณะแพทย์ ผลการตรวจเชื้อไวรัสจากพระเสมหะและพระโลหิตพบว่า เป็นเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ สกุล Influenza A ชนิด 3 เอ็น 2 ผลการตรวจดีเอ็นเอของไวรัสพบว่า เป็นสายพันธุ์ปกติ ไม่ใช่กลายพันธุ์ซึ่งมีโอกาสดื้อต่อพระโอสถที่ถวาย ต่อมา(11 มี.ค.)สำนักงานพระราชวังได้ออกแถลงการณ์ ฉบับที่ 3 ว่า พระอาการโดยทั่วไปดีขึ้นโดยลำดับ และล่าสุด(14 มี.ค.)คณะแพทย์ที่ถวายการรักษามีความเห็นว่า พระอาการทุกอย่างเป็นไปตามแถลงการณ์ฉบับที่ 3 ซึ่งพระอาการประชวรดีขึ้นโดยลำดับ อย่างไรก็ตาม คณะแพทย์เห็นว่า พระองค์ควรประทับพักพระวรกายในโรงพยาบาลต่อไปอีกระยะหนึ่ง จนกว่าพระอาการจะหายเป็นปกติ ทั้งนี้ ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ประชาชนและบุคคลสำคัญของบ้านเมืองต่างทยอยเดินทางไปร่วมลงนามถวายพระพรสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถให้ทรงหายจากพระอาการประชวรโดยเร็ว ขณะที่เอกอัครราชทูตและตัวแทนหลายประเทศได้เดินทางไปร่วมลงนามถวายพระพรเช่นกัน

แถลงการณ์ฉบับที่ 4 พระราชินีอาการทั่วไปดีขึ้น ทรงออกกำลังพระวรกายได้ดี
ปธ.องคมนตรีทูลเกล้าฯ ถวายแจกันดอกไม้-ถวายพระพร "พระราชินี"
“พระราชินี” ทรงรับทราบถึงความห่วงใยของพสกนิกร
“สมเด็จพระเทพฯ” ทรงติดตามพระอาการประชวร “สมเด็จพระราชินี”


2. “ศาล”อนุญาตให้ “ทักษิณ”บินไปอังกฤษ 1 เดือน พร้อมสั่งให้กลับมารายงานตัว 11 เม.ย.!

เมื่อวันที่ 10 มี.ค. พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในฐานะจำเลยที่ 1 ในคดีทุจริตที่ดินรัชดาฯ ได้ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เพื่อขออนุญาตเดินทางออกนอกประเทศตั้งแต่วันที่ 14 มี.ค.-10 เม.ย.นี้ โดยให้เหตุผลว่า มีภารกิจต้องเดินทางไปประเทศอังกฤษ เพื่อบริหารงานสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ซิตี้ รวมทั้งมีภารกิจที่ต้องเดินทางไปประเทศอื่นๆ ด้วย ทั้งนี้ การยื่นคำร้องดังกล่าว มีขึ้นก่อนจะถึงวันที่ศาลนัด พ.ต.ท.ทักษิณเพื่อสอบคำให้การในคดีดังกล่าวในวันที่ 12 มี.ค. โดยศาลใช้เวลาพิจารณาคำร้องของ พ.ต.ท.ทักษิณ 1 วัน และได้มีคำสั่งในวันต่อมา(11 มี.ค.) อนุญาตให้ พ.ต.ท.ทักษิณเดินทางออกนอกประเทศระหว่างวันที่ 14 มี.ค.-10 เม.ย.ได้ และมีคำสั่งให้ พ.ต.ท.ทักษิณต้องกลับมารายงานตัวต่อศาลในวันที่ 11 เม.ย. ส่วนบรรยากาศวันขึ้นศาลเพื่อสอบให้การของ พ.ต.ท.ทักษิณเมื่อวันที่ 12 มี.ค.นั้น ปรากฏว่า เป็นไปด้วยความคึกคัก เพราะมีกองเชียร์ทั้งเครือญาติ อดีตรัฐมนตรีในรัฐบาลทักษิณ รวมทั้งอดีตแกนนำพรรคไทยรักไทยและแกนนำพรรคพลังประชาชนไปให้กำลังใจจำนวนมาก โดย พ.ต.ท.ทักษิณยังคงนั่งรถกันกระสุนไปศาลเช่นเดิม หลังองค์คณะผู้พิพากษาในคดีซื้อที่ดินรัชดาฯ ทั้ง 9 ออกนั่งบัลลังก์ ได้อธิบายคำฟ้องให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ในฐานะจำเลยที่ 1 ฟัง พร้อมถามว่า ได้กระทำผิดจริงหรือไม่ ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณยืนยันให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ศาลจึงได้นัดตรวจสอบพยานหลักฐานพร้อมกับจำเลยที่ 2 คือ คุณหญิงพจมาน ในวันที่ 29-30 เม.ย.(เวลา 10.00น.) พร้อมกันนี้ ศาลได้อนุญาตให้มีการพิจารณาและไต่สวนพยานหลักฐานลับหลังตามที่ พ.ต.ท.ทักษิณร้องขอ เพราะบางเวลา พ.ต.ท.ทักษิณอาจไม่สะดวกมาศาล หากขอเลื่อนคดี อาจทำให้คดีล่าช้าได้ ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่า ก่อนหน้าจะเดินทางไปประเทศอังกฤษเมื่อกลางดึกคืนวันที่ 13 มี.ค.(หรือ 01.00น.วันที่ 14 มี.ค.) พ.ต.ท.ทักษิณได้เดินสายเข้าวัดทำบุญไหว้พระวัดต่างๆ หลายวัด นอกจากนี้ก่อนออกเดินทาง พ.ต.ท.ทักษิณยังได้รับประทานร่วมกับกลุ่ม ส.ส.อีสานกว่า 80 คน รวมทั้งนายเนวิน ชิดชอบ อดีตแกนนำพรรคไทยรักไทย และรัฐมนตรีหลายคนในพรรคพลังประชาชนที่ห้องอาหารซิตี้การ์เด็น ชั้น 2 อาคารผู้โดยสาร สนามบินสุวรรณภูมิ เช่น นายธีระชัย แสนแก้ว รมช.เกษตรฯ ,นายสุพล ฟองงาม รมช.มหาดไทย ,นายทรงศักดิ์ ทองศรี รมช.คมนาคม เป็นต้น

ไปแล้ว! “แม้ว” ได้ฤกษ์ 01.10 น.บินกลับเมืองผู้ดี

3. “อนุฯ กกต.”มีมติไม่ยุบ“ชท.-มฌ.” ขณะที่ “พปช.”หนาว-เข้าข่ายนอมินี“ทรท.”!

เมื่อวันที่ 11 มี.ค. คณะอนุกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงคดียุบพรรคชาติไทย(ชท.)และพรรคมัชฌิมาธิปไตย(มฌ.)ของ กกต.ที่มีนายบุญทัน ดอกไธสง เป็นประธาน ได้ประชุมลงมติคดีดังกล่าว หลังประชุม นายธนพิชญ์ มูลพฤกษ์ โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ซึ่งเป็น 1 ในอนุกรรมการดังกล่าว เผยว่า ที่ประชุมได้พิจารณาเพื่อหาผลสรุปว่า พรรคมีส่วนรู้เห็นการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งของกรรมการบริหารพรรคที่ถูกตัดสิทธิหรือไม่ คือ นายมณเฑียร สงฆ์ประชา อดีตว่าที่ ส.ส.ชัยนาท ในฐานะกรรมการบริหารพรรคชาติไทย และนายสุนทร วิลาวัลย์ อดีตว่าที่ ส.ส.ปราจีนบุรี ในฐานะกรรมการบริหารพรรคมัชฌิมาธิปไตย ซึ่งที่ประชุมได้มีมติไปในทางเดียวกันเอกฉันท์ 4 เสียง แต่ไม่ขอเปิดเผยว่า มติเห็นอย่างไร ยุบหรือไม่ยุบ 2 พรรคดังกล่าว ทั้งนี้ มีรายงานว่า อนุกรรมการดังกล่าวเห็นว่าการกระทำของนายมณเฑียรและนายสุนทรที่โดนใบแดง เป็นการกระทำส่วนตัว พรรคไม่มีส่วนรู้เห็น อนุกรรมการทั้ง 4 คนที่ตรวจสอบเรื่องนี้ จึงมีมติเอกฉันท์ให้ยกคำร้องเรื่องยุบพรรคทั้ง 2 พรรคดังกล่าว ก่อนส่งผลสอบพร้อมมติให้ กกต.พิจารณาต่อไป ซึ่ง กกต.เตรียมประชุมพิจารณามติของอนุกรรมการดังกล่าวในวันที่ 18 มี.ค.นี้ ส่วนความคืบหน้าการพิจารณาคดีพรรคพลังประชาชน(พปช.)เป็นนอมินีพรรคไทยรักไทยหรือไม่นั้น เมื่อวันที่ 11 มี.ค. กกต.ได้ประชุมพิจารณาผลสรุปของคณะอนุกรรมการชุดที่มีนายไพฑูรย์ เนติโพธิ์ เป็นประธาน โดยให้เลขานุการอนุกรรมการชุดดังกล่าวเข้าชี้แจงด้วย จากนั้น กกต.ได้มีมติให้อนุกรรมการไปสอบเพิ่มเติม โดยให้สอบ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ตามที่มีข้อกล่าวหาว่า พ.ต.ท.ทักษิณมีส่วนเข้ามาจัดการส่งผู้สมัครรับเลือกตั้ง ครอบงำ และสนับสนุนเงินในการจัดตั้งพรรคพลังประชาชนหรือไม่ 2.ให้พิจารณาข้อบังคับพรรคพลังประชาชนเกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ของกรรมการบริหารพรรค 3.ให้สอบนายวีระ สมความคิด และนายศุภผล เอี่ยมเมธาวี ผู้ร้องในคดีนี้เพิ่มเติม โดยให้อนุกรรมการทำให้แล้วเสร็จภายใน 15 วัน วันต่อมา(12 มี.ค.) นายสุเมธ อุปนิสากร กกต.ด้านการมีส่วนร่วม ให้สัมภาษณ์กรณีที่ กกต.มีมติให้อนุกรรมการที่สอบเรื่องนอมินีไปสอบเพิ่ม 3 ประเด็น โดยยอมรับว่า เพราะผลสรุปของอนุกรรมการมีความเห็นคล้ายๆ ว่าพรรคพลังประชาชนจะเป็นตัวการตัวแทน จึงเห็นว่า อาจจะเข้ามาตรา 94 และ 97 ของ พ.ร.บ.พรรคการเมือง จึงเห็นควรให้สอบ พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะถ้า กกต.ลงมติอันเป็นผลร้ายไป อาจจะไม่ถูกต้อง จึงต้องสอบ พ.ต.ท.ทักษิณเพิ่มเติม ด้านนายไพฑูรย์ เนติโพธิ์ ประธานอนุกรรมการสอบความเป็นนอมินีของพรรคพลังประชาชนกับพรรคไทยรักไทย บอก ในฐานะที่เป็นผู้ทำสำนวนนี้ คิดว่า สำนวนมีความสมบูรณ์แล้ว เพราะเห็นว่า มีพยานหลักฐานที่เป็นข้อเท็จจริงปรากฏตามซีดีและหนังสือพิมพ์อยู่แล้ว แต่เมื่อ กกต.ต้องการให้สอบเพิ่ม ก็ไม่ขัดข้อง โดยคาดว่าจะสามารถทำสำนวนแล้วเสร็จภายใน 15 วันตามที่ กกต.กำหนดอย่างแน่นอน ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่า แม้อนุกรรมการจะสรุปว่า พรรคพลังประชาชนเข้าข่ายเป็นตัวการตัวแทนหรือนอมินีของพรรคไทยรักไทย แต่ในแง่กฎหมาย การจะเอาผิดหรือลงโทษ ยังเป็นเรื่องที่คลุมเครือ เพราะไม่มีบทบัญญัติที่ชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องนอมินี ขณะที่นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกฯ และรองเลขาธิการพรรคพลังประชาชน ก็ชี้ว่า “กฎหมายเขียนไว้ตรงไหนเรื่องนอมินี ข้อหานอมินีเป็นอย่างไร ยืนยันว่าในทางการเมือง มันตั้งตัวแทนไปทำหน้าที่แทนกันไม่ได้ ไม่เหมือนกับธุรกิจ จึงไม่สามารถนำไปเทียบเคียงกับกฎหมายแพ่งได้” นายชูศักดิ์ ยังอ้างด้วยว่า การที่ พ.ต.ท.ทักษิณพูดเชียร์หรือสนับสนุนพรรคพลังประชาชน เป็นสิทธิที่ทำได้ เพราะประชาชนชาวไทยควรมีสิทธิและเสรีภาพทางการเมืองที่จะพูดว่าสนับสนุนพรรคนั้นพรรคนี้ ไม่เสียหายอะไร ถ้าห้ามพูดห้ามเชียร์ ห้ามทำอะไรเลย ก็ไม่รู้ว่าบ้านนี้เมืองนี้จะอยู่กันอย่างไร ด้านนายไพฑูรย์ เนติโพธิ์ ประธานอนุกรรมการสอบเรื่องนอมินี ชี้ว่า สังคมอย่าสับสนกับคำว่านอมินี เพราะถ้อยคำนี้ไม่มีใช้ในกฎหมาย แต่มีความหมายในเชิงการเป็นตัวแทนซื้อขายกันทางการค้า ดังนั้น หากตั้งธงว่าพรรคพลังประชาชนเป็นนอมินีของพรรคไทยรักไทยหรือไม่ จะไม่อาจหาความผิดกับนายสมัคร สุนทรเวช และพรรคพลังประชาชนได้ ซึ่งคณะอนุกรรมการไม่ได้เอาเรื่องนี้มาเป็นเกณฑ์ในการพิจารณา แต่จะดูในเชิงพฤติกรรมว่า นายสมัครและพรรคพลังประชาชนมีความเกี่ยวเนื่องกับพรรคไทยรักไทยหรือไม่ ซึ่งหลังจากพรรคไทยรักไทยถูกตัดสินยุบพรรค พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งเป็น 1 ใน 111 คนที่ถูกตัดสิทธิ ได้พูดส่งเสริมให้สมาชิกพรรคพลังประชาชนมารวมตัวกัน และกำหนดการส่งผู้สมัครลงในแต่ละจังหวัด รวมทั้งมีการกำหนดให้คนเป็นหัวหน้าพรรค ซึ่งแม้แต่สมาชิกพรรคพลังประชาชนเองก็ยังรับว่าเรื่องนี้เป็นความจริง และเชื่อว่ามีคำสั่งมาจากฮ่องกงจากลอนดอนจริง ดังนั้นจึงเข้าลักษณะตัวแทนทางการเมือง นายไพฑูรย์ เผยด้วยว่า อนุกรรมการได้รวบรวมรายละเอียดทั้งหมด ตั้งแต่สัญลักษณ์ของพรรคพลังประชาชนที่ใช้สีและลวดลายเลียนแบบพรรคไทยรักไทย ,การชำระภาษีอากร ,สัญญาเช่าตึกที่ได้รับสิทธิพิเศษจากเจ้าของอาคารที่ให้ใช้ฟรี ,นโยบายพรรคที่ลอกมาจากพรรคไทยรักไทย ,เงินบริจาคพรรค ฯลฯ ทั้งหมดจึงเป็นข้อเท็จจริงที่มากพอที่จะปรับเข้ากับกฎหมายที่มี แม้บางข้อกฎหมายอาจจะมองในมุมกว้าง แต่ตนมองว่าข้อเท็จจริงดังกล่าวน่าจะเป็นความผิดที่สามารถเทียบเคียงกับกฎหมายได้ ไม่ว่าจะเป็น รธน.2550 ,พ.ร.บ.ประกอบ รธน.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และการได้มาซึ่ง ส.ว. และ พ.ร.บ.ประกอบ รธน.ว่าด้วยพรรคการเมือง

กกต.ชี้ยุบไม่ยุบ “มฌ.-ชท.” เปรียบเสมือนดาบสองคม
มฌ.-ชท.โล่งอก สายข่าวยันส่อรอดยุบพรรค
“แม้ว” หัวดื้อส่งโฆษกแจง กกต.แทน คดีนอมินี ทรท.
“วีระ” จี้สำนึก กกต.เอาผิด พปช. “นอมินีแม้ว”
“พลังแม้ว” รับบทถนัด จี้ กกต.ยกคำร้องนอมินี ทรท.
พลังแม้วระรื่น! พูดเต็มปากไม่มีบัญญัติ “นอมินี (ทรท.)” ผิด กม.
กกต.อ้างไม่มี กม.เอาผิดนอมินี ทรท. ลั่นการเมืองอย่าชี้นำ
เกมส่อพลิกลุ้นเสียว “สุเมธ” เผยผลสอบอนุฯ ชี้พลังแม้ว “นอมินี ทรท.”
กกต.นัดเลื่อนชี้ “พลังแม้ว” นอมินี ทรท.เรียก “แม้ว” แจง


4. “คตส. ส่งฟ้อง“ครม.ทักษิณ”คดีหวยบนดินต่อศาลแล้ว ด้าน “รบ.”ตะแบงอุ้ม 3 รมต.ที่พันคดี!

เมื่อวันที่ 10 มี.ค. คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ(คตส.)ได้มอบหมายให้ทนายความนำคำฟ้อง(57 หน้า) พร้อมสำนวนพยานหลักฐานการทุจริตโครงการออกสลากพิเศษเลขท้าย 2 ตัว และ 3 ตัว(หวยบนดิน)จำนวน 45 ลัง ยื่นฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เพื่อให้ดำเนินคดี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ พร้อม ครม.รัฐบาลทักษิณ ที่มีมติ ครม.เมื่อวันที่ 8 ก.ค.2546 ให้ดำเนินโครงการออกหวยบนดิน ตั้งแต่งวดวันที่ 1 ส.ค.2546-26 พ.ย.2549 รวมทั้งคณะผู้บริหารสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลรวม 47 คน ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 147 ,152 ,153 ,154 ,157 ประกอบมาตรา 83 ,84 ,86 ,90 ,91 และความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์กรหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 มาตรา 3 ,4 ,8 ,9 ,10 ,11 โดย คตส.ขอให้ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยทั้ง 47 คนตามกฎหมาย พร้อมทั้งขอให้ศาลมีคำสั่งให้จำเลยทั้งหมดร่วมกันคืนหรือใช้ทรัพย์สินที่จำเลยทั้งหมดร่วมกันมีมติอนุมัติให้จ่ายเงินซึ่งเป็นเงินรายได้จากการออกสลากหวยบนดินรวมจำนวนกว่า 14,800 ล้านบาท และขอให้นับโทษ พ.ต.ท.ทักษิณ จำเลยที่ 1 ต่อจากคดีทุจริตซื้อ-ขายที่ดินรัชดาฯ ด้วย ด้านศาลฯ นัดฟังคำสั่งคดีว่าจะรับฟ้องหรือไม่วันที่ 14 พ.ค.นี้ ด้านที่ประชุม คตส.วันเดียวกัน(10 มี.ค.)ได้มีมติทำหนังสือแจ้งให้นายสมัคร สุนทรเวช นายกฯ รับทราบการดำเนินการสอบสวนคดีดังกล่าว ซึ่ง คตส.ได้ปฏิบัติหน้าที่โดยใช้อำนาจ ป.ป.ช.ตามที่ประกาศ คปค.ฉบับที่ 30 ให้อำนาจไว้ เพื่อให้นายสมัครพิจารณาว่า จะให้ 3 รัฐมนตรีในรัฐบาลนี้ที่เคยร่วมอยู่ใน ครม.ทักษิณและถูก คตส.ฟ้องในคดีหวยบนดิน หยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราวตามกฎหมาย ป.ป.ช.จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาหรือไม่ ทั้งนี้ 3 รัฐมนตรีในรัฐบาลนี้ที่ถูกฟ้องคดีหวยบนดิน ประกอบด้วย นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกฯ และรัฐมนตรีคลัง ,นายอนุรักษ์ จุรีมาศ รัฐมนตรีช่วยคมนาคม และนางอุไรวรรณ เทียนทอง รัฐมนตรีกระทรวงแรงงาน ด้านนายสมัคร สุนทรเวช นายกฯ ได้ออกมาอุ้ม 3 รัฐมนตรีดังกล่าวว่าไม่ต้องพักงานหรือหยุดปฏิบัติหน้าที่ โดยอ้าง คตส.ฟ้อง ครม.ทักษิณ ขณะนี้เปลี่ยนรัฐบาลแล้ว ตำแหน่งรัฐมนตรีก็เปลี่ยนไปแล้ว ขณะที่บรรดาแกนนำพรรคพลังประชาชนและอดีตแกนนำพรรคไทยรักไทยต่างออกมาปกป้อง 3 รัฐมนตรีเช่นกัน โดยนายพงษ์เทพ เทพกาญจนา โฆษกส่วนตัวของ พ.ต.ท.ทักษิณ อ้างเหมือนนายสมัครว่า 3 รัฐมนตรีดังกล่าวไม่จำเป็นต้องพักงาน เพราะได้ยุติบทบาทตำแหน่งในรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณแล้วหลังจากมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง นายพงษ์เทพ ยังดิสเครดิต คตส.ด้วยว่า ถ้า 3 รัฐมนตรีต้องยุติการทำหน้าที่ แล้วทำไมนางเสาวนีย์ อัศวโรจน์ อดีตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่เคยถูก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดกรณีขึ้นค่าตอบแทนให้ตัวเอง และขณะนี้เป็น คตส. ทำไมไม่หยุดการทำหน้าที่บ้าง ด้านนายสัก กอแสงเรือง กรรมการและโฆษก คตส.เปิดแถลงชี้แจง(12 มี.ค.)ว่า กรณีนางเสาวนีย์ ที่เคยถูกยื่นฟ้องศาลกรณีการขึ้นเงินเดือนตัวเองเมื่อครั้งเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญนั้น นางเสาวนีย์ไม่ได้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จึงไม่เข้าข่ายต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ เนื่องจากกฎหมาย ป.ป.ช. พ.ศ.2542 นั้น มาตรา 43(2) กำหนดว่า บุคคลที่ถูกชี้มูลความผิดที่จะปฏิบัติหน้าที่ต่อไปไม่ได้นั้น เฉพาะผู้ที่ดำรงตำแหน่งนายกฯ ,ส.ส.,ส.ว.หรือข้าราชการการเมืองเท่านั้น ด้าน นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกฯ และรัฐมนตรีคลัง ซึ่งคุมสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล และประกาศเมื่อเร็วๆ นี้ว่าจะฟื้นหวยบนดินขึ้นมาอีกครั้ง และขณะนี้ตกเป็น 1 ใน 3 รัฐมนตรีที่ถูก คตส.ฟ้องคดีหวยบนดิน ได้ออกมายืนยันว่า จะไม่หยุดปฏิบัติหน้าที่ โดยอ้างว่า คตส.หมดสิทธิฟ้องตนแล้ว เพราะตนพ้นจากตำแหน่งใน ครม.ทักษิณมาเกิน 2 ปีแล้ว นพ.สุรพงษ์ ยังบอกด้วยว่า สิ่งที่ตนอ้างอิงนี้เป็นเอกสารของ ป.ป.ช.เมื่อปี 2545 ด้านนายกล้านรงค์ จันทิก 1 ในคณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้ออกมาชี้แจงว่า กรณีที่บุคคลพ้นตำแหน่งเกิน 2 ปี แล้ว ป.ป.ช.ไม่สามารถชี้มูลความผิดได้นั้น ครอบคลุมเฉพาะเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือรัฐวิสาหกิจเท่านั้น ไม่รวมถึงผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองอย่างนายกฯ ,ส.ส.,ส.ว.หรือข้าราชการการเมือง ที่คดีมีอายุความตามกฎหมายอาญา และ พ.ร.บ.ประกอบ รธน.ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ.2542 มาตรา 23

“กล้านรงค์” แฉโฆษกหุ่นเชิดมั่ว ตะแบงอุ้ม รมต.หวย
“ชูศักดิ์” ย้ำถามอำนาจ คตส. หวังบิดเบือนอุ้ม 3 รมต.
“สมุนแม้ว” เจ้าเล่ห์! ใช้โฉมหน้าการเมืองหวังฟอกตัว 3 รมต.
ส่อป่วนหากฎีกาฯ รับฟ้องคดีหวยชี้ 3 รมต.ต้องยุติทำหน้าที่
คตส.หักดิบยื่นฟ้อง “แก๊งแม้ว” คดีหวยต่อศาลฎีกา 10 มี.ค.


5. “อภิรักษ์”โชว์สปิริตเหนือ 3 รมต.- ยุติหน้าที่ผู้ว่าฯ กทม. หลังพันคดี“รถดับเพลิง”!

เมื่อวันที่ 12 มี.ค. ที่ประชุม คตส.ได้มีมติเอกฉันท์เห็นชอบตามที่คณะอนุกรรมการไต่สวนคดีการจัดซื้อรถและเรือดับเพลิงของกรุงเทพมหานครมูลค่า 6,700 ล้านบาท ที่มีนายนาม ยิ้มแย้ม เป็นประธาน เสนอให้ข้อตกลงว่าด้วยความเข้าใจ(Agreement of Understanding-AOU) และสัญญาการซื้อขายของ กทม.เป็นโมฆะ และให้แจ้งข้อกล่าวหาแก่ผู้เกี่ยวข้องเพิ่มเติม ประกอบด้วย บริษัทสไตเออร์ เดมเลอร์ พุค แห่งออสเตรีย ในฐานะคู่สัญญากับ กทม. ,นายมาริโอ มีนาร์ อดีตรองประธานบริษัทสไตเออร์ฯ ,นายวัฒนา เมืองสุข อดีตรัฐมนตรีพาณิชย์ และนายราเชนทร์ บุญพจนสุนทร อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 และ 83 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 มาตรา 7 ,10 ,11 ,12 ,13 นอกจากนี้ยังให้แจ้งข้อกล่าวหานายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าฯ กทม.และคุณหญิงณฐนนท ทวีสิน อดีตปลัด กทม.ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 โดย คตส.จะแจ้งให้ผู้ถูกกล่าวหารับทราบเพื่อเข้าชี้แจงต่อไป สำหรับคดีการจัดซื้อรถและเรือดับเพลิงนี้ คตส.ได้แจ้งข้อกล่าวหาผู้เกี่ยวข้องไปก่อนหน้านี้แล้ว 5 คน ประกอบด้วย นายสมัคร สุนทรเวช อดีตผู้ว่าฯ กทม. ,นายโภคิน พลกุล อดีตรัฐมนตรีมหาดไทย ,นายประชา มาลีนนท์ อดีตรัฐมนตรีช่วยมหาดไทย ,นายสมศักดิ์ คุณเงิน อดีตเลขานุการรัฐมนตรีมหาดไทย และ พล.ต.ต.อธิลักษณ์ ตันชูเกียรติ อดีต ผอ.กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ทั้งนี้ หลัง คตส.มีมติตั้งข้อกล่าวหา นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าฯ กทม.และรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้แสดงสปิริตด้วยการประกาศยุติการทำหน้าที่ผู้ว่าฯ กทม.ชั่วคราว และได้มีการมอบหมายให้นายวัลลภ สุวรรณดี รองผู้ว่าฯ กทม.รักษาราชการแทน โดยนายอภิรักษ์ ให้สัมภาษณ์ว่า ที่ตัดสินใจเช่นนี้ เพื่อแสดงสปิริตให้เห็นในทางการเมือง และเพื่อให้เกิดความโปร่งใสในกระบวนการที่ตนจะต้องไปต่อสู้คดี ด้านแกนนำพรรคพลังประชาชน หลายคนรีบชี้ว่า กรณีนายอภิรักษ์ยุติการทำหน้าที่ เป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว เพราะนายอภิรักษ์ถูกชี้มูลขณะที่อยู่ในตำแหน่ง ไม่เหมือน 3 รัฐมนตรีในคดีหวยบนดิน ที่พ้นจากตำแหน่งใน ครม.ทักษิณมาแล้ว อย่างไรก็ตาม แกนนำพรรคพลังประชาชนบางคนได้จ้องเล่นงานนายอภิรักษ์ เช่น นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ โดยออกมาชี้ว่า นายอภิรักษ์ยุติการปฏิบัติหน้าที่เร็วไป เพราะ คตส.แค่แจ้งข้อกล่าวหา ยังไม่ได้สั่งฟ้อง ดังนั้น การหยุดปฏิบัติหน้าที่เร็วกว่าที่กฎหมายกำหนด อาจเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ได้

“อภิรักษ์” ยันเล่นการเมืองต่อ แต่ยังไม่ตัดสินใจจะลงสนามใหญ่-เล็ก
“อภิรักษ์” ตั้ง “วัลลภ สุวรรณดี” รักษาการผู้ว่าฯ กทม. คนแห่ให้กำลังใจล้น
เปิดใจ “อภิรักษ์” คำต่อคำ ลั่นต้องการแสดงสปิริต ส่วน “หมัก” เป็นการตัดสินใจส่วนบุคคล
กทม.เตรียมเรียกคืนเงินสไตเออร์ฯ ซื้อ “รถ-เรือดับเพลิง” หากสัญญาเป็นโมฆะ


6.“ประสพสุข”คว้าตำแหน่ง ปธ.วุฒิฯ ฉลุย-ทิ้งห่างคู่แข่งขาดลอย!

เมื่อวันที่ 14 มี.ค.ได้มีการประชุมวุฒิสภานัดแรกเพื่อเลือกประธานวุฒิสภาและรองประธานอีก 2 คน โดยตำแหน่งประธานวุฒิสภานั้น มีผู้ถูกสมาชิกเสนอชื่อจำนวน 4 คน คือ นายประสพสุข บุญเดช ส.ว.สรรหา ,นายทวีศักดิ์ คิดบรรจง ส.ว.บุรีรัมย์ ,พล.ต.ท.มาโนช ไกรวงศ์ ส.ว.สุราษฎร์ธานี และ พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช ส.ว.สรรหา หลังที่ประชุมให้ผู้ถูกเสนอชื่อแสดงวิสัยทัศน์แล้ว ได้ให้สมาชิกลงคะแนนลับ ผลปรากฏว่า ผู้ได้รับเลือกเป็นประธานวุฒิสภา คือนายประสพสุข โดยได้ 78 คะแนน ขณะที่นายทวีศักดิ์ซึ่งเป็นตัวเต็งเช่นกัน ได้เพียง 45 คะแนน ส่วน พล.อ.เลิศรัตน์ ได้ 15 คะแนน ด้าน พล.ต.ท.มาโนช ได้ 6 คะแนน ส่วนผลการเลือกรองประธานวุฒิสภานั้น มีผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นรองประธานวุฒิสภาคนที่ 1 จำนวน 8 คน แต่ถอนตัว 4 คน ผลการลงคะแนนปรากฎว่า ผู้ได้รับเลือกเป็นรองประธานวุฒิสภาคนที่ 1 คือ นายนิคม ไวยรัชพานิช ส.ว.ฉะเชิงเทรา โดยได้ 84 คะแนน ส่วนตำแหน่งรองประธานวุฒิสภาคนที่ 2 นั้น มีผู้ได้รับการเสนอชื่อ 5 คน แต่ถอนตัว 1 คน คือ น.ส.รสนา โตสิตระกูล ส.ว.กทม. ผลการลงคะแนนปรากฏว่า ผู้ได้รับเลือกเป็นรองประธานวุฒิสภาคนที่ 2 คือ นางทัศนา บุญทอง ส.ว.สรรหา โดยได้ 73 คะแนน ด้านนายประสพสุข บุญเดช กล่าวหลังได้รับเลือกเป็นประธานวุฒิสภา โดยยืนยันว่า จะทำหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริตให้สมกับที่ไว้วางใจ จะไม่ทำให้ผิดหวัง ทั้งนี้ นายประสพสุข ได้กล่าวระหว่างแสดงวิสัยทัศน์ด้วยว่า ถ้าได้เป็นประธานวุฒิฯ ตนจะอยู่ในตำแหน่งแค่ 2 ปี เพื่อเปิดโอกาสให้เพื่อนสมาชิกได้ขึ้นมาพัฒนากระบวนการรัฐสภาให้เจริญเติบโตบ้าง

โหวต ปธ.-รองวุฒิฯ ส.ว.สรรหาคว้าเก้าอี้สภาสูง 2 ที่นั่ง
“นิคม” นั่งรอง ปธ.ส.ว.คนที่ 1 ด้วยคะแนน 84 เสียง
“ประสพสุข” คว้าเก้าอี้ ปธ.วุฒิ ชนะ “ทวีศักดิ์” ขาด 78 ต่อ 45


7. “พันธมิตรฯ”มีมติเคลื่อนไหว-เปิดเวที“ยามเฝ้าแผ่นดินภาคพิเศษ” 28 มี.ค.นี้ ขณะที่“พปช.”เตรียมขนม็อบชน!

เมื่อวันที่ 12 มี.ค.แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ประชุมร่วมกันเพื่อประเมินสถานการณ์ทางการเมืองประจำสัปดาห์ ที่บ้านพระอาทิตย์ โดยแกนนำขาดประชุม 1 คนคือ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง เนื่องจากติดภารกิจเดินทางไปประเทศเกาหลีใต้ หลังประชุมแกนนำพันธมิตรฯ ได้ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 3 เรื่อง “เคลื่อนไหวครั้งที่ 1 : ต้านเผด็จการทุนนิยมสามานย์และรัฐตำรวจ” ทั้งนี้ แถลงการณ์ระบุว่า รัฐบาลยังคงแสดงพฤติกรรมเหิมเกริม ลุกแก่อำนาจ ข่มขู่การเคลื่อนไหวของพี่น้องข้าราชการและประชาชนอย่างต่อเนื่อง เช่น การสั่งย้าย พล.ต.ต.ทรงธรรม อัลภาชน์ ผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.เชียงรายที่เกี่ยวพันกับการดำเนินคดีนายยงยุทธ ติยะไพรัช จน กกต.มีมติให้ใบแดง ,การสั่งย้าย พ.ต.อ.สังวรณ์ ภู่ไพจิตรกุล รองผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.บุรีรัมย์ และ กกต.บุรีรัมย์ ที่รับผิดชอบคดีที่เกี่ยวโยงกับตระกูล“ชิดชอบ” ,การเปิดตำแหน่งใหม่ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อให้คนใกล้ชิด พ.ต.ท.ทักษิณมาสถาปนา“รัฐตำรวจ”ขึ้นมาอีกครั้ง เป็นต้น พันธมิตรฯ จึงขอให้พี่น้องประชาชนเตรียมพร้อมเพื่อรับการคุกคามทุกรูปแบบจากรัฐตำรวจที่เกิดขึ้นแล้ว พร้อมขอเรียกร้องให้ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.อย่าตกเป็นเครื่องมือของรัฐบาลในการสร้างรัฐตำรวจ และใช้รัฐตำรวจคุกคามาประชาชน พร้อมกันนี้ พันธมิตรฯ ขอให้ประชาชนทุกภาคส่วนร่วมตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐภายใต้ รธน.เพื่อพัฒนาไปสู่สังคมประชาธิปไตยอย่างแท้จริง พร้อมกันนี้ พันธมิตรฯ และองค์กรเครือข่าย ได้มีมติเคลื่อนไหว ครั้งที่ 1 ด้วยการมอบหมายให้มูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน จัดการสัมมนารายการ“ยามเฝ้าแผ่นดินภาคพิเศษ” ในวันศุกร์ที่ 28 มี.ค.นี้ ที่หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ตั้งแต่เวลา 16.00น.-22.00น. แถลงการณ์พันธมิตรฯ ยังระบุด้วยว่า ในวันดังกล่าว จะมีการประกาศเปิดตัวคณะกรรมการตรวจสอบอำนาจรัฐทั้ง 5 คณะอย่างเป็นทางการ ด้าน ส.ส.สมุทรปราการ พรรคพลังประชาชน นายประชา ประสพดี ไม่พอใจที่พันธมิตรจะจัดสัมมนารายการยามเฝ้าแผ่นดินภาคพิเศษในวันที่ 28 มี.ค. จึงได้ออกประกาศเปิดตัว “กลุ่มมหาชนร่วมพิทักษ์ประชาธิปไตย” โดยจะเคลื่อนไหวชุมนุมต้านพันธมิตรฯ ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยในวันที่ 28 มี.ค.และว่า หากบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยทำให้การจราจรติดขัด จะย้ายไปที่บ้านพระอาทิตย์(สำนักงานผู้จัดการ)แทน นายประชา ยังอ้างด้วยว่า นี่ไม่ได้ขู่ แต่จะไม่ปล่อยให้แกนนำพันธมิตรเหิมเกริม

ผบ.ทบ.ปัดใช้แผนปฐพี 149! เชื่อพันธมิตรเคลื่อนไหวไม่รุนแรง
พันธมิตรฯ อัด “ระบอบแม้ว” ฟื้นรัฐตำรวจ ยันใช้สิทธิชุมนุมตาม กม.
พันธมิตรฯ ลั่นกลอง! เคลื่อนนัดแรก 28 มี.ค.

กำลังโหลดความคิดเห็น