xs
xsm
sm
md
lg

ยามเฝ้าแผ่นดิน : “สนธิ” จับตา พปช.โยกย้ายช่วยนายใหญ่ - “ยามฯ” เหน็บ กกต.กลัว “พลังแม้ว”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สนธิ ลิ้มทองกุลผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ได้โทรศัพท์แสดงความคิดเห็นในรายการ
“สนธิ” ชี้คำตัดสินของศาลฎีกาฯ เป็นบททดสอบความอดทนของพันธมิตรฯ แนะทุกคนทำใจให้สงบ เชื่อ “พลังแม้ว” ทำอะไรตามใจได้ไม่ง่ายเหมือนยุคทักษิณเรืองอำนาจ ขณะที่ “ยามเฝ้าแผ่นดิน” ชี้คดี “นอมินี” ยังไม่จบ เชื่อเหลือช่องทางศาลรัฐธรรมนูญที่ยื่นฟ้องได้อีก ผิดหวัง กกต.ปล่อย “ยงยุทธ” เข้าสภา ทั้งที่ยังมีคดีคาใจ


คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ ยามเฝ้าแผ่นดิน โดย ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์, จินดารัตน์ เจริญชัยชนะ และสโรชา พรอุดมศักดิ์ ช่วงที่ 1

คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ ยามเฝ้าแผ่นดิน โดย ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์, จินดารัตน์ เจริญชัยชนะ และสโรชา พรอุดมศักดิ์  ช่วงที่ 2


สโรชา - สวัสดีค่ะคุณผู้ชม ขอต้อนรับเข้าสู่รายการ “ยามเฝ้าแผ่นดิน” วันศุกร์ที่ 18 มกราคม 2551 อ.ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คุณแอน จินดารัตน์ เจริญชัยชนะ แอ้ม สโรชา พรอุดมศักดิ์ รายงานตัวเข้าเวรยามนะคะ วันนี้ที่สำนักพระราชวังได้ยุติการให้ประชาชนเข้าถวายสักการะพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ เมื่อเวลา 16.00 น.ที่ผ่านมา โดยยอดประชาชนที่เดินทางมาร่วมถวายสักการะพระศพ มีจำนวนทั้งสิ้นในวันนี้ 14,674 คน ในขณะที่ยอดผู้ถวายสักการะรวมทั้ง 9 วัน ตั้งแต่วันที่ 10 มกราคม ถึงวันนี้วันที่ 18 มกราคม มีจำนวน 149,277 คน

จินดารัตน์ - ทางด้านรองอธิบดีกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ คุณธานี ทองภักดี ได้ออกมาเปิดเผยว่า วันนี้มีพระราชสาส์น และสาส์นแสดงความเสียใจจากต่างประเทศ ถวายความไว้อาลัยอย่างสุดซึ้ง มายังพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ต่อการสิ้นพระชนม์ของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ซึ่งทยอยเข้ามาอย่างต่อเนื่อง

ประกอบไปด้วย สมเด็จพระราชินีมาร์เกรเธอ ที่ 2 แห่งราชอาณาจักรเดนมาร์ก เจ้าชายแอนดรูว์ ดยุค ออฟ ยอร์ก และเจ้าหญิงอเล็กซานดรา แห่งสหราชอาณาจักร ดร.ซาอีฟ อัล อิสลาม มูอัมมาร์ อัล-กัดดาฟี ประธานมูลนิธิพัฒนากัดดาฟี นายมิโลสลาฟ เวลเช็ก ประธานสภาผู้แทนราษฎรของสาธารณรัฐเช็ก และนายเชมิสเซล โซบอทกา ประธานวุฒิสภาของสาธารณรัฐเช็ก ได้ส่งเข้ามา ทยอยส่งเข้ามาอย่างต่อเนื่อง และถามหลายคนบอกว่าช่วงเย็นบรรยากาศเป็นอย่างไร ยังยิ้มได้ เพราะว่าเราต้องยอมรับความจริงที่ศาลท่านตัดสินออกมาตามคำวินิจฉัยของท่าน เอาคดีแรกก่อนไหมคุณแอ้ม

สโรชา - คดีแรกถ้าเกิดย้อนไปถึงเวลาสักประมาณ 15.00 น.กว่าๆ คดีแรกที่มีคุณสราวุธ ทองเพ็ญ เลขาธิการพรรคความหวังใหม่ ฟ้องเรื่องประเด็นของการเลือกตั้งล่วงหน้าในวันที่ 15 และ 16 ธันวาคม 2550 ว่าเป็นโมฆะหรือไม่ ศาลท่านได้พิจารณายกคำร้อง เนื่องจากเห็นว่าคณะกรรมการการเลือกตั้งมีอำนาจหน้าที่ในการดำเนินการการเลือกตั้งล่วงหน้า ศาลได้พิจารณาเห็นว่าตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และการได้มาซึ่ง ส.ว.พุทธศักราช 2550 มาตรา 95 ได้ให้สิทธิ์ กกต.ในการออกระเบียบว่าด้วยการเลือกตั้งล่วงหน้าได้ โดยให้ประชาชนที่ไม่สามารถไปลงคะแนนตามกำหนดวันเลือกตั้งทั่วไปได้ ก็สามารถที่จะลงคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้าได้ โดยกำหนดสถานที่ และเวลาขึ้นมา ดังนั้นการเลือกตั้งล่วงหน้าในวันที่ 15 และ 16 ธันวาคม 2550 จึงเป็นไปโดยชอบ ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งมาตรา 95

จินดารัตน์ - นี่คือคดีแรก คดีต่อมาห่างกันประมาณ 1 ชั่วโมงค่ะ ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งได้อ่านคำพิพากษาในคดีที่คุณไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ อดีตผู้สมัคร ส.ส.บุรีรัมย์ พรรคประชาธิปัตย์ ยื่นฟ้องไป ปรากฏว่าสรุปออกมาประเด็นแรก ฟ้องพรรคพลังประชาชนว่า เป็นนอมินี และไม่มีส่ง ส.ส.ในนามพรรคพลังประชาชน ทั้งระบบสัดส่วน และเขต เเละเรื่องที่ฟ้องว่า นายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคเป็นตัวแทน ไม่มีสิทธิ์ลงนามส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งนั้น ปรากฏว่าศาลเห็นว่า เรื่องนอมินีไม่อยู่ในเขตอำนาจของศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง เนื่องจากเป็นคดีพรรคการเมอืง ไม่เกี่ยวกับการเลือกตั้ง แต่ว่าอยู่ในเขตอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญ จึงให้ยกคำร้อง

ส่วนอีกเรื่องหนึ่งที่ขอให้ศาลพิพากษาการเลือกตั้งล่วงหน้าไม่ชอบด้วยกฎหมาย ศาลก็เห็นว่า ผู้ร้องนั้น คือคุณไชยวัฒน์ ไม่มีอำนาจในการร้อง เนื่องจากมาร้องภายหลังจากมีการเลือกตั้งไปแล้ว ส่วนอีกเรื่องหนึ่งที่ให้มีการพิพากษา คือการแจกจ่ายวีซีดีของทักษิณ ชินวัตร อดีตหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ของพรรคพลังประชาชน เป็นการผิดกฎหมายหรือไม่ ศาลเห็นว่าไม่ใช่อำนาจของนายไชยวัฒน์ ที่จะเป็นผู้ร้องเรื่องดังกล่าว แต่เป็นอำนาจของ กกต.ที่จะวินิจฉัย และไม่อยู่ในเขตอำนาจของศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง โดยสรุปยกฟ้องทุกประเด็น

ปานเทพ - ขออนุญาตแสดงความเห็นสักหน่อย ประการแรก เรื่องนี้เราก็ต้องยอมรับก่อนว่าเป็นเรื่องที่ท่านผู้ชมก็ดี เราก็ดี หรือใครก็ตามที่มีความคิดเห็นแตกต่าง ต้องน้อมรับและเคารพ สิ่งที่เราพูดย้ำอยู่เสมอในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา คือต้องยอมรับและเคารพในคำตัดสินของศาลฎีกา เมื่อคืนนี้หลังจากเป็นวันที่ทุกคนเฝ้ารอคอยว่าวันที่ 18 จะเกิดอะไรขึ้น เราเห็นพรรคการเมือง พรรคชาติไทย พรรคเพื่อแผ่นดิน ออกมาประกาศ และคุณทักษิณประกาศว่าอยากกลับมาประเทศไทย ด้วยเหตุผลที่คุณทักษิณสร้างภาพให้กับตัวเองให้ดูดี เช้าวันรุ่งขึ้นมีแต่ข่าวลือ เช้าวันนี้นะครับ ตั้งแต่โทรศัพท์มาตั้งแต่เช้า บอกว่าวันนี้จะมีข่าวใหญ่ วันนี้จะมีข่าวสำคัญ แนวโน้มดีมาก ทุกคนแสดงความเห็นกันต่างๆ นานา ถึงขนาดบอกว่า ศาลท่านจะไม่อ่านคำพิพากษา ท่านจะติดแปะประกาศเลย

สโรชา - หรืออีกทิศทางหนึ่งที่ได้ยินมาก็คือ โทรศัพท์บอกกันตั้งแต่เมื่อคืนแล้วนะคะว่าทิศทางดี ยืนยัน

ปานเทพ - แล้วก็มีบางท่านซึ่งเป็นกลุ่มเอ็นจีโอ ไม่ต้องเอ่ยชื่อแล้วกัน โทรศัพท์ตื่นเต้นมาก บอกว่าศาลท่านจะใช้วิธีแปะ เพราะไม่อยากให้วุ่นวาย แนวโน้มดีแน่ๆ เลย ทั้งๆ ที่ในทางปฏิบัติจริงๆ แล้ว

จินดารัตน์ - ซึ่งวิธีแปะนี่ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลยใช่ไหมคะ

ปานเทพ - ต้องเรียนปกติว่า ถ้าท่านผู้พิพากษาเห็นว่าคู่ความไม่อยู่ในสถานที่การอ่านคำพิพากษานั้นก็ต้องไม่อ่าน ก็ใช้วิธีแปะได้ เป็นปกตินะครับ ไม่ใช่เรื่องที่น่าตื่นเต้นอะไร เพราะฉะนั้นก็ลือกันไปต่างๆ นานา ตอนเที่ยงเราก็มีการทำนายคาดการณ์กัน ที่บ้านพระอาทิตย์

สโรชา - วิเคราะห์กันเลยนะคะ

ปานเทพ - วิเคราะห์กัน ผมเป็นคนหนึ่งที่ตัดสินใจบอกว่า ถ้าผมเดาสถานการณ์ ผมเดาว่า 1 คาดการณ์ว่าการเลือกตั้งจะไม่โมฆะ 2 เชื่อว่านอมินีจะไม่ประกาศในวันนี้ว่าเป็นนอมินี 2 ประเด็นถูก แต่ถามว่าทำไมถึงวิเคราะห์อย่างนี้ รู้ไหมครับ ประเด็นที่ 1 เรื่องการเลือกตั้งเป็นโมฆะหรือไม่ ผมว่าเป็นเรื่องข้อกฎหมายที่ท่านผู้พิพากษาต้องวินิจฉัยว่ากรณีของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอำนาจของ กกต.หรือไม่ คุณไชยวัฒน์มีสิทธิ์ที่จะฟ้องร้องไหม และเขาว่าวงการนักกฎหมายก็มีความเห็นคล้ายๆ กัน ในทำนองแบบนี้ว่า เรื่องของการเลือกตั้งเป็นอำนาจของ กกต. และที่จริงในบ้านพระอาทิตย์ก็คงมีแหล่งข่าว มีทั้งการพูดให้ความรู้ ให้ความเห็น นั่น 1 ประเด็น แต่ประเด็นที่ 2 เรื่องของนอมินี

จินดารัตน์ - คุณปานเทพ ดิฉันขอขัดจังหวะนิดหนึ่งนะคะ ประเด็นแรกเนี้ย ว่าการเลือกตั้งเป็นโมฆะ ไม่เป็นโมฆะเนี้ย คือเราก็แปลกใจ ดิฉันไม่แน่ใจว่าข่าวที่เราได้อ่านกันเนี้ย คือก็ไม่ได้ลงครบถ้วนคะ

ปานเทพ - กระบวนความ

สโรชา -เป็นการย่อ

จินดารัตน์ - เป็นการย่อมา แต่เหตุผลของทั้ง 2 คณะ ไม่เหมือนกัน

ปานเทพ - เป็นไปได้ครับ

สโรชา -คณะในช่วงบ่ายคณะแรกนะคะ ในคดีของพรรคความหวังใหม่ ให้ความเห็นไว้ว่า เป็นอำนาจของ กกต. ที่จะสามารถมีการเลือกตั้งล่วงหน้า ในลักษณะนี้ได้ ในขณะที่คณะที่สอง คณะของที่พิพากษาเรื่องของ คดีคุณชัยวัฒน์เนี้ย กลับพิพากษาว่าไม่ได้อยู่ในอำนาจของศาลท่าน ที่จะพิจารณาในเรื่องนี้

จินดารัตน์ - ก็คือผู้ร้องนี้ไม่มีอำนาจ เพราะว่าการเลือกตั้งนั้นมันผ่านไปแล้ว

ปานเทพ - เสมือนว่าเหตุผลทั้งสอง องค์คณะนี้ไม่เหมือนกันในเหตุผลนะครับ แต่เป้าหมายหรือว่าคำพิพากษานี้ ตรงกันในผลลัพท์นะครับ แต่ประเด็นที่สอง ที่หลายๆ คน ดูจะให้ความสนใจ คือ เรื่องของนอมินี อย่างที่คุณแอนเล่าให้ฟังนะครับ ว่าแบ่งเป็นหลายประเด็น ทั้งในเรื่องของการที่เป็นนอมินี พรรคนี้เป็นนอมินีกับพรรคไทยรักไทยหรือไม่ ศาลท่านเห็นว่าไม่ได้อยู่ในอำนาจของศาลฎีกา ต้องอยู่ที่ศาลรัฐธรรมนูญ สอง ก็คือว่า ถ้าคุณสมัครเป็นนอมินีแล้ว การส่งรายชื่อแล้วเอาไปให้คุณสมัครนี้ ก็ไม่ถูกต้องซิ

จินดารัตน์ - ก็คือคุณสมัครไม่มีสิทธิ์ที่จะไปลง

ปานเทพ - ครับ, ผู้ร้อง ร้องอย่างนี้นะครับ เพราะฉะนั้นแล้วก็คือผู้สมัครทั้งหมด ทั้งประเทศนี้ไม่ถูกต้อง อันนี้ศาลท่านก็บอกว่าไม่ใช่อำนาจของศาลฎีกา ส่งไปที่ กกต.ซึ่ง กกต. ก็รับเรื่องไปแล้วอย่างน้อย 1 กรณี ก็คือ คุณวีระ สมความคิด ยื่นเข้าไปร้องเรียนในเรื่องนี้นะครับ ก็ได้ข่าวว่าไปถึง กกต. ก็ยังไม่ได้ดำเนินการอะไรมากเท่าที่ควร โดยเฉพาะติดอยู่บางคน ในฐานะคนรับเรื่องแล้วพร้อมที่จะไปพิจารณาต่อนะครับ ประการถัดมาก็คือ ที่หลายคนบอกว่าวีซีดีนั้นเป็นอย่างไร ก็เหมือนกันอยู่ที่ กกต. ก็แปลว่า เดิมทีที่หลายคนจะตกใจว่า คำพิพากษาของศาลจะเป็นอย่างไร

ต้องยอมน้องรับทุกอย่าง ต้องยอมรับว่าคำพิพากษาอย่างนี้ เท่ากับว่า เป็นกรณีที่ทำให้ทุกคนต้องพิจารณาต่อว่า เกมยังไม่จบในเรื่องของความเป็นนอมินี เพียงแต่กระบวนการในการยื่นถึงศาลฎีกานั้น เป็นการยื่นที่ศาลท่านเห็นว่าไม่ถูกต้อง และมีวิธีอื่นที่ถูกต้องมากกว่า เพราะฉะนั้นแล้ว ถ้าสังเกตดูดีๆ ก็คือว่า ก่อนหน้านี้ 2 ท่านก็ตัดพยาน และก็เตรียมวินิจฉัยในระยะเวลาที่เร็วมาก ซึ่งที่ผมคาดการณ์อย่างนั้นก็เพราะว่าหลายคนวิเคราะห์ว่า ทางศาลฎีกาคงจะพิจารณาเห็นในแง่ของข้อกฎหมายเหล่านี้ว่า อำนาจขอบเขตของศาลฎีกามีเท่าไหน จึงไม่จำเป็นต้องสืบพยานต่อว่าเป็นนอมินีจริงหรือไม่ เพราะถ้าจะเป็นนอมินีจริงๆ เชื่อกันว่า ต้องสืบพยานกันเยอะมาก ต้องมีการทั้งซักค้าน ฝ่ายโจทก์ และจำเลยมาก

จินดารัตน์ - คือจะไม่จบภายในวันสองวัน แต่ว่าถ้าจะถามโดยที่คนไม่ได้มีความรู้ทางด้านนิติศาสตร์อย่างดิฉันนะคะ ดิฉันก็แปลกใจอย่างหนึ่ง ว่าปกติถ้าจะไปยื่นให้ศาลพิจารณาวินิจฉัยนะคะ คือศาลท่านจะต้องดูก่อนไหมว่า อยู่ในอำนาจหน้าที่ของท่านหรือเปล่า จะรับหรือไม่รับ

ปานเทพ - พูดเหมือนหลายคนที่ตั้งคำถาม แต่ถ้าพิจารณาอย่างเป็นเหตุเป็นผล ก็จะพบว่า กรณีของคุณชิงชัย มงคลธรรม หัวหน้าพรรคความหวังใหม่ ยื่นโดยลูกพรรค อย่างคุณสราวุธ ก็เหตุผลก็ชัดเจนไม่มีอะไร ก็พิพากษาไปเลย รับเรื่องแล้วก็พิจารณา แต่กรณีของคุณไชยวัฒน์ มีกรณีของการเลือกตั้งล่วงหน้าว่าเป็นโมฆะหรือไม่ เป็นหนึ่งประเด็นที่ศาลพร้อมรับ แต่คุณไชยวัฒน์ไม่ได้ร้องเพียงแค่เรื่องเดียว มีหลายเรื่อง ร้องในคราวเดียวกัน 3 - 4 ประเด็น มีสิ่งที่ไม่เข้าเกณฑ์ที่เป็นขอบเขตของศาล และสิ่งที่อยู่ในขอบข่ายของศาลที่จะต้องพิจารณาจึงต้องรับเรื่องไว้ทั้งหมด เพื่อรับไว้พิจารณา และมีหนึ่งเรื่องที่ต้องพิพากษาด้วย แล้วที่เหลือก็พิพากษาว่าไม่อยู่ในอำนาจของศาลฎีกา ณ ชั่วโมงนี้

จินดารัตน์ - อย่างนี้หายสงสัยละ

สโรชา -อย่างนี้ขอสงสัยต่อว่า ในเมื่อประเด็นของนอนิมีเฉพาะในประเด็นของนอมินี ที่ศาลท่านบอกว่า ไม่อยู่ในอำนาจที่พิจารณา ก็คือ ศาลฎีกา เป็นเรื่องของศาลรัฐธรรมนูญ ที่จะต้องทำ อย่างนี้ก็แปลว่า เรื่องจริงๆก็ไม่จบเหมือนกัน

ปานเทพ - ยังไม่จบครับ คือตอนแรกที่ผมเคยบอกท่านผู้ชมว่า ถ้ามีคำพิพากษาจริง ไม่ว่าผลเป็นอย่างไร ก็ต้องยอมรับ น้อมรับ และใจก็เป็นห่วงเหมือนกัน ว่าถ้ามีคำพิพากษาจริงๆ โดยที่สืบพยานอยู่น้อย ก็ไม่แน่ใจว่าผลออกมาจะเป็นยกฟ้อง ยกคำร้อง หรือจะพิพากษาอย่างไร และจะถูกข้อสงสัยจากหลายฝ่ายหรือไม่ว่า สืบกันไม่ครบถ้วนกระบวนความทั้งหมด พยานก็ไม่ครบ เพราะฉะนั้นเหตุผลครั้งนี้ก็ดูเหมือนว่าเกมยังไม่จบ บริบทนี้ยังไม่จบในเรื่องของนอมินี และต้องติดตามตอนต่อไป

ผมเชื่อว่าหลังจากนี้คุณไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ ก็จะนำคำพิพากษาศาลฎีกาเหล่านี้เดินหน้า ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของศาลรัฐธรรมนูญ ในส่วนของ กกต.ที่อย่างน้อยมี 2-3 เรื่อง ที่จะต้องร้องเรียนต่อ กกต. ซึ่งตอนนี้ก็ต้องยอมรับ เดิมพันของประเทศไทยต้องอยู่เพียง 2 หน่วยงานนี้ว่าจะตัดสินในเรื่องของนอมินี ความที่เราสงสัยกันมานาน โดยประชาชนเห็นกันทั่วประเทศ ไม่ว่าจะเป็นการแจกซีดี การที่คุณทักษิณพูด การที่มีอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยขึ้นบนเวทีอยู่บ่อยครั้ง มีการช่วยผู้สมัคร มีการเดินทางไปที่ฮ่องกง เรื่องต่างๆ เหล่านี้ต้องได้รับการพิสูจน์ แต่ไม่ใช่ช่วงระยะเวลานี้

จินดารัตน์ - เป็นหนังยาวแล้ว ต้องติดตามกันต่อ

ปานเทพ - เพราะฉะนั้นก็แปลว่าต้องมีรัฐบาลอย่างแน่นอน ต้องมีรัฐบาลที่ ไม่มีอะไรพลิกโผก็จะต้องเป็นคุณสมัคร สุนทรเวช จะเป็นนายกรัฐมนตรี

จินดารัตน์ - ก่อนที่จะไปเรื่องนั้น ดิฉันขอพูดถึงคุณไชยวัฒน์หน่อยได้ไหมคะ

ปานเทพ - ได้ครับ

จินดารัตน์ - คือโดยส่วนตัว ดิฉันเชื่อว่าคุณผู้ชมหลายๆ ท่านที่ติดตามรายการของเรามาตลอดต้องแสดงความเคารพด้วยจิตใจ ด้วยจิตคารวะจริงๆ นะคะ คุณไชยวัฒน์วันนี้ลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์เรียบร้อยแล้วนะคะ ตั้งแต่ช่วงบ่าย คุณไชยวัฒน์บอกว่า ในเมื่อทางพรรคประชาธิปัตย์ คือได้คุยกับคุณสุเทพ เทือกสุบรรณ คุณสุเทพก็แจ้งให้คุณไชยวัฒน์ถอนฟ้อง ในกรณีขอให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ และต่อมาพอคุณไชยวัฒน์ยืนยันจะไม่ถอนฟ้อง คุณสุเทพก็บอกว่าขอให้ลาออกก็แล้วกัน จากการเป็นสมาชิกพรรค

สโรชา -ให้เลือกเอาว่าถ้าไม่ถอนก็คือลาออก

จินดารัตน์ - คุณไชยวัฒน์ก็ลาออก

ปานเทพ - เพราะฉะนั้นแล้วผมก็อยากจะหยิบยกกรณีนี้ ที่พรรคประชาธิปัตย์ตัดสินใจที่จะพูดคุยกับคุณไชยวัฒน์ก่อน ในนามมติพรรค และคุณไชยวัฒน์ต้องตัดสินใจลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์ เทียบเคียงอีกกรณีหนึ่ง ที่กรณีที่พรรคชาติไทยมีคนไปฟ้องร้องที่เชียงราย คุณวิจิตร นะครับ และตัดสินใจถอนคำร้องออกจาก กกต. โดยที่พรรคชาติไทยบอกว่า ผมไม่เกี่ยว

สโรชา - ที่ไปร้องคัดค้านคุณยงยุทธใช่ไหมคะ

ปานเทพ - ครับ ร้องเรื่องของคุณยงยุทธ บทบาทของพรรคการเมืองกับผู้สมัคร หรือสมาชิกในพรรคนี่มีความหมายมากนะครับ คือถ้าให้ความเป็นธรรม ผมอยากมองหลายมุม ให้ท่านผู้ชมและคุณแอน คุณแอ้ม ลองพิจารณาดูสักนิดหนึ่ง ถ้าสมมติว่ากรณีที่คุณชัยวัฒน์ ยื่นมานี้คือสิ่งที่คุณชัยวัฒน์เชื่อ และก็เดินหน้าต่อว่าถูกหรือผิด ในฐานะส่วนบุคคล และก็เป็นผู้สมัครที่ได้รับความเสียหายด้วย เป็นผู้สมัครที่เชื่อว่ากระบวนการทั้งหมดการเลือกตั้งมิชอบ มีนอมินีด้วย พรรคประชาธิปัตย์เห็นด้วยกับเรื่องของนอมินี สู้กันเต็มที่เลย แต่การเลือกตั้งเป็นโมฆะไม่เห็นด้วย และก็บอกมติพรรคไม่เห็นชอบ ถามว่าทำไมพรรคประชาธิปัตย์ จึงต้องพยายามสั่งให้ คุณชัยวัฒน์ สินสุวงศ์ ไม่ให้สู้ประเด็นนี้

จินดารัตน์ - อ๋อ ถ้าโมฆะก็พรรคประชาธิปัตย์ กลัวจะไม่ได้เสียงมากเท่าเดิมหรือเปล่า ก็กลัวนะคะเพราะว่าเสี่ยง

ปานเทพ - เกรงว่าประชาชนเขาจะบอกได้ว่า ดูซิเลือกตั้งไปแล้วตั้งสูญเสียเงินเปล่าๆ ไป ต้องมีการเลือกตั้งใหม่ เป็นเพราะพรรคประชาธิปัตย์แท้ๆ เลย

สโรชา -คือตอนนี้ต้องยอมรับว่า กระแสการเบื่อการเมืองเนี้ย มันแรงมาก เบื่อการเมือง เบื่อนักการเมือง เบื่อการเลือกตั้ง แม้กระทั่งการเลือกตั้งซ่อม บุรีรัมย์, ชัยนาทเนี้ย คือเราก็ต้องเห็นว่าคนมากันน้อยมาก และ กกต. ก็ยอมรับว่าประชาชนเบื่อการเลือกตั้ง ประชาชนเบื่อการเมือง และก็มีความรู้สึกว่าไปเลือกก็คงไม่ได้ช่วยอะไรขึ้นมา เพราะฉะนั้นเนี้ยพรรคประชาธิปัตย์ เขาก็อาจจะมีความรู้สึกว่า การที่จะต้องมีการเลือกตั้งใหม่เนี้ย อย่างที่ อ.ปานเทพ บอกคะว่า มองกลับไปว่าถ้าการเลือกตั้งเป็นโมฆะ ต้นเหตุก็คือพรรคประชาธิปัตย์

จินดารัตน์ - เสียมากกว่าได้

ปานเทพ - สอง ก็คือ การเลือกตั้งแต่ละครั้งนะครับ ต้องใช้เงินอย่างมหาศาล ในฐานะพรรคการเมืองนะครับ จะใช้แบบเปิดเผยที่แจ้งต่อ กกต.โดยตรงเนี้ย ที่แบบไม่เปิดเผยก็มีจำนวนไม่น้อย อาจจะเกรงกลัวว่า จะหาเงินมาจากไหน หมดเงินไปตั้งเยอะแล้วนะครับ เพราะฉะนั้นแล้วจะมีผู้บริจาค มาสนับสนุนมากเพียงพอเหมือนเดิมเปล่า กับอีกพรรคการเมืองฝั่งตรงข้ามที่ยังมีเงินอยู่มหาศาล

จินดารัตน์ - เป็นถุง เป็นถัง

ปานเทพ - แล้วก็ยังมีอยู่มาก มันเทียบกันไม่ได้เลยเนี้ย อาจจะกังวลแบบนี้ สาม ผมเข้าใจว่าพรรคประชาธิปัตย์ มีความคิดว่าถ้าสายสัมพันธ์กับ กกต.ชุดปัจจุบันไม่ดีแล้วเนี้ย การพิจารณาในเรื่องของการให้ความเป็นธรรม ในเรื่องของการแจกใบแดง ใบเหลือง นะครับ อาจจะมีสายสัมพันธ์ที่ไม่ดีกับพรรคประชาธิปัตย์ และกลัวว่าจะมีทัศนคติในเชิงที่เป็นอคติ หรืออะไรต่อกันระหว่างพรรคประชาธิปัตย์กับ กกต. ซึ่งก็เคยเกิดมาแล้วกรณี พรรคประชาธิปัตย์กับ กกต. ชุดก่อน ไม่อยากมีข้อขัดแย้งกับ กกต. ในแบบนี้

สโรชา -คุณอภิสิทธ์บอกว่า สิ่งที่คุณชัยวัฒน์ สินสุวงศ์ ทำนั้นคือไม่ตรงกับจุดยืน คืออันนี้คือความคิดเห็นอย่างเป็นทางการ ในฐานะหัวหน้าพรรค คุณอภิสิทธ์บอกว่าคุณชัยวัฒน์ตัดสินใจลาออกไปเอง แล้วก็คือแสดงออกด้วยวิถีทาง ทางการเมือง คุณอภิสิทธ์บอกว่ามีแต่การคุยกัน ผมบอกไปว่าเมื่อพรรคไม่ได้มีจุดยืนเช่นนี้ และคุณชัยวัฒน์เป็นสมาชิกพรรค ก็อยากให้ช่วยพิจารณาด้วย ผมก็เข้าใจว่าท่านก็อยากจะใช้สิทธิ์ตรงนี้ แต่คงกังวลว่าประชาชนสับสนว่าพรรคไปทำอย่างนี้ ท่านเป็นสมาชิกพรรคแต่ว่าท่านไม่ได้ดำเนินการตาม มันก็เป็นทางออกทางการเมือง ก็คือพูดง่ายๆ ว่า มติพรรคออกมาเป็นอย่างนี้ เมื่อไม่เห็นด้วยกับมติพรรค ก็เลือกที่จะลาออกจากพรรค

ปานเทพ - นี่เป็นเหตุผลที่พูดผ่านสื่อนะ

จินดารัตน์ - นี่คือสไตล์ของคุณอภิสิทธิ์ ดูสไตล์ของคุณสุเทพบ้าง เลขาธิการพรรค เขาก็บอกว่า คือผมก็ยื่นข้อเสนอไปแล้วบอกให้ถอน ในเมื่อไม่ถอน เป็นสมาชิกพรรคไม่ฟังมติพรรคได้อย่างไร นักข่าวก็เลยถามว่า แล้วถ้าจบคดีนี้แล้วเนี้ย จะยื้อกันไว้ไหมหรือจะอย่างไร คุณสุเทพก็บอกว่าใครจะยื้อก็ยื้อไป ยังไงผมก็ไม่สน คนไม่มีวินัย อยู่ร่วมกับเพื่อน กับพรรคก็ไม่ได้

สโรชา -เนี้ยแหละ ความแตกต่างระหว่างหัวหน้าพรรค กับเลขาธิการพรรค โดยสิ้นเชิงคะ

ปานเทพ - เหตุผลข้อที่ห้า เมื่อกี้ผมพูดสี่ข้อแล้วใช่ไหมครับ ข้อที่ห้า ก็คือว่าผมคิดว่าหลังๆ นี้ พรรคประชาธิปัตย์พยายามยืนหยัดให้มีการเลือกตั้งให้เร็ว คล้ายๆ กับ พล.อ.สุรยุทธ์ และพรรคพลังประชาชน และเหมือนพรรคการเมืองทั่วไป ที่ยังต้องการการเข้าสู่การเลือกตั้ง โดยไม่ได้มองว่ามันจะปฎิรูปสำเร็จไหม ประชาชนเข้าใจข้อมูล ข่าวสารครบไหม แต่อยากเลือกตั้งแล้ว เพราะว่ากระแสก็มาแล้วนะครับ ก็เลยทำให้มองว่าถ้าเกิดอะไรขึ้น หลังจากที่การเลือกตั้งเป็นโมฆะ จนเกิดสุญญากาศเกิดขึ้น

เกรงว่าพรรคประชาธิปัตย์จะเกิดข้อครหาว่า ไม่นำประชาธิปไตยกลับคืนสู่ประเทศ นี่ผมเดาเอาว่าสถานการณ์พรรคประชาธิปัตย์คิดอย่างนี้ แต่ผมหยิบยกกรณีของพรรคชาติไทย กับพรรคประชาธิปัตย์ ให้ข้อคิดอะไรบางอย่างซักนิดหนึ่งนะครับ คุณถามว่า คุณชัยวัฒน์ สินสุวงศ์ กำลังทำอะไรในสิ่งที่ตัวเองสงสัย เรื่องถูกหรือผิด และยืนหยัดในสิ่งที่ตัวเองคิดว่าต้องยื่นเพื่อพิสูจน์ความจริง

จินดารัตน์ - โดยมิได้คำนึงถึงผลประโยชน์ของตัวเองเลย หรือพรรค

ปานเทพ - ไม่สนใจนะครับ แล้วก็ตัดสินใจว่าต้องยื่น แม้มติพรรคเป็นอย่างนี้แต่ต้องยื่น และก็ขอว่าถ้าพรรคไม่เห็นชอบนั้น ต้องยืนหยัดในสิ่งที่ตัวเองยืนหยัดคือ ลาออก และก็เชื่อว่าสิ่งที่ตัวเองนั้นทำถูกแล้ว แต่พรรคประชาธิปัตย์ไม่อยากให้ทำ และผมก็เชื่อว่าสิ่งที่ คุณชัยวัฒน์ สินสุวงศ์ ได้ทดลองและเชื่อว่าการเลือกตั้งถ้าเป็นโมฆะ และผิดกฎหมายจริง ก็ควรจะต้องดำเนินการทดสอบในทางกฎหมาย พิสูจน์ในทางกฎหมายว่าถูกหรือผิด ในทางตรงกันข้ามพรรคชาติไทยมี ส.ส. คนหนึ่งนะครับ ส.ส. คนหนึ่งพยายามที่จะถอนเรื่องออกมา จากเรื่องผิดหรือถูกเหมือนกัน ว่ามีคนทุจริตการเลือกตั้ง แทนที่พรรคจะมีจุดยืนบอกว่าไม่ได้ ต้องมีมติพรรคยืนหยัดในสิ่งที่ถูกต้อง เปล่า

สโรชา -บอกว่าเป็นเรื่องส่วนตัวทำอะไรก็ได้

ปานเทพ - 2 มาตราฐานของพรรคการเมืองนี้ ไม่ได้ยืนอยู่บนความถูกต้องของหลักนิติศาสตร์ พฤติกรรมหรือนิติกรรมในสิ่งที่มันเกิดขึ้นว่าถูกกฎหมาย หรือผิดกฎหมาย กลับไปยืดในเรื่องของการเมืองเป็นตัวนำ ซึ่งผมเสียดายไง อันนี้ต้องพูดในฐานะกัลยาณมิตรของพรรคประชาธิปัตย์นะครับ ว่าถ้าคิดอย่างนี้แล้วประชาชนวันหลังจะเชื่อมั่นได้อย่างไร เรื่องของความถูกต้อง ความผิดเนี้ย พรรคประชาธิปัตย์พร้อมยืนอยู่ ไม่ว่าเรื่องนี้จะกระทบต่อตัวเอง พรรคการเมืองเองหรือไม่ ต้องคำนึงถึงความถูกต้องเป็นหลักมาก่อน

จินดารัตน์ - พูดกันง่ายๆ ว่าถ้าทำแบบนี้ คนบางคนเขาก็อาจจะคิดว่า ก็นักการเมืองเหมือนกันนั่นแหล่ะ คืออย่าว่าแต่เป็นพรรคไหนเลย คือเราก็ไม่อยากให้คนรู้สึกอย่างนั้น

ปานเทพ - และผมก็คิดว่าประชาชนมีความรู้สึกว่าสิ่งที่คุณไชยวัฒน์ทำอยู่นั้นเป็นสิ่งที่ต้องสนับสนุนและยืนหยัด เพื่อพิสูจน์ความจริง เพราะหลายคนก็สงสัย จำเป็นต้องมีกระบวนการพิสูจน์ และวันนี้คุณไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ ได้ทำหน้าที่ตัวเองอย่างสมบูรณ์ และเชื่อว่าต้องให้กำลังใจในการทำหน้าที่ต่อไป และการถอยออกมาจากพรรคประชาธิปัตย์ หลังจากมีคำพิพากษา ไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไร คือการแสดงความรับผิดชอบในฐานะคนที่ประกาศต่อสาธารณชน ที่เป็นปุถุชนคนหนึ่งที่สัญญาต่อประชาชนว่าต้องทำหน้าที่ ไม่มีเกี้ยเซียะ ต้องเดินหน้าต่อไป ผมคิดว่าบรรทัดฐานอย่างนี้ต่างหากที่นักการเมืองทุกคน ไม่ว่าพรรคการเมืองไหน ต้องยืนหยัด

สโรชา -เห็นด้วยค่ะ

จินดารัตน์ - ดิฉันว่าวันนี้คุณผู้ชมทางบ้านที่ชมรายการของเราอยู่ หากใครว่าอยากให้กำลังใจคุณไชยวัฒน์ให้เดินหน้าสู้กันต่อ ส่งเอสเอ็มเอสเข้ามาให้กำลังใจกันหน่อยนะคะ ดูเหมือนวันนี้คุณไชยวัฒน์ บอกว่าได้ทำภารกิจ คือกว่าจะเดินมาถึงวันนี้มันไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ต้องตัดสินใจ เพราะก็ต้องให้เกียรติมติพรรคด้วย แต่ว่าตัวเองก็ยังคิดว่านี่คือสิ่งที่ถูกต้อง ที่จะต้องทำ

สโรชา -ได้ทำหน้าที่สมบูรณ์แล้ว นักข่าวไปถามหลังจากที่ฟังคำตัดสินของศาลออกมา ถามคุณไชยวัฒน์ว่า ในความคิดเห็นถึงเรื่องประเด็นต่างๆ ที่ได้หยิบยกมามีคำร้องในวันนี้ ก็คือ คุณไชยวัฒน์บอกว่า ก็ต้องเคารพการตัดสินใจของศาล แต่ถามต่อว่า เสียดายไหมในการตัดสินใจลาออกจากพรรค ในขณะที่เมื่อลาออกจากพรรคมีผลบังคับแล้ว มีผลไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์แล้ว แต่กลับได้รับคำตัดสินแบบนี้ ผลลัพธ์แบบนี้ คุณไชยวัฒน์บอกว่าไม่เสียใจ เพราะรู้สึกว่าตัวเองทำหน้าที่สมบูรณ์แล้ว ในฐานะที่มีข้อสงสัยตรงนี้ และก็ดำเนินการตรงนี้จนถึงที่สุด ถึงแม้ต้องตัดสินใจลาออกจากพรรคก็ตาม ก็ถือว่าได้ทำหน้าที่ตัวเองสมบูรณ์แบบแล้ว

จินดารัตน์ - ดิฉันว่าวันนี้คุณไชยวัฒน์น่าจะนอนหลับฝันดี หลับสนิทมากกว่าหลายคืนที่ผ่านมานะ

สโรชา -แต่จะไม่หลับสนิทตรงที่ว่าจะเอาอย่างไรต่อดี มีคนถามเหมือนกันว่าประเด็นนี้ เรื่องประเด็นนอมินีจะไปฟ้องศาล ไปฟ้อง กกต.อย่างไรต่อ คุณไชยวัฒน์บอกว่าขออนุญาตไปปรึกษาทีมทนายสักนิดหนึ่งแล้วคงจะดำเนินการต่อ แต่ในลักษณะไหนต้องขอเวลาพิจารณานิดหนึ่ง

ปานเทพ - คุณแอน คุณแอ้มครับ มีหลายคนฟังคำพิพากษาแล้ว โดยไม่ได้คิดหรือไม่ได้ดั่งใจ ทุกคนต้องเคารพศพนะครับ น้อมรับคำตัดสินของศาลว่าเป็นอย่างนี้ และกระบวนการยังไม่จบในเรื่องของนอมินี เวลาเป็นสิ่งที่พิสูจน์ และสิ่งที่ผมเชื่อก็คือว่า ในชีวิต กีฬา ไม่ว่าจะเป็นนักมวยที่ขึ้นเวที มียก 1 ยก 2 ยก 3 จนยกสุดท้ายแล้วก็จบ แต่อย่างมากที่สุด ก็ 2 ชั่วโมง 1-2 ชั่วโมงอย่างมากก็จบแล้ว จบการถ่ายทอดสด แต่ชีวิตการเมืองของชีวิตมนุษย์เราเนี่ย ไม่มีจบนะครับ จบก็คือตอนจบชีวิตเท่านั้นเอง เพราะฉะนั้นบางวันแพ้ บางวันชนะ ก็เป็นเรื่องปกติธรรมดามากๆ อยู่กับมันให้ได้ แล้วก็ปล่อยวาง อย่าไปเครียดมาก คือผมได้โทรศัพท์เยอะมากจากท่านผู้ชม แล้วก็เครียดมากกว่าพวกเราอีกเยอะ อยากจะบอกว่า เกมชีวิตมันยาว ยังมีระยะเวลาที่ตอ้งพิสูจน์อีกเยอะ แล้วก็ช่วงระยะเวลาพิสูจน์นั้น ผมเชื่อว่าสุดท้าย บาปกรรมมีจริง

สโรชา -บาปบุญในยุคนี้เป็นยุคไฮเทค ติดจรวด อดใจหน่อย อดใจนิดนึงนะคะ

ปานเทพ - เพราะฉะนั้นแล้วกระบวนการพิสูจน์นอมินี สังเกตได้ว่า พรรคพลังประชาชนต่อสู้ในประเด็นเรื่องนอมินี จะเน้นอยู่ประเด็นหลักคือว่า คุณไชย์วัฒน์ สินสุวงศ์ ไม่มีสิทธิ์ที่จะยื่นฟ้อง ไม่ได้อยู่ในอำนาจของศาลฎีกา จะสังเกตเห็นได้ว่า ทางพรรคพลังประชาชนไม่เลือกที่จะต่อสู้ในการที่จะโต้เถียงว่าตัวเองไม่ใช่นอมินี เพราะว่าดูแล้วก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ แต่ก็แน่นอนครับ การเวลายังอีกยาว เกมการเมืองตอนนี้ยังไม่แน่หรอกครับ แต่เชื่อว่ามีรัฐบาลแน่

สโรชา -มีรัฐบาลแน่คะ เพราะว่าวันนี้คุณหมอสุรพงษ์ ก็ถึงจังหวะออกมาประกาศแล้วว่า ในวันพรุ่งนี้ เข้าใจว่าน่าจะเป็นเวลาสัก บ่าย 2 ที่โรงแรมสุโขทัย

จินดารัตน์ - ใครเลือกสถานที่รู้ไหมคะ คุณสมัคร ดิฉันอยากทราบจริงๆว่าทำไมคุณสมัคร อยากไปโรงแรมสุโขทัย

สโรชา -คือมีคนไปถามว่า คุรสมัคร ตกลงจะไปแถลงไหม คุณสมัคร บอกว่า "ไม่ไปได้ไง เลือกเอง สถานที่เอง" แต่ในที่สุดแล้ว พรุ่งนี้คจะได้เห็นภาพทั้ง 6 พรรคเขามารวมตัวกัน และประกาศพร้อมกันว่า เขาจะทำนห้าที่ในการจัดตั้งรัฐบาล คุณหมอสุรพงษ์ บอกแล้วนะคะว่า ในส่วนของชาติไทย คุณบรรหาร ศิลปอาชา ไม่ได้มาเองนะคะ แต่ว่าส่งคุณสนั่น ขจรประศาสน์ และคุณสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล เป็นตัวแทนพรรคมาร่วมแถลงข่าว ในส่วนของมัชฌิมาธิปไตย ก็แน่นอน คุณประชัย ก็ไม่ได้มาเอง แต่ว่า คุณอนงค์วรรณ เทพสุทิน เขาไม่ได้มาแทน แต่มาในฐานะตัวแทนของพรรคมัชฌิมาธิปไตย อีก 4 พรรคนะคะ ที่จะร่วมรัฐบาล หัวหน้าพรรคมาเอง รวมไปถึงคุณสุวิทย์ คุณกิตติ แห่งพรรคเพื่อแผ่นดินด้วย แล้วก็คุณสมัคร สุนทรเวช ที่บอกว่าเป็นคนเลือกสถานที่เอง จะไม่มาได้อย่างไร

จินดารัตน์ - ดิฉันลืมหยิบการ์ตูนของกรุงเทพธุรกิจ มาให้ดู เป็นรถบัส ข้างบนก็มีน้าหมักเป็นคนขับรถ ก็บอกว่า "เอาเลย พวกเราขึ้นรถมา " เสร็จแล้ว 4 - 5พรรคเขาก็ขึ้นไปละ อีกพรรคหนึ่งยังร่ำไรอยู่ข้างล่าง คนบนรถบัสเขาก็บอกว่า "เห็นไหม สุดท้ายก็ต้องมาลีลาอยู่นั่นแหละ" เสร็จแล้วคนที่จูงมืออีก 2 คน หันไปดุว่า "คุณวัฒนา คุณประชา ขึ้นรถเถอะ อย่าทำหน้าหงิกหน้างอนะ" ดิฉันชอบมากเลยนะ

สโรชา -คนที่จูงชื่อสุวิทย์ มั้ยคะ

จินดารัตน์ - ใช่ หน้าเหมือนคุณสุวิทย์เลย เหมือนวันนี้มันประจวบเหมาะทุกเรื่องเลยนะ กกต.ก็ออกมามีมติรับรอง ส.ส.เพิ่มเติม เหมือนเฮโลกันไปให้ถึงที่สุดเลย รับรองอีก 26 คะ วันนี้

ปานเทพ - ทั้งๆ ที่ยังวินิจฉัยยังไม่เสร็จนะครับ จริงๆแล้วข้อร้องเรียนเหล่านั้น ซึ่งมีการบันทึกมีการลงทะเบียน ได้พิจารณาจนครบว่าเขาถูกจริง หรือไม่ถูกจริง เพียงแต่ปล่อยผ่านไปก่อน

จินดารัตน์ - แล้วสอยที่ไหลัง

สโรชา -26 ที่ว่านี้ ก็ไม่ค่อยกระไรนะคะ เพราะว่าจริงๆ แล้ว สารภาพว่ายังไม่ได้ดูรายชื่อทั้ง 26 ท่าน แต่ว่ามีรายชื่อหนึ่งที่เชื่อว่าหลายคนคงสะดุด นั่นก็คือ คุณยงยุทธ ติยะไพรัช คือ 1 ใน 26 ที่ได้รับการคัดกรองในวันนี้ด้วย

จินดารัตน์ - ตกลงตอนนี้ยอดเท่าไหร่รู้ไหมคะคุณแอ้ม คุณปานเทพ จากเดิมขอให้มีแค่ร้อยละ 95 ก็คือ 456 ก็พอแล้ว มี กกต. อ้าวเต็มที่เลย เอาให้เปิดได้จริงๆ เลย 460 คน ก็คงจะเปิดประชุมได้วันที่ 21 มกราคม

ปานเทพ - ก็จะมีการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการ แล้วก็เชื่อได้ว่าถ้าไม่มีอะไรพลิก คุณสมัคร สุนทรเวช ก็น่าจะเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป ได้จริงๆ

สโรชา -ติดใจประเด็น คุณยงยุทธ นิดนึง เพราะว่า หลังจากที่เราได้ยินถ้อยคำการให้สัมภาษณ์ ไม่ว่าจะเป็นท่าน กกต. หรือว่า สำนวนที่หลุดรั่วออกมา หรือแม้กระทั่งการแก้ต่างของคุณยงยุทธ เราก็ได้ทราบความเคลื่อนไหวมาโดยตลอด จนในที่สุดมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมา หมายเพื่อสอบสวนสำนวนนี้โดยเฉพาะ ว่ามีการไปที่เชียงราย เพื่อไปสอบปากคำพยานปากต่างๆ แล้วก็ล่าสุด เห็นว่า มานั่งใช้เวลาอีก 3 วัน ก็น่าจะเสร็จในสำนวนของคุณยงยุทธ คำถามก็คือว่า แล้วคาราคาซังอยู่อย่างนี้ กำลังสอบอยู่อย่างนี้ แล้วก็รับรองไปก่อน มีความจำเป็นอะไรหรือ ทำไมถึงไม่เป็น สมมตินะคะ คือไม่ได้เจาะจงว่าเป็นคุณยงยุทธ แต่ว่า เพียงแต่สำนวนเห็นอยู่ มีความเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา และอยู่ในสายตาของประชาชนจำนวนมาก

จินดารัตน์ - คือกลัวว่าจะไม่เสร็จใน 2 - 3 วัน เดี๋ยวจะเปิดสภาไม่ทันภายในที่กฎหมายกำหนดไว้ 30 วัน

ปานเทพ - ตอนนี้เลยไปแล้วนะครับ เลยจำนวน 55 %

สโรชา -ทำไมไม่เป็น 25 ละ

จินดารัตน์ - ข้องใจ

ปานเทพ - ไม่เป็นอะไรหรอกครับ เพราะว่าคือ ถ้าทัศนคติของ กกต.มีความคิดว่า เหมือนในมายาคติว่า ต้องเปิดสภาให้ครบจำนวนไปก่อน โดยไม่สนใจว่า ผลกระทบตรงนั้นจะนำไปสู่การเลือกตั้งที่บริสุทธิ์ยุติธรรมหรือไม่ ได้ประธานสภาที่ถูกต้อง เพราะมาจากคนที่บริสุทธิ์ครบถ้วนหรือไม่ หรือนายกรัฐมนตรีที่มาจากสภาอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรมหรือไม่ หรือจะเป็นการสนใจที่น้อยกว่าการมีสภา ซึ่งผมเชื่อว่า เรื่องนี้น่าผิดหวัง นี่พูดตรงๆ ก็คือว่า หลายคนมีความคาดหวังมากว่า กกต.ชุดนี้จะทำให้การเลือกตั้งเป็นไปอย่างสุจริต และเที่ยงธรรมมาก เพื่อหวังว่าปฏิรูปมาทั้งหมด

เพราะมีการรัฐประหารมาทั้งที หวังว่า เพียงแค่การเลือกตั้งเป็นด่านแรก นำไปสู่กระบวนการฝ่ายนิติบัญญัติ และฝ่ายบริหาร ที่บริหารบ้านเมือง จะเป็นส่วนที่มีความบริสุทธิ์ยุติธรรม ถ้าทำไม่ได้ตั้งแต่ตอนต้น และปล่อยผ่านทั้งหมด หรือเกือบทั้งหมด และก็ให้ความเป็นธรรม ไม่ได้กับการซื้อสิทธิ์ขายเสียง และเกิดการซื้อสิทธิ์ขายเสียงแพร่ระบาด จนกระทั่งประชาชนรับรู้กันอย่างกว้างขวาง ทั้งกระบวนการทำผิดกฎหมายมากมาย ผมต้องถือว่าการทำงานของ กกต.ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง

จินดารัตน์ - ดิฉันพอฟังคำพูดคุณแอ้มแล้ว นึกออกเหมือนกันนะ วันนี้รับรอง 26 คน เป็น 460 คน มันก็ไม่ใช่เหตุผลว่าจะรับรองคุณยงยุทธ ซิ

ปานเทพ - เป็นคนอื่นก็ได้

สโรชา -หรือเป็นแค่ 25 สมมติ ในเมื่อคุณยงยุทธ ถามว่าทำไมถึงต้องมาเจาะจงที่คุณยงยุทธ คุณยงยุทธ เป็นถึงรองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน เป็นคดีสำคัญ มีคนหลายคนตั้งคำถามว่า มันจะเชื่อมโยงไปถึงขั้นว่า ถ้าโดนใบแดงจะไปถึงขั้นยุบพรรคหรือเปล่า คือคำถามมันเยอะมาก และคำถามเหล่านี้ยังไม่ได้รับความกระจ่างเลยแม้แต่คำถามเดียว เพราะฉะนั้นการที่ กกต.รับรองไป เราก็มีสิทธิ์ตั้งคำถามว่า มีความจำเป็นอะไร

ปานเทพ - จำเป็นอะไรที่จะต้องรับรองบุคคลคนนี้

สโรชา -ใช้อะไร เกณฑ์อะไร ในการรับรอง หรือ กกต.กังวลใจอะไรอยู่

จินดารัตน์ - หรือ กกต.บางคนเอาอะไรมาเอาอะไรไปหรือเปล่า

ปานเทพ - หรือว่าตกใจที่ว่ารัฐบาลเป็นพรรคพลังประชาชนแน่ๆแล้ว ขวางอะไรไม่ได้แล้ว เรือล่มในหนองเงินทองจะไปไหน ก็คิดว่า ทุกพรรครวมกันหมดไม่มีทางเปลี่ยนแปลงอะไรได้ ปล่อยเลยดีกว่า

จินดารัตน์ - หรือรักษามารยาท เห็นเขาประกาศร่วมรัฐบาลกันแล้ว ไม่อยากให้เขาเสียอกเสียใจ

ปานเทพ - ก็คือว่ากำลังโอนอ่อน ผ่อนตามกับอำนาจของรัฐ อำนาจของว่าที่รัฐบาลในอนาคต ที่มีส่วนในการกุมทุกอย่าง ไม่ว่าอำนาจรัฐหรืองบประมาณ อย่างนั้นหรอกหรือ

สโรชา -หรือว่ากลัวว่าจะไม่มีใครขึ้นไปยืนในสภา แล้วก็ให้คนเรียกว่าท่านประธานเฉยๆ

จินดารัตน์ - โดยที่ไม่มีคำว่าท่านประธานที่เคารพ ดิฉันรู้แล้วคนที่จะไม่เรียกว่าท่านประธานที่เคารพแน่ๆ คุณสุเทพ เทือกสุบรรณ

สโรชา -ถูกต้อง

จินดารัตน์ - คุณเติมศักดิ์สัมภาษณ์คุณสุเทพ ถามคุณสุเทพว่าถามหน่อยเถอะครับว่า คำว่าท่านประธานที่เคารพนี้ เป็นระเบียบที่บรรจุเอาไว้ในระเบียบการประชุมหรือเปล่า ว่าจะต้องเรียกท่านประธานที่เคารพ คุณสุเทพบอกว่าไม่ใช่ครับ เป็นมารยาทและเป็นเหมือนธรรมเนียมปฎิบัติ แต่ว่าสำหรับผมเนี้ย ผมขอบอกไว้เลยนะว่าประธานที่ไม่น่าเคารพ และได้เป็นประธานนั้น ผมจะเรียกท่านประธานเฉยๆ

ปานเทพ - ก็ทำได้นะครับ

จินดารัตน์ - จริงๆ ดิฉันว่าก็เป็นสิทธิ์นะคะ

สโรชา -แต่ว่าอะไรนะ คือนอกจากคุณยงยุทธแล้ว ยังมีแคนดิเดตอีกหลายคนนะ คุณสมชาย อมรวิวัฒน์ ก็เป็นหนึ่งในแคนดิเดตนะคะ คุณสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ก็เป็นหนึ่งในแคนดิเดตที่จะได้รับการคัดเลือก หรือพิจารณาเป็นประธานสภาอีกเหมือนกันนะ

จินดารัตน์ - คนนี้อาจจะได้ท่านประธานที่เคารพ

สโรชา -หรือคะ แต่ก็มีความเป็นไปได้มากกว่า

ปานเทพ - และคุณสมัคร สุนทรเวช จะมีโอกาสกับเขาไหม ที่จะเป็นประธานสภา

จินดารัตน์ - ถ้ามีเนี้ย ลำบากนะคะพรรคแตกได้นะคะ วันนี้ที่อาคารไอเอฟซีที ที่ว่าเขาสามัคคีๆ กันอยู่ตอนนี้นะคะ

ปานเทพ - เป็นอย่างไรครับ

จินดารัตน์ - วันนี้มีกลุ่มที่สนับสนุนพรรค 30 คน มายื่นหนังสือให้เลขาธิการพรรค คุณหมอเลี๊ยบเนี้ยนะคะ บอกว่าถ้าคุณสมัครไม่ได้เป็นนายกฯ เนี้ยมีเรื่องนะ สองก็คือ ถ้าพล.อ.ประวิทย์ วงศ์สุวรรณ มาเป็นรัฐมนตรีกลาโหมมีเรื่องนะ ถ้าไม่ใช่ พล.อ.เรืองโรจน์ มหาศรานนท์ แล้วเขาบอกว่าไอ้กลุ่มที่มาเนี้ย ยังเรียกร้องขอเป็นสมาชิกแนวร่วม นปก. ด้วย แล้วบอกว่าเราจะขับเคลื่อนกันต่อ คอยดูกันไปก็แล้วกัน คุณสมัครต้องได้เป็นนายกฯ

ปานเทพ - ก็ดีครับ คุณสมัคร สุนทรเวช มีความชอบธรรมแล้ว ณ เวลานี้ เพราะกระบวนการรอบปีกว่าที่ผ่านมา ได้ทำการปฏิรูปให้ประชาชนได้เข้าถึงข้อมูล และการซื้อสิทธิ์ขายเสียงยังคงดำรงอยู่ ทุกคนได้ทำหน้าที่ของตัวเอง เพราะฉะนั้นแล้วก็มีความชอบธรรมแล้วที่ คุณสมัคร สุนทรเวช จะเป็นนายกรัฐมนตรี ครบถ้วนบริบูรณ์นะครับ ไม่ควรจะเป็นคนอื่นด้วยซ้ำไป

จินดารัตน์ - คุณปานเทพ หมู่นี้คุณสมัครไม่ค่อยพูดเลยนะ

ปานเทพ - พูดน้อย ทำให้คิดถึงคุณสมัคร อยากได้ยินเสียงคุณสมัคร

สโรชา - อยากให้พูดเยอะๆ

ปานเทพ - ทำให้ทบทวนอย่างนี้ ว่าที่นายกรัฐมนตรี คุณสมัคร สุนทรเวช ที่ผ่านการเมืองมามากมายเนี้ยนะครับ ครั้งหนึ่งตัดสินใจต้องออกจากเป็นผู้ดำเนินรายการทาง ททบ.5 แล้ววันนั้นก็ถึงขนาดที่ต้องออกจากสถานีโทรทัศน์ ออกจากการจัดรายการ เพราะว่าพูดถึงสถาบันองคมนตรี และพูดโจมตีอย่างเสียหาย ใครจะรู้ว่าวันหนึ่งมาเป็นหัวหน้าพรรค และกำลังจะเป็นนายกรัฐมนตรี และต้องเผชิญหน้ากับงานพิธีต่างๆ ที่ต้องมีประธานองคมนตรี องคมนตรี พร้อมๆ กับนายสมัคร สุนทรเวช ที่เป็นว่าที่นายกรัฐมนตรี หรือนายกรัฐมนตรีที่ต้องเผชิญหน้ากัน เจอกันในงานเดียวกัน ในชัยชนะทางการเมืองครั้งยิ่งใหญ่

จินดารัตน์ - เขาบอกว่าสังคมไทยมันเป็นสังคมสองหน้า ถึงเวลาก็ทำได้ทั้งนั้นล่ะ แต่ดิฉันไม่มั่นใจว่าคุณสมัครจะทำได้หรือเปล่า

สโรชา - สังคมไทยลืมง่ายค่ะ ไปทบทวนกันหน่อยได้ไหมว่าเขาพูดว่าอะไร

ปานเทพ - ทบทวนวันที่ออกจากสถานีโทรทัศน์ จากผู้ดำเนินรายการ มาเป็นว่าที่นายกรัฐมนตรี จากวันนั้นถึงวันนี้ ไม่น่าเชื่อว่าจะมาถึงวันนี้ได้จริงๆ นะครับ จากกระบวนความความไม่ได้เรื่องและโหลยโท่ยทั้งหลายของบรรดาผู้ปกครองในบ้านเมืองที่ผ่านมา มาถึงวันนี้จริงๆ ครับ คุณสมัคร สุนทรเวช ณ วันนั้น พูดไว้ก่อนที่จะถึงวันที่มีการต่อสู้ เข้าสู่การเมือง ณ วันนี้ไว้ว่าอย่างไร

จินดารัตน์ - ไปชมกันดีกว่าค่ะ

สโรชา - เชิญค่ะ

(วีทีอาร์ "สมัคร")

จินดารัตน์ - ดิฉันว่าคนนั่งข้างๆ นี่อยากจะลุกหนีไปเลยนะ

ปานเทพ - วันนั้นใช่ไหมครับ ณ วินาทีนั้น

จินดารัตน์ - กระอักกระอ่วน

สโรชา - คงมีอะไรอยู่ในใจเยอะมาก ณ วินาทีนั้นนะคะ

ปานเทพ - ว่าทำไมต้องมานั่งตรงนี้ด้วย

สโรชา - ทำไมต้องเป็นฉัน

ปานเทพ - ทำไมต้องเป็นเรา

จินดารัตน์ - ใจลอยไปไหนแล้วก็ไม่รู้นะคะ

ปานเทพ - แต่ก็ทำให้เห็นว่าหลังจากวันนั้นคุณสมัคร สุนทรเวช และทั้งคู่นะครับ อ.ดุสิต ศิริวรรณ ก็ออกจาก ททบ.5 ออกจากการจัดรายการ และระหกระเหินไปทำอะไรต่อมิอะไร จัดรายการวิทยุ ชุมชนบ้าง จัดรายการวิทยุบ้าง ไปจนถึง MV 1 บ้าง จนกระทั่งถูกรัฐประหาร และสุดท้ายก็มาเป็นว่าที่นายกรัฐมนตรี ณ ชั่วโมงนี้ นี่คือความที่เรียกว่า บทพิสูจน์ของการต่อสู้ ของความเชื่อของคุณสมัคร กับอีกขั้วหนึ่งที่พยายามต่อต้านคุณสมัคร วันนี้ในทางการเมืองคุณสมัครจะเป็นนายกรัฐมนตรีที่ว่ากันว่าจะมาคุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ควบ 2 ตำแหน่งด้วยคนๆ เดียว

สโรชา - ขนาดนั้นเลย

ปานเทพ - ครับ ทีนี้คำถามก็แน่นอนว่า ผมยังไม่ค่อยเชื่อนะครับว่าสุดท้ายเขาจะยอมประนีประนอมที่จะมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในชั่วโมงนี้ เพราะอย่างที่บอกล่ะครับว่า แรงกดดันในพรรค ไม่ว่าจะเป็นกลุ่ม นปก. หรืออดีตกรรมการบริหาร 111 คน ถามหาความชอบธรรมของตัวเองว่า ได้คะแนนมาขนาดนี้ ไม่ว่าจะเป็นเพราะเหตุผลใดก็แล้วแต่ ทำไมจะต้องไปประนีประนอมกับใครอีก เพราะฉะนั้นแล้วไม่มีความจำเป็นต้องแต่งตั้งกับใคร จะเป็น พล.อ.เรืองโรจน์ นั่งรัฐมนตรีว่าการฯ กลาโหม จะมีคุณนพดล ปัทมะ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ

คุณจักรภพ เพ็ญแข เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี หรือจะมีคุณสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม หรือคุณมานิตย์ จิตต์จันทร์กลับ อย่างนี้เป็นต้น ประเทศเราก็จะถูกหันไปอีกด้านหนึ่งสุดขั้วเหมือนกันครับ สุดขั้วแน่นอนครับ เราจินตนาการออกเลยใช่ไหมครับ จินตนาการต่อด้วยซ้ำไปว่า ไม่แปลกหรอกว่าการวางบุคลากรลักษณะแบบนี้ ที่มีเป้าหมายทางการเมืองเป็นอันสำคัญ จึงทำให้ ส.ส.ในพรรคทวงถามถึง ส.ส.สัดส่วนของตัวเองที่อีสานว่า แล้วอีสานทำไมไม่มีรัฐมนตรีของตัวเองบ้าง นี่คือจุดเริ่มต้นของการแบ่งเค้ก และสวาปามแย่งเก้าอี้กันอย่างเมามันของกลุ่มการเมืองทั้งหลาย ณ ชั่วโมงนี้ครับ

สโรชา - สิ่งที่ประเด็น ณ เวลานี้คือ เดิมทีเราจะมองเห็นภาพพรรคพลังประชาชนเขาตั้งคำถามไปยังชาติไทย เพื่อแผ่นดิน ว่าตกลงเอาอย่างไร ร่วมรัฐบาลหรือเปล่า เมื่อวานนี้ แถลงข่าวที่บอกว่า คุณบรรหารตอบคำถามนักข่าวในประเด็นว่า จะยกมือสนับสนุนคุณสมัคร สุนทรเวช ให้เป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่ คุณบรรหารตอบว่า ตรงนั้นเป็นหน้าที่ของพรรคแกนนำ คือพูดง่ายๆ ว่าไม่ตอบ ตัวเองไม่ได้ตอบว่าผมยืนยันว่าผมจะสนับสนุนคุณสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรี ไม่พูด กลายเป็นประเด็นที่คนในพรรคพลังประชาชนเอง

วันนี้ก็ตั้งคำถามกลับไปยังคุณบรรหาร ศิลปอาชา เหมือนกัน คุณนพดล ปัทมะ เป็นคนหนึ่งที่บอกว่ากรณีที่คุณบรรหารออกมาพูดอย่างนี้ ว่ายังไม่ให้ความชัดเจนในการสนับสนุนคุณสมัคร ไม่ทราบว่าทำไม คุณบรรหารยังไม่ยืนยัน แต่คิดว่าคงไม่มีปัญหา เพราะท้ายที่สุดแล้วเมื่อพรรคชาติไทยตัดสินใจร่วมรัฐบาล ก็ต้องสนับสนุนหัวหน้าพรรคหัวหน้าพรรคให้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลอยู่แล้ว ไม่ต้องการมองว่าเรื่องนี้เป็นการต่อรองทางการเมือง ส่วนการจัดสรรตำแหน่งในรัฐบาลนั้นจะต้องพิจารณาความเหมาะสมของบุคลากร หนึ่ง และจำนวน ส.ส.ของแต่ละพรรค

คุณกุเทพ ใสกระจ่าง ก็ออกมาตอบโต้ในประเด็นนี้เหมือนกัน บอกว่าเข้าใจคุณบรรหารนะ ว่าคุณบรรหารใช้คำว่าเป็นหน้าที่ของแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล เพราะว่าแน่นอน ทั้งประธานสภาฯ ทั้งนายกรัฐมนตรี เป็นสองตำแหน่งที่สำคัญที่ต้องเป็นหน้าที่ของพรรคแกนนำอยู่แล้วที่จะต้องจัดการ เพราะฉะนั้นพรรคอื่นต้องว่าตามกัน ว่ายังไงว่าตามกัน ไม่มีสิทธิ์ที่จะออกความคิดเห็น

ปานเทพ - เรื่องที่น่าสนใจคืออะไรรู้ไหมครับ ว่าทำไมป่านนี้ถึงได้มีคนตั้งคำถามว่านายกฯ จะเป็นคุณสมัคร สุนทรเวช จริงๆ หรือเปล่า ทุกวันๆๆ

สโรชา - จริงๆ ควรจะผ่านจุดนั้นมาแล้วนะคะ

ปานเทพ - มันควรจะผ่านจุดนั้นมาตั้งนานแล้ว เพราะแสดงว่ามันต้องมีอะไรบางอย่างผิดปกติจริงๆ ถึงต้องมีคำถามอย่างนี้ทั่วบ้านทั่วเมือง แม้แต่ในพรรคพลังประชาชน

จินดารัตน์ - ไม่นะคุณปานเทพ มีอยู่คนหนึ่งเฉยๆ

ปานเทพ - ใครครับ

จินดารัตน์ - พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์

ปานเทพ - อ๋อ เหรอครับ ท่านเฉยๆ เลยเหรอครับ

จินดารัตน์ - ท่านเฉยมาก

สโรชา - ท่านเฉยอยู่แล้วนี่ เฉยซะตั้งแต่ต้น

จินดารัตน์ - เฉยทุกเรื่อง แม้กระทั่งเรื่องนี้นะคะ คือวันนี้นักข่าวไปถามว่า ตกลว่าถ้าคุณสมัครเป็นนายกฯ จะทำให้เกิดความสมานฉันท์ไหม ท่านบอกว่าอยู่ที่คนที่จะเข้ามาทำหน้าที่ต่อไป มีความหวัง ไม่เคยหมดหวังเลย ท่านว่าอย่างนี้ แล้วท่านว่าอย่างไรรู้ไหมคะ ท่านบอกว่า ถ้าคุณสมัครจะนั่งควบตำแหน่งรัฐมนตรีฯ กลาโหม ท่านจะว่าอย่างไร

ปานเทพ - ท่านบอกไหมท่านจะว่าอย่างไร

จินดารัตน์ - ท่านบอกว่าจะยอมรับได้ไหม ท่านบอกว่าต้องไปถามทหาร เพราะวันนี้ตนเป็นพลเรือน ซึ้งไหมล่ะ

ปานเทพ - สุดยอดจริงๆ ครับ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์

สโรชา - จนนาทีสุดท้าย

ปานเทพ - แล้วเขาถามเรื่องอื่นด้วยนี่

จินดารัตน์ - เรื่องมือสกปรก มืออะไรขัดขวางการจัดตั้งรัฐบาล ถามนายกฯ นายกฯ บอกว่าผมไม่ทราบ เพราะว่าผมไม่ได้เป็นคุณสมัคร ผมไม่ทราบว่าอะไรเป็นมือสะอาด เป็นมือสกปรก ถ้าผมเป็นคุณสมัคร ผมคงตอบได้ แต่ตอนนี้ผมเป็นคุณสุรยุทธ์ ผมตอบไม่ได้ งั้นต่อไปนี้เราต้องเรียกคุณสุรยุทธ์แล้วสิคะ

ปานเทพ - ครับ ก็ใกล้จะเป็นอย่างนี้นะครับ

สโรชา - ไม่ใช่ พล.อ.สุรยุทธ์ นะคะ

ปานเทพ - มีคำถามนิดหนึ่ง มีคนถามว่า เราเสียใจไหมในสิ่งที่มันเกิดขึ้นในขณะนี้ ผมอยากจะบอกว่า เห็นแล้วก็ได้แต่ เข้าใจว่าทำไมมันถึงเป็นอย่างนี้ เข้าใจว่าความไม่ฟัง ความไม่สนใจกับสิ่งที่เราเคยพูด เราไม่ได้บอกว่าเราเก่งนะครับ แต่คำว่าเรานี่หมายถึงว่า คนจำนวนมากๆ ทั้งผู้ประกาศ ไม่ว่าคนดำเนินรายการเอเอสทีวี หรือเอ็นจีโอที่เขาเตือนรัฐบาลตั้งแต่ชุดที่แล้วว่า ต้องทำอะไรบ้าง ต้องปฏิรูปสื่ออย่างไร ต้องนำความจริงมาเสนอ ต้องนำความรู้ให้กับชาวบ้าน ต้องระมัดระวังการซื้อสิทธิ์ขายเสียง ต้องระมัดระวังกระบวนการต่างๆ ที่กำลังเกิดขึ้น ทุกวันๆๆ รัฐบาลบอกว่าทุกวันก็เฉยๆ ไม่มีใครทำอะไร จนวันนี้ไฟรนก้นเขาจะมาอยู่แล้ว เพิ่งจะมาคิดได้บอกว่าต้องทำอย่างนั้นๆ ต้องไปเจรจาต่อรอง เอาอะไรไปต่อรองในชั่วโมงนี้

สโรชา - ไม่ต่อรองแล้ว ไม่มีอะไรจะต่อรองแล้ว

ปานเทพ - หมดสิทธิและหมดเวลาไปนานแล้ว

จินดารัตน์ - เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่าคะ

ปานเทพ - ครับ เพราะฉะนั้นแล้ว เวลามันผ่านไปแล้ว และผมถือว่า พวกเราทั้งหมดทำหน้าที่ได้อย่างสมบูรณ์ ในฐานะคนธรรมดาตัวเล็กๆ ที่บังเอิญมีกล้อง มีเครื่องไม้เครื่องมือ ทำให้เราสามารถพูดผ่านกล้อง ผ่านสื่อสารมวลชน ให้กับคนทั้งประเทศ ไม่ใช่ทั้งประเทศหรอกครับ เท่าที่จำกัด เท่าที่ฟังเราอยู่ ให้ได้รับรู้ แล้วก็ไปไม่ได้ไกลกว่านี้ ได้แค่นี้แหล่ะแต่ถามว่ามีใครที่จะมีอำนาจในหน้าที่บ้านเมือง ทำให้คนเขาได้ยินมากกว่านี้ไหม แล้วเขาทำไหม คนเหล่านั้นสิต้องเสียใจ เราน่ะทำได้อย่างสมบูรณ์ ไม่มีอะไรเกินไปกว่านี้ที่เราจะดีแล้ว ไม่เสียใจเลยนะคะ

จินดารัตน์ - นี่แหละคือคำตอบที่หลายคนสงสัยว่า ทำไมวันนี้เราอารมณ์ดี ยิ้มได้ ยิ้มออก เราต้องยิ้ม เพราะเราต้องอยู่ดูกรรมและเวร คือบางสิ่งบางอย่างมันอาจจะต้องใช้เวลานิดนึง เราต้องมั่นใจในสิ่งที่เราทำ แล้วก็ต้องบอกว่าพวกเราทุกคนจุดยืนยังเหมือนเดิม ยามใหญ่ของเรายังหนักแน่น และเหมือนเดิม ไม่ได้ไปไหน อย่าหวั่นไหว เพียงแต่ข้างในอาจจะช้ำเล็กน้อย

ปานเทพ - ผมคิดอย่างนี้ นึกถึงเหตุการณ์การต่อสู้ของเราเป็นปีๆ การต่อสู้ของภาคประชาชนที่ตากแดด ตากฝน หิวข้าว ไม่ได้เห็นฝั่งเลย อะไรคือกำลังใจรู้ไหมครับ ผมว่าผมอ่านพระราชนิพนธ์ เรื่องพระมหาชนก คือน่าประทับใจตอนที่ พระมหาชนกว่ายน้ำไป ตอนว่ายไม่เห็นฝั่ง แต่ไม่เห็นฝั่งว่ายจนเทวดาถามว่า คนอื่นก็ตายกันหมดแล้ว เขาเลิกว่ายกันไปตั้งนานแล้ว ทำไมพระมหาชนกยังว่ายอยู่ ทั้งที่ไม่เห็นฝั่ง เดี๋ยวต้องตายเหมือนกัน แถมตายแล้วยังหมดแรงอีก จะว่ายไปทำไม

พระมหาชนกพูดแล้วผมยังใช้คำพูดของพระมหาชนก ที่พูดถึงตอนนั้นนะครับ เป็นวิถีการดำเนินชีวิตของผมเอง และผมเชื่อว่าหลายคนก็คิดอย่างนี้ พระมหาชนก บอกว่า การได้ว่ายอย่างสุดกำลังแล้ว ถึงแม้ตายก็ไม่ติดหนี้ตัวเอง ไม่ติดหนี้ฟ้าดิน ไม่ติดหนี้พ่อแม่ เพราะไม่มีอะไรดีไปกว่านี้แล้ว ทำดีที่สุดแล้ว ไม่มีอะไรต้องเสียใจ คนที่เสียใจคือคนที่ไม่ได้ทำหน้าที่ตัวเองต่างหาก เพราะฉะนั้นท่านผู้ชม ASTV ได้ยินแล้ว หดหู่หมดหวัง อย่าหมดหวัง เข้าใจมัน และเชื่อว่าเราทำดีที่สุดแล้ว เรามีส่วนทำให้เกิดกระบวนการการเปลี่ยนทางการเมืองเกิดขึ้น ประชาชนเข้าใจมากขึ้น มีคนไปลงคะแนน NOVOTE เยอะขึ้นเป็นประวัติการณ์ เป็นประวัติศาสตร์ของชาติไทยเลยนะครับ

และอยู่ดีๆ คนก็ออกมาอย่างล้นหลาม มี NOVOTE ขึ้นมา มีรัฐประหารเกิดขึ้น มีกระบวนการรับร่างรัฐธรรมนูญ มีประชาชนเข้าให้กำลังใจ และช่วยตรวจสอบรัฐบาลอยู่ตลอดเวลา มีองค์กรเกิดขึ้น และตรวจสอบการทุจริตที่หลายคนไม่เคยเชื่อว่าจะตรวจสอบได้ ผมเชื่อว่าหน้าที่ของประชาชนทำได้อย่างบริบูรณ์ครบถ้วนแล้วในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา

จินดารัตน์ - พูดง่ายๆ จะให้ไม่เจ็บมากก็คือ อย่าคาดหวังสูงมากนักในสังคมแบบนี้

ปานเทพ - แล้วก็คิดใหม่เลยว่า พิสูจน์แล้วว่าปีกว่าที่ผ่านมา คนที่มีอำนาจและชนชั้นปกครอง ถ้าเราคิดว่าไม่ได้เรื่อง และอยากทำให้ได้เรื่อง วิพากษ์วิจารณ์แล้วเป็นบทพิสูจน์ได้ว่าปีกว่าที่ผ่านมาไม่เคยมีใครฟัง วิธีที่ดีที่สุด คือต้องเข้าสู่อำนาจรัฐเอง ใครมีความฝัน มีความเชื่อ สมัครเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ใครมีวาทะดีๆ มีข้อมูลดี ใฝ่รู้ ต่อสู้เพื่อประเทศชาติ สมัครเป็นสมาชิกวุฒิสภา ทำเต็มที่ ทำหน้าที่ตัวเองให้บริบูรณ์ ใครอยากทำหน้าที่เป็นเพียงแค่ วิพากษ์วิจารณ์เพื่อเตือนสติ และให้ประชาชนมีความรู้ ก็เป็นสื่อสารมวลชน เพียงแต่ว่าทุกคนต้องทำหน้าที่ตัวเอง อย่าได้ท้อ อย่าได้หมดหวัง

จินดารัตน์ - ที่แน่ๆ วันนี้ดิฉันดีใจ ก็คือ มีคนบางกลุ่มบางประเภทที่เผยธาตุแท้ตัวเองออกมาให้พวกเราได้เห็น

ปานเทพ - นี่คือสิ่งที่คุ้มค่าใช่ไหม ดีกว่าที่ผ่านมาหลายคนมาร่วมสู้กับเรา เราไม่รู้หรอกว่าเขาเจตนาอะไร บังเอิญว่าเป้าหมายเดียวกัน แต่หลังจากนั้นแล้ว เราก็เห็นธาตุแท้ของแต่ละคน ซึ่งแต่ละคนไม่เหมือนกันหรอก บางคนก็เพื่อประโยชน์ตัวเอง บางคนก็เพื่ออำนาจตัวเอง บางคนก็เพียงแค่หลอกไปวันๆเพื่อสร้างภาพว่าตัวเองดูดี บางคนก็ต้องการทรัพย์ บางคนก็เพียงแค่อยากดัง บางคนก็ทำได้ทุกอย่างแม้กระทั่งการตระบัดสัตย์ต่อประชาชนคนหมู่มากจนลืมไปว่าสังคมพัฒนาไปไกลแล้ว ผมว่านี่คือสิ่งที่มีค่านะ เป็นช่วงเวลาที่มีค่ามาก

สโรชา - แต่กำลังใจ แต่เชื่อว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริง บ้านเมืองเรามีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ตรงนี้แอ้ม ที่ใช้เป็นกำลังใจนะคะ คือ มันไม่มีอะไรที่จะเกิดขึ้นได้โดยที่มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองอยู่ และท่านจะปล่อยให้สิ่งที่เลวร้ายเกิดขึ้นกับบ้านเมืองเรา เมื่อมันมืดสนิท มันจะต้องสว่าง เพราะฉะนั้นเราจะต้องรอให้วันนั้นเกิดขึ้น เราจะต้องเห็น เมื่อบ้านเมืองของเรามีแต่คนดีๆที่เข้าสู่อำนาจ ไม่ได้หวังผลที่จะต้องเอาความดีความชอบ เอาความร่ำรวยใส่ตัวเอง แต่ว่าทำเพื่อสังคมจริงๆ วันนั้นจะต้องมาถึง

ปานเทพ - คุณแอ้มเชื่อเรื่องเทวดา คุณแอนเชื่อไหมเทวดา

จินดารัตน์ - ดิฉันเชื่อเรื่องสิ่งศักดิ์สิทธิ์คะ

ปานเทพ - ผมเชื่อเรื่องกรรม คือ กรรมคือการกระทำ สิ่งที่ทำอย่างไรก็ได้อย่างนั้น อิททัปปัจจยตา สิ่งนี้มี สิ่งนี้จึงมี สิ่งนี้เกิด สิ่งนี้จึงเกิด สิ่งนี้ดับไป สิ่งนี้จึงดับ เมื่อสิ่งนี้ไม่มี อีกสิ่งหนึ่งก็ไม่มี ทุกอย่างมีเหตุปัจจัย ที่เป็นอยู่ทุกวันนี้นะครับ ใครจะเชื่อว่า คุณทักษิณ ชินวัตร ที่มีอำนาจมากที่สุดในประเทศไทย มีประชาชนสนับสนุนมากที่สุด มีประชาชนรักมากที่สุดในช่วงระยะเวลาหนึ่ง มีอำนาจคุมตำรวจ ทหาร คุมนักการเมือง แม้กระทั่งว่ากันว่าคุมองค์กรอิสระ และมีเม็ดเงินอย่างมโหฬารที่สุด จะพ่ายแพ้ได้ในวันนี้ มันเกิดขึ้นเหมือนกับที่ผมเคยนึกครั้งหนึ่งที่ผมนั่งดูอยู่ และคุณสนธิ ลิ้มทองกุล จัดรายการกับคุณสโรชา พรอุดมศักดิ์ วันที่ 6 พฤษภาคม 2548

วันนี้ยังไม่เชื่อเลยว่า เหตุการณ์แบบนี้จนถึง ณ ชั่วโมงนี้ จะเกิดขึ้นได้ ฟ้ามีตา เทวดามีจริง บุญกรรมเกิดขึ้น มีเหตุปัจจัย และเกิดขึ้นจริงๆครับ ไปฟังว่าตอนนั้นคุณสนธิ เคยสาปแช่งเอาไว้สำหรับคนชั่ว บางทีเรานึกไม่ถึงหรอกว่า กาลเวลาผ่านไปสิ่งนั้นจะเกิดขึ้นจริงๆ และมันก็เกิดขึ้นจริงๆ เพราะฉะนั้นท่านผู้ชมต้องมีความหวัง และเชื่อในสิ่งนี้ ไปทบทวนกันดูไหมว่า ตอนนั้นคำสาปแช่งคนชั่ว ต่อบ้านเมือง เป็นคำสาปแช่งที่ยาวเหยียดเลยครับ ตอนนั้นได้อารมณ์มาก ตอนนั้นยังไม่รบกับคุณทักษิณ เต็มที่เลยนะครับ ยังเพิ่งเริ่มๆ ไปลองฟังดูครับ หน้าตาคุณแอ้มเหลอหลาแค่ไหน เชิญครับ

(VTR คุณสนธิ สาปแช่ง)

จินดารัตน์ - วันนั้นก็มาถึงแล้ว

สโรชา - ไม่น่าเชื่อ

ปานเทพ - วันนั้นก็มาถึงจริงๆ ผมนึกถึงประโยคนี้เลย พอเหตุการณ์ที่คนหมดหวัง บอกว่า นี่มันมีจริงๆ นะ บาปบุญมันมีจริงๆ เราเอาธูปปักดิน ไหว้เทวดาฟ้าดิน ทำอย่างที่คุณสนธิพูดนะครับ ผมเชื่อว่าถ้าทำพร้อมๆ กัน มันมีพลังนะครับ ถ้าใครนึกไม่ออกว่าคุณสนธิพูดว่าอย่างไร เปิดดูเว็บไซต์คืนนี้ หรือไม่ก็กลับไปดูหนังสือรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ เล่มที่ 4 สีขาว เฉพาะสีขาวนะครับ สีดำอย่าเพิ่งนะครับ สีขาว หน้าหลัง ปกหลัง เอาเฉพาะแค่นั้นแหล่ะ

จินดารัตน์ - แหมบอกวิธีเสร็จเลยนะคะ

ปานเทพ - ทีนี้เราก็มานั่งคิด ว่า บ้านเมืองเราเนี่ยมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์จริงๆ นะครับ สิ่งที่เราเกิดขึ้นมาในวันนี้เพราะเราเชื่อว่า ตราบใดที่เราเชื่อมั่นและยืนอยู่ในธรรม กรรมของเราก็เป็นกรรมดี เราก็เชื่อว่าผลลัพธ์จะต้องดี เหมือนกัน ใครทำกรรมชั่วไว้ ก็ต้องได้รับผลกรรมอย่างนั้น เช่นเดียวกัน

จินดารัตน์ - เดี๋ยวเราจะพักกันก่อนนะคะ ช่วงหน้า บุคคลคนนี้ไม่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ แต่พูดทีไร เป๊ะทุกทีเลย

สโรชา - แม่น

จินดารัตน์ - แล้วก็ไม่ใช่หมอดูด้วยนะคะ เดี๋ยวกลับมา แป๊บเดียวค่ะคุณผู้ชม

( ช่วงที่ 2 )

สโรชา - กลับเข้าสู่ยามเฝ้าแผ่นดินนะคะ เมื่อสักครู่นี้มีคุณผู้ชมโทรศัพท์มาบอกว่า ที่คุณสนธิพูดในเรื่องของการสาปแช่งคนชั่ว ถ้าจะให้ได้ผลเร็วจริงๆ ให้ทำในวันพระ

ปานเทพ - อย่างนั้นเลยนะครับ

สโรชา - ช่วยๆ กันนะคะ คุณผู้ชมท่านนี้บอกไว้

จินดารัตน์ - จากที่ไหนคะเนี่ย ดุจัง

สโรชา - ไม่ได้บอกไว้ค่ะว่าจากที่ไหน แต่ว่าฝากไว้ว่าถ้าจะให้ได้ผลจริงๆ ต้องวันพระ

จินดารัตน์ - ไปดูคนนี้ค่ะ คนนี้เขาบอกว่าเขาไม่ได้ใฝ่ฝันทางตำแหน่ง ทางการเมือง และไม่อยากยิ่งใหญ่ในทางการเมือง แต่ว่าวันนี้ต้องออกมาพูด นึกออกแล้วใช่ไหมลีลาใคร ชี้หน้าคนบนทางด่วนทุกคน

สโรชา - คุณชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์

ปานเทพ - ต้องคิ้วขมวดด้วยครับคุณแอ้ม ต้องทำปากเบี้ยวๆ หน่อย ต้องทำท่าทำทาง เขาคนเดียวเท่านั้นนะครับในประเทศไทย

จินดารัตน์ - บุกตะลุยไปถึงหน้าที่ทำการพรรคชาติไทย

สโรชา - ลาออกจากพรรคแล้วเขาคงไม่ให้เข้าไปข้างใน คงต้องอยู่เฉพาะประตูด้านนอก รั้วด้านนอกพรรค แล้วก็ตั้งโต๊ะแถลงข่าวตรงนั้นเลย แต่ที่สำคัญแถลงข่าวไม่ธรรมดา เพราะว่ามีรูปคุณบรรหารมาตั้งอยู่ข้างๆ แล้วก็หันไปพูดด้วย

ปานเทพ - แล้วก็ชี้ หันไปพูดด้วย ฟังเข้าใจไหม

จินดารัตน์ - ขนาดเท่าตัวจริง ไปลองดูนิดหนึ่งค่ะ

(วีทีอาร์ "ชูวิทย์")

สโรชา - หนึ่งเดียวคนนี้จริงๆ

ปานเทพ - พูดแทงใจประชาชนเยอะมากนะครับ คือคุณชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ หลังๆ ก่อนหน้านี้คนจะมองคล้ายๆ กับว่าเอามัน

จินดารัตน์ - อยากดัง

ปานเทพ - อยากดัง เอาภาพ เอาโน่น เอานี่มา เอาวิธีการนำเสนอที่น่าสนใจในการตลาด จนคนบอกว่าสาระไม่ค่อยมีหรือเปล่า เพราะเขาไม่ให้ตำแหน่งจึงไม่พอใจหรือเปล่า แต่กาลเวลามันพิสูจน์ น้ำหนักของคนๆ หนึ่งที่เคยพูดแล้วคนสงสัย ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง แล้วสิ่งที่เขาพูดมันจริง มันสะท้อนให้เห็นว่าเขายืนอยู่ในสิ่งที่เขาเชื่อ และมันก็เป็นจริงๆ ในฐานะคนที่เคยอยู่ข้างใน และในทางตรงกันข้าม วันนี้คุณกัญจนา ศิลปอาชา มาให้สัมภาษณ์ด้วย

จินดารัตน์ - ยืนอยู่ในรั้วค่ะ

สโรชา - คุณชูวิทย์อยู่ข้างนอก คุณกัญจนา อยู่ข้างใน

ปานเทพ - ไปฟังดูไหมครับว่าคุณกัญจนา ได้ยินอย่างนี้นะครับ อยู่หน้าพรรค คุณกัญจนาทำอย่างไรดี

สโรชา - นี่เป็นครั้งแรกนะคะที่คุณกัญจนาให้สัมภาษณ์หลังจากที่มีข่าวเล็ดรอดออกมาในช่วงระยะเวลาสัก 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ที่ชัดเจนแล้วว่าพรรคชาติไทย แม้กระทั่งก่อนที่จะไปประกาศว่าจะเข้ากับพรรคพลังประชาชน หลังจากที่พูดต่อว่าต่อขานพรรคพลังประชาชนมากพอสมควร โดยเฉพาะคุณนพดล ปัทมะ ไปฟังคุณกัญจนาค่ะว่าวันนี้ครั้งแรกให้สัมภาษณ์ว่าอย่างไร

(วีทีอาร์ "กัญจนา")

สโรชา - คุณกัญจนานะคะ

ปานเทพ - คุณกัญจนาที่เว็บไซต์ไฮ-ทักษิณ ประดาบ บอกว่าถ้าวันใดชาติไทยไปร่วมกับพลังประชาชน ก็จะแปะหน้าผากตราที่คุณกัญจนา ว่าอีลูกปลาไหล นี่คุณประดาบพูดนะครับ ผมไม่ได้พูดนะ

สโรชา - มีคุณผู้ชมโทรเข้ามาหลายสายนะคะ เรื่องของการสาปแช่ง บอกว่า ถ้าอยากจริงๆ ก็ให้นัดวัน นัดเวลามาเลย เราจะได้ทำพร้อมๆ กัน จะได้ศักดิ์สิทธิ์นะคะไปฟังจากผู้ที่เป็นคนที่พูดเรื่องนี้เป็นท่านแรกเลยดีกว่าค่ะ

จินดารัตน์ - ต้นแบบ

สโรชา - คุณสนธิ ลิ้มทองกุล ไปถามว่า ไปได้ความคิดนี้มาจากไหน ตั้งแต่ปี 48 คุณสนธิ สวัสดีค่ะ / สวัสดีครับ

สนธิ - สวัสดีครับคุณแอ้ม คุณแอน แล้วก็คุณปานเทพ จริงๆ วันนี้ผมไม่ค่อยสบายครับ เป็นไข้ แต่ว่าวันนี้ไม่มาออกความเห็นบ้าง เดี๋ยวแฟน ๆ จะน้อยใจกันนะครับ ผมอยากให้ท่านผู้ชมทางบ้านตั้งสติสักนิดหนึ่ง แล้วก็ทำใจให้สงบหน่อย คืออย่างที่ผมเคยเรียนให้ทราบมานานแล้วว่า ถ้าเราวางศรัทธาความเชื่อมั่นอยู่บนคุณงามความดี การที่ศาลฎีกาไม่ได้พิพากษาออกมาในแนวที่เราต้องการ มันก็เป็นกฎธรรมชาติ มันไม่มีอะไรในโลกนี้ที่เราจะได้ดั่งใจ ผมก็อยากให้ทางพ่อแม่พี่น้อง หรือท่านผู้ชมที่ชมเอเอสทีวีอยู่ ตลอดจนคุณแอน คุณแอ้ม และคุณปานเทพ คิดเสียว่ามันเป็นบททดสอบพวกเรามากกว่า บททดสอบในเรื่องความอดทน เพราะว่าความอดทนนี้บางครั้งมันก็มีเรื่องราวที่จะต้องทดสอบพวกเราเหมือนกันว่า ถ้ามีเรื่องแบบนี้เราจะสติแตกไหม

ทีนี้มามองดูสถานการณ์นิดหนึ่ง ผมยังไม่อยากให้ใครตกอกตกใจนะครับ ในปี 2548 ต่อ 2549 ถ้าพวกเราจำได้นะครับ ยุคนั้นพรรคไทยรักไทยมีเสียง 377 เสียง มีอำนาจรัฐอยู่ในมือ มีทั้งทหาร มีทั้งตำรวจ มีทั้งข้าราชการนะครับ ในขณะนั้นถามว่าเราลำบากไหม ก็ต้องตอบว่าลำบากมาก แต่เราก็ต้องตอบต่อว่าในที่สุดเราก็ผ่านมาได้ เราก็ผ่านมาได้ตลอดเวลา วันนี้สถานภาพ อย่าไปมองว่าพรรคพลังประชาชนถือไพ่เหนือกว่า จริงๆ เขาก็มีเสียงอยู่แค่ 230 เสียง เงินที่เขาซื้อ เอาเงินที่เขาไปจ่ายให้กับคุณบรรหาร หรือจ่ายให้กับพรรคเพื่อแผ่นดิน หรือพรรคอะไรก็ตามมาร่วม มันก็เป็นเงินซึ่งมันใช้วัตถุในเรื่องของลาภเข้ามาเกี่ยวข้อง มันไม่ได้มีอุดมการณ์อะไรมาเกี่ยวข้องเลย

เพราะฉะนั้นคนพวกนี้มองให้ลึกๆ แล้วเขาก็อาจจะไม่จริงใจกับพรรคพลังประชาชนในที่สุด นะครับ เพราะฉะนั้นแล้วเมื่อเรามองอีกมิติหนึ่ง วันนี้เรามีคนที่ร่วมอุดมการณ์กับเรา จะว่าน้อยก็ไม่น้อย มากก็ไม่มาก แต่ก็ยังเยอะกว่าสมัยที่เราสู้โดดเดี่ยว ลำพัง ตำรวจ ทหาร ก็มีไม่น้อยเลยที่ยืนอยู่ข้างเรา ข้าราชการหลายคนก็ยืนอยู่ข้างเรา แล้วผมก็ไม่คิดว่าคุณทักษิณ จะทำอะไรได้ง่ายเหมือนสมัยก่อน และอีกอย่างหนึ่งพรรคพลังประชาชนก็ต้องพิสูจน์ตัวเองให้เห็นเหมือนกันว่า การที่ตัวเองเข้ามามีอำนาจไม่ได้เข้ามาเพื่อจะมาช่วยคุณทักษิณ ซึ่งในข้อเท็จจริงก็คือว่าเขาเข้ามาช่วย แต่ว่าเขาก็ต้องหาทางกลบเกลื่อนตรงนี้ไป

ทีนี้ในกระบวนการที่เขาเข้ามาช่วย คุณแอน คุณแอ้ม และคุณปานเทพ อย่าลืมว่าเขายังมีข้อผิดพลาดเยอะ เพราะว่าการช่วยนั้นบางครั้งมันช่วยแบบเงียบๆ แนบเนียน มันไม่มีอะไรแนบเนียนหรอกในสังคมที่โปร่งใสทุกวันนี้ เพราะฉะนั้นแล้วเขาก็ต้องเจอกรณีของคุณทักษิณที่ใจร้อน อยากให้รีบทำ อยากให้รีบออกกฎหมาย อยากให้ย้ายคนโน้นคนนี้ นึกออกไหมครับ หรือว่าสิ่งแรกถ้าเขาจะย้ายท่านอธิบดีสุนัย อธิบดีดีเอสไอ ออกทันที คนก็เห็นทันทีเลยว่า อ้าว นี่ไง ในที่สุดก็เข้ามาเพื่อช่วยคุณทักษิณ เพราะฉะนั้นแล้วผมคิดว่ามันไม่ง่าย เหมือนอย่างที่พวกเขาคิดกัน

และอีกประการหนึ่งก็คือว่า เมื่อพรรคมันไม่มีอุดมการณ์ คือพรรคที่ร่วมรัฐบาลทุกวันนี้ไม่มีพรรคไหนมีอุดมการณ์เลยแม้แต่นิดเดียว มีอยู่อย่างเดียวคือผลประโยชน์ร่วมกัน และผมก็ไม่อยากให้ไปโกรธคุณบรรหารมากมายนัก เพราะว่านี่คือการเล่นการเมืองครั้งสุดท้ายของ คุณบรรหาร ของคุณสนั่น ขจรประศาสน์ และอีกหลายๆ คนที่นั่งลอยหน้า ลอยตาอยู่ตรงนั้นนะครับ จริงๆ ผมก็เคารพในคุณกัญจนามากนะ แต่ผมก็จำเป็นต้องขออนุญาต ไม่เห็นด้วยกับคุณกัญจนาหน่อยนึง

ที่คุณกัญจนาพูดออกมาว่า ถ้ามารวมกับพรรคประชาธิปัตย์ ถ้าไม่ไปรวมกับพรรคพลังประชาชน เสียงก็ปริ่มๆ แล้วประเทศชาติจะไปอยู่ที่ไหน คือผมก็อยากจะเรียนถามคุณกัญจนาว่า ในการเล่นการเมืองนั้นเนี้ย คนในพรรคชาติไทยเคยคิดมั้งไหมว่า ใช้ศักดิ์ศรีเล่นแล้วก็ยอมเป็นฝ่ายค้านบ้าง ปรากฎว่าคุณกัญจนาไม่ได้ตอบคำถามนี้นะครับ ในชีวิตของคุณพ่อคุณกัญจนาเนี้ย มีอยู่ช่วงเดียวที่เผอิญหลุดออกไปเป็นนักการเมืองฝ่ายค้าน แล้วก็มีคำพูดที่เป็นอมตะหลุดออกมาบอก "เป็นพรรคฝ่ายค้านแล้วไส้แห้ง

ปานเทพ - อดอยากปากแห้ง

สนธิ - อดอยากปากแห้ง มันก็เลยทำให้ทุกคนมันเห็นชัด ว่าพรรคชาติไทยเป็นพรรคที่ไม่มีอุดมการณ์มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว เป็นเพียงแต่ว่ายุคนี้จะเป็นยุคสุดท้ายของคุณบรรหาร อาจจะเป็นยุคสุดท้ายของคุณสมัคร และเป็นยุคสุดท้ายของ พล.อ.สุรยุทธ์ ซึ่งวันนี้ตัวตนที่แท้จริงของ พล.อ.สุรยุทธ์ ทุกคนก็รู้นะครับ ทุกอย่างมันเป็นอนิจจัง มันเป็นเรื่องสมมติไปหมดเลย ลองดูซิครับ ผมเชื่อว่าผ่านอีก 2-3 เดือนนี้ คงจะมีอะไรดีๆ เกิดขึ้น แล้วเมื่อเกิดขึ้นแล้ว แล้วถ้าเกิดมีคุณบรรหารเจ๊งไป คุณสมัครเจ๊งไป คุณสุรยุทธ์เจ๊งไป สมมตินะครับ มันก็จะทำให้เรามองเห็นว่า

ไอ้ที่ยิ่งใหญ่กันในวันนี้เนี้ย มันเป็นเรื่องสมมติทั้งนั้น มันไม่มีความหมายอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว สำคัญพวกเราเนี้ยต้องใจสงบ อย่าไปตื่นตระหนกนะครับ ผมอยากให้ท่านผู้ชม ASTV แฟนของพวกเรา ตลอดจนทุกๆ ท่านเนี้ย ผมกลับมองว่าเป็นเรื่องดีซะอีก ดีเพราะว่ามันเป็นการผสมพันธุ์ของสัตว์หลายประเภท แล้วมันก็จะแสดงออกมาให้เห็นเนื้อแท้ ตัวตนที่แท้จริง อย่างวันนี้เนี้ยพวก ส.ส. พรรคพลังประชาชนก็บินไปฮ่องกง ไปหาคุณทักษิณ คือวันนี้ไม่ต้องถามกันแล้ว ทุกคนก็รู้ว่าคุณทักษิณเนี้ย อยู่เบื้องหลังทุกๆ อย่าง ที่เกิดขึ้นในประเทศไทยนะครับ ซึ่งคุณทักษิณจะอ้างด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม มันฟังไม่ขึ้นไปแล้วนะครับ คนๆ หนึ่งที่ทำให้ชาติ บ้านเมืองวุ่นวายไม่รู้จักจบจักสิ้น

ผมถามคำหนึ่งว่า คุณไม่เคยคิดบ้างหรือว่า เขาจะต้องเจอกรรมในเร็วๆ นี้ แล้วผมก็เชื่อในกฎแห่งกรรม เพราะฉะนั้นถ้าเราเชื่อในกฎแห่งกรรมนะครับ เราต้องนิ่ง สงบ มีสติ ที่สำคัญที่สุดคือ เราต้องยึดมั่นในคุณงาม ความดีที่เราทำอยู่ และเราต้องยึดมั่นในศรัทธาที่เรามีความเชื่อมั่น เราเชื่อมั่นในชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ แน่นอนที่สุด เราไม่สามารถจะไปสั่ง กกต.ได้ตามใจเรา เพราะ กกต.คือตัวปัญหาของประชาธิปไตยทุกวันนี้ สมัยที่คุณวาสนาอยู่ ผมก็ไม่เคยคิดว่าจะมี กกต.เกิดขึ้นมาอีก แล้วก็มีลักษณะคล้ายๆ คุณวาสนาอีก

มันก็เป็นบทพิสูจน์ว่าการเมืองเมืองไทยที่มันไปไม่รอด เพราะว่าเราไม่เคยมีคนที่ซื่อสัตย์สุจริต โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่เป็นกติกา คุมกติกาอย่าง กกต. ที่กล้าตัดสินใจ โดยไม่เกรงหน้าอินทร์หน้าพรหม เพราะฉะนั้นเมื่อเลือกตั้งเสร็จแล้ว กกต.ไม่ได้ทำหน้าที่ที่ตัวเองได้รับมอบหมายให้ทำ นั่นคือการทรยศต่อหน้าที่ตัวเอง เมื่อตัวเองทรยศต่อหน้าที่ตัวเองแล้ว เราจะไปพึ่ง กกต.ได้อย่างไร เราก็ต้องมาพึ่งพวกเรากันเอง

ผมไม่อยากจะพูดอะไรมากกว่านี้ แต่ผมคิดว่า อย่าไปตำหนิคุณบรรหาร ตำหนิ กกต.บางคนว่าเขาเป็นตัวทำลายชาติเช่นกัน บางคนเห็นแก่ลาภยศ เห็นแก่เงิน เห็นแก่ทองเขาให้มา ก็ทำเอา พูดง่ายๆ ก็คือหลับตาข้างหนึ่ง ความถูกผิดไม่ต้องพูดแล้ว เพราะฉะนั้นแล้ว คนพวกนี้เขาต้องรับเวรกรรมเหมือนกัน อย่างน้อยที่สุด พวกเราก็รู้ว่าคนไหนบ้างล่ะที่รับเงินรับทองมา ถูกไหมครับ อย่างน้อยที่สุดในบรรดาหมู่พวกเราก็ต้องรู้ว่าคนๆ นี้ นามสกุลอย่างนี้ แล้วคุณคิดดูสิว่าชีวิตเขามีความสุขเหรอ คือคนพวกนี้เป็นคนโง่ มองเห็นวัตถุ มองเห็นเงิน ตาโต แต่เขาไม่รู้หรอกว่าทุกอย่างมันเรื่องสมมุติทั้งนั้น อีกไม่กี่ปีก็ตายกันไปแล้ว ผมก็เลยอยากจะฝากให้ทุกๆ คน คุณแอน คุณแอ้ม คุณปานเทพ พ่อแม่พี่น้องที่ดูรายการนี้อยู่ บอกว่าให้ใจสงบ ตั้งสติให้ดีๆ คิดถึงเหตุผลที่ผมให้ แล้วจะสบายใจนะครับ ขอบคุณครับ

ปานเทพ - สโรชา - จินดารัตน์ - ขอบคุณมากครับ / ขอบคุณค่ะ

ปานเทพ - ดีใจครับคุณสนธิได้เข้ารายการ วันศุกร์ด้วย คุณผู้ชมโทรถามทุกศุกร์เลยนะครับ

สโรชา - โทรถามตลอด คิดถึงนะคะ ก็มั่นใจในสิ่งที่เราทำ มั่นใจ เชื่อมั่นในเหตุผลที่เรามี แล้วนิ่งเข้าไว้ รอ

จินดารัตน์ - รอดูนะคะ ต้องหนักแน่นว่า หนักแน่นและอดทนนิดหนึ่ง เหมือนที่ คตส.เขาอดทน ดิฉันว่า คตส.ค่อนข้างอดทนมากนะคะ

ปานเทพ - น่าเห็นใจมากนะครับ

จินดารัตน์ - น่าเห็นใจเพราะว่าหลังจากที่ล่าสุดเรื่องหวยบนดิน อัยการมีท่าทีจะไม่สั่งฟ้อง ปรากฏว่านักข่าวไปถามคุณอุดม เฟื่องฟุ้ง คตส. แล้วก็ถามว่าที่อัยการมีท่าทีออกมาแบบนี้คิดว่าอย่างไร คุณอุดมบอกว่า ตอนนี้ยังไม่เห็นรายละเอียด แต่ตอนนี้ให้เลขาฯ คตส.ไปเอารายละเอียดมาให้ดูเหตุผลของอัยการก่อน แต่ว่าถ้าถามว่ารู้สึกเสียใจไหม คุณอุดมบอกว่าไม่รู้สึกเสียใจ เพราะว่าเรื่องนี้เป็นดุลพินิจของท่าน แต่สุดท้ายสื่อก็จะตรวจสอบแต่ละฝ่ายเองว่า ใครมีที่มาที่ไปอย่างไร และใครทำอะไร เพราะทุกคนต้องถูกตรวจสอบอยู่แล้ว และสังคมก็จะรู้เองว่า ใครทำอะไร

และนักข่าวก็ถามอีกว่า แล้วอัยการไม่สั่งฟ้อง คตส.สั่งฟ้องเองได้ไหม บอกว่า เรื่องนี้ วันที่ 21 ขอดูรายละเอียดก่อน ขอดูเหตุผลของอัยการก่อน วันที่ 21 ประชุมกันแล้วก็คงจะมีมติเรื่องนี้ แต่เขาบอกว่า มีแหล่งข่าว หรือ คตส.เปิดเผยอย่างนี้ บอกว่า ที่อัยการมีมติเรื่องนี้ออกมาเป็นอย่างนี้ อาจจะเป็นไปได้ว่า มีท่านหนึ่งเป็นผู้ถูกล่าวหาในคดีซีทีเอ็กซ์ ที่ คตส.ตรวจสอบอยู่ เพราะเป็นกลุ่มที่เดินทางไปดูงานเกี่ยวกับเครื่องนี้ ที่สหรัฐอเมริกา กับนายวรพจน์ ยศะทัตต์ เสี่ยเช เนี่ยแหละคะ และก็อาจจะเป็นเหตุผลที่ท่านตัดสินใจทำเช่นนี้ อันนี้เป็นแหล่งข่าวบอกนะคะ มิน่า คุณอุดมถึงบอกว่า สื่อจะเป็นคนตรวจสอบเองว่าใครมีที่มาที่ไปอย่างไร

ปานเทพ - คือเรารู้หรอกว่าการที่มีว่าที่รัฐบาลเกิดขึ้น คนเห็นชัด ทุกคนก็เกรงกลัว โอนอ่อนผ่อนตา มไม่มีตั้งอยู่ในสิ่งที่ตัวเองจะต้องยืน เป็นกันหมดทุกภาคส่วน แม้กระทั่งในส่วนที่เราหวังว่า จะเป็นทนายแผ่นดิน สำนักงานอัยการสูงสุด จะโอนเอนไหม เพราะเป็นหน่วยราชการไง สุดท้ายก็อยู่ภายใต้รัฐบาลอยู่ดี ถูกไหม อะไรก็เกิดขึ้นได้ แต่อย่างที่ผมบอก ผมเชื่อในกรรม ยกตัวอย่างนะ ศาลปกครองบอกว่าไม่รับเรื่องบางเรื่อง บอกว่าให้ศาลฎีกา ศาลฎีกาก็บอกว่าไม่รับ ส่งให้ กกต. สมมติ กกต.บอกว่าไม่พิจารณาอีก ไม่มีใครพิจารณา เราก็ยังมีที่พึ่งสุดท้าย ศาลพระภูมิ ได้เหมือนกันนะครับ ปักธูป สร้างความเชื่อมั่น

สโรชา - เดี๋ยวเรานัดกันเลย แต่ว่านี่คิดสิ่งที่เราพูดมาตลอด 1 ปี ไงคะ ว่าความเข้มแข็งรัฐบาล ของ คมช. ควรจะเกิดขึ้นใน 1 ปี ที่ผ่านมา ให้ความมั่นใจ แก่บรรดาข้าราชการที่มีข้อมูลอยู่ในมือที่มีอาวุธ ที่สามารถจัดการกับสิ่งเหล่านี้ได้ แต่ไม่ให้ความมั่นใจ แล้วใครเขาจะไปกล้า มาถึงเวลานี้ก็ยิ่งไม่มีใครกล้าเข้าไปใหญ่ เพราะฉะนั้นก็รอ นิ่ง และรอ

จินดารัตน์ - เดี๋ยวมาดูความเคลื่อนไหวนิดนึง ข่าวนี้จริงๆ เป็นข่าวมาหลายวันแล้ว แต่ว่าไม่ได้เล่าให้ฟังนะคะ หลายท่านอาจจะติดตามข่าวนี้ เรื่องที่นักเตะ 3 คน ของไทย ที่ไปสังกัดทีมแมนเชสเตอร์ซิตี้ ไป 2 เดือนแล้ว ปรากฏว่า ยังไม่ได้ค่าตอบแทนเลย แม้แต่บาทเดียว นักข่าวของหนังสือพิมพ์ เดอะ เนชั่น ไปสัมภาษณ์คุณทักษิณที่อังกฤษเลยนะ ถามว่าคุณทักษิณจริงหรือเปล่า ไม่ได้จ่ายค่าตัวน้องๆ เนี้ย 2 เดือนแล้ว เขาจะอยู่กันอย่างไร อ้าวหรอ ผมไม่รู้เรื่องเลย อ้าว แต่ขอแปะไว้ก่อนได้ไหม

ปานเทพ - ขอแปะไว้ก่อน

สโรชา - แปลว่าอะไรไม่เข้าใจ

จินดารัตน์ - คุณแอ้มไม่เข้าใจ ขอแปะไว้ก่อนได้ไหม

สโรชา - เข้าใจว่าแปะเอาไว้ แปลว่า ติด แต่ไม่เข้าใจตรงที่ว่าไหนว่าเป็นเศรษฐีหมื่นล้านไม่ใช่หรือ

จินดารัตน์ - เขาบอกว่าเศรษฐีขี้เหนียวคุณเคยเห็นหรือเปล่า เศรษฐีขี้เหนียวของจริงเลยนะ เพราะว่าดูความเห็นของอดีตนักเตะทีมชาติ คุณสะสม ภพประเสริฐ ดิฉันเคยทำงานร่วมกับ คุณสะสม ภพประเสริฐ คุณสะสมเป็นผู้สื่อข่าวกีฬาตอนอยู่ช่อง 3

ปานเทพ - เคยเป็นนักฟุตบอลด้วยใช่ไหมครับ

จินดารัตน์ - ใช่คะ, อดีตนักฟุตบอลทีมชาติ แต่ทนไม่ได้ออกมาพูดเรื่องนี้บอกว่า ถ้าเป็นนักเตะต่างประเทศนะคะ คือถ้าเป็นฝรั่งไปเซ็นสัญญาเขาโวยแล้วนะ เขาฟ้องร้อง แต่โดยธรรมชาติเด็กไทยเนี้ย เด็กไทยก็จะเงียบ รักษามารยาท ไม่พูดไม่ปริปาก คุณสะสมพูดว่าอย่างไรรู้ไหมคะ

ปานเทพ - พูดว่าอย่างไร

จินดารัตน์ - ผมเข้าใจว่าน้องเหล่านี้ คงจะไม่ได้ดูสัญญาอย่างละเอียด ยิ่งมีการเซ็นสัญญากับสโมสรฟุตบอลต่างชาติด้วย ยิ่งไปกันใหญ่ คือต้องมีคนมาอธิบายชี้แนะนะคะว่า ในเงื่อนไขสัญญาเขามีเงื่อนไขอะไรกำกับไว้บ้าง ใครละเป็นคนให้เด็กๆ พวกนี้เซ็นสัญญาโดยไม่บอกรายละเอียดคะว่าจะให้ค่าจ้างเท่าไหร่ อย่างไร และเมื่อไหร่ เรื่องนี้ผู้ใหญ่ต้องดูแลเด็กๆ เหล่านี้ ดิฉันถามหน่อยคะว่า เจ้าของสโมสรคือใครคะ

สโรชา - ใช่, หรือแม้กระทั่งผู้ที่ติดบ่อเจ้าของสโมสร เพื่อส่งเด็กเหล่านี้ไปเนี้ย สมาคมฟุตบอลช่วยดูทีเถอะ หรือว่านายกสมาคมฟุตบอลช่วยดูทีเถอะ คือเห็นเวลาคุณตั้งโต๊ะแถลงข่าวกันอย่างยิ่งใหญ่

ปานเทพ - เวลาสร้างภาพ ได้หน้า ได้ตากันหมดเลยนะครับ

สโรชา - ผู้จัดการทีมเนี้ยมา คุณเอาคนนั้น คนนี้มา อุ้ย! ไปต้อนรับกันเต็มสุวรรณภูมิไปหมด เดินทางมานักข่าวต่างประเทศ นักข่าวในไทยฮือฮากันมาก ว่านักเตะไทยกำลังจะโกอินเตอร์ ประกาศว่าคุณสุรีย์จะได้ค่าตัว 3 ล้านบาท คุณเกียรติประวุฒิจะได้ค่าตัวอีก 2 ล้านบาท ปัจจุบันนี้คนพวกนี้ยังไม่เห็นเงินเลยแม้แต่บาทเดียว แล้วถามว่าผู้ใหญ่ที่ติดต่อมา คนที่มาตั้งโต๊ะแถลงเนี้ยดูหน่อยหรือเปล่า

จินดารัตน์ - รู้ไหมเขาซื้อทีมนี้เท่าไหร่ คุณแอ้มจำตัวเลขได้ไหม

สโรชา - ไม่ได้ รู้แต่ว่าเยอะ

จินดารัตน์ - 5,600 ล้านบาท

ปานเทพ - เงินตั้ง 5,600 ล้านบาท เพื่อไปซื้อทีมนะ

จินดารัตน์ - แล้วเศรษฐีขี้เหนียวตอนนี้นะ วันนี้แถมให้ข่าวกับรอยเตอร์ด้วยบอกว่า เนี้ยผมดูทีมชาติไทยแล้ว ผมว่าควรจะโค้ชที่เก่งๆ ในสังกัดแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ของเศรษฐีขี้เหนียวคนนี้ เอามาช่วยโค้ชหรั่งหน่อยดีไหม เอามาเผื่อว่าจะมาช่วยเรื่องการฝึกซ้อมนักเตะ อนาคตจะได้ดูสดใส แล้วก็บอกว่ายังไงรู้ไหมคะ บอกว่าแต่โค้ชที่หามาเนี้ย ต้องมีค่าจ้างไม่แพงมากจนเกินไป เพราะผมเป็นคนออกค่าใช้จ่ายเอง

ปานเทพ - อ๋อ ถ้าผมไม่ได้เป็นคนออกค่าใช้จ่ายเอง คงได้แพงกว่านี้หรือครับ พูดเหมือนตรรกะเลยนะ คล้ายๆ อย่างนั้น

จินดารัตน์ - ขี้เหนียวๆ

สโรชา - แต่ว่าก่อนหน้าที่จะมีข่าวว่าไม่จ่ายค่าตัวกันเนี้ย จริงๆ แล้วคุณสุรีย์ก็มีการให้สัมภาษณ์ก่อนแล้วนะ ว่าไปให้เขานั่งอยู่เฉยๆ เป็นระยะเวลาเป็นเดือนๆ เนี้ยนะคะ แล้วก็ดูทีท่าว่ายังไม่มีวี่แววว่าจะได้ Work Permit เมื่อได้รับ Work Permit จึงจะสามารถลงเตะกับเขาได้ เพราะฉะนั้นไม่มีวี่แวว Work Permit แสดงว่ายังไม่มีวี่แววว่าจะได้ลงเตะ แล้วเอาเขาไปนั่ง เวลาเขาเป็นเงินเป็นทองนะ นักกีฬานี่ต้องเข้าใจว่าระยะเวลาที่เขาจะสามารถมีผลงานได้มันสั้นมาก มันไม่เหมือนเราๆ นั่งพูดกันอยู่ถึง 40-50 ก็ย่อมได้ ถูกไหมคะพี่แอน แต่ว่าของเขา 30 ก็ถือว่าอายุมากแล้ว เพราะฉะนั้น เขาบอกว่าไม่ได้แล้ว ดูทีท่าถ้าเกิดไม่

จินดารัตน์ - ไม่มีอะไรเคลื่อนไหวคืบหน้า

สโรชา - เขาขอย้ายกลับ หรือว่าขอย้ายไปสโมสรอื่นก็ได้ เพียงแต่ว่าอย่าให้เขามานั่งเฉยๆ เลย เดี๋ยวฟอร์มเขาตก

จินดารัตน์ - ดิฉันว่าเอ็นยึดหมดแล้ว เด็กพวกนี้ ไอ้หนูกลับบ้านเถอะ ต้องบอกว่าไอ้หนูกลับบ้านเถอะ

สโรชา - กลับมาๆ

จินดารัตน์ - กลับบ้านเร้ว เพราะว่าตอนนี้เขาไม่ต้องการพวกคุณเพื่อที่จะแย่งชิงพื้นที่ข่าวแล้วนะคะ

สโรชา - บทบาทของคุณจบไปแล้ว

ปานเทพ - คนมีเงินเยอะขนาดนี้ ขี้เหนียวกับเรื่องแค่นี้

จินดารัตน์ - ถ้าไม่ขี้เหนียวเขาจะรวยเหรอคะ

ปานเทพ - มันจะมีความสุขเหรอ คือถ้ามีเงินเยอะขนาดนี้ กับเรื่องแค่นี้ จริงๆ มันไม่ใช่เรื่องใหญ่เลยนะครับ

จินดารัตน์ - แล้วคุณปานเทพคิดว่าที่ไปอาจสามารถ ควักสตางค์ให้คนขับรถอีแต๋น

ปานเทพ - นั่นคัดแล้วนะ ออกทีวีนะ หน้าๆ นะ

จินดารัตน์ - คือกว่าจะควักได้คิดแล้วคิดอีกนะ เป็นเล่นไป

ปานเทพ - คิดนานเลย

สโรชา - เขาว่าคนรวยนี่ คือรวยเพราะขี้เหนียวก็เยอะนะ แต่ที่แน่ๆ คือ แหม มีเงินซื้อสโมสรเป็นพันๆ ล้าน ก็เห็นใจเด็กเขาหน่อยน่า สัก 5 ล้าน ก็ช่วยควักหน่อย รักษาหน้า ไม่อย่างนั้นป่านนี้ต่างชาติเขานินทาแย่แล้วนะ เอานักเตะไปแล้วก็ไม่ยอมจ่ายค่าตัว

จินดารัตน์ - ช่างแตกต่างจากอีกสโมสรหนึ่ง

ปานเทพ - สโมสรไหนครับ

จินดารัตน์ - ซึ่งเจ้าของเป็นฝรั่ง

สโรชา - เอฟเวอร์ตัน ใครเป็นเจ้าของแอ้มไม่แน่ใจ แต่ที่แน่ๆ คือ

จินดารัตน์ - เบียร์ช้างเป็นเจ้าของหรือเปล่าคะ

สโรชา - เบียร์ช้างไม่ได้เป็นเจ้าของนะ

ปานเทพ - แต่เป็นสปอนเซอร์ เป็นยังไงครับ

จินดารัตน์ - แหม มันน่า คุณแอ้มเล่าดีกว่า

สโรชา - คือเบียร์ช้างเขาไปเป็นสปอนเซอร์ ผู้สนับสนุนโลโก้ บนเสื้อเอเวอร์ตัน รู้สึกว่า เข้าใจว่าตั้งแต่เมื่อประมาณ 2-3 ปีที่แล้ว ตั้งแต่ปี 04 เขาก็ทำของเขาไปค่ะ ก็คือความจริงใจที่อยากจะโปรโมทสินค้า ไม่จำเป็นที่จะต้องหา มีหน้ามีตา หาพื้นที่สื่ออะไรมากมาย เขาก็ทำของเขาไป ทำอย่างเงียบๆ ล่าสุดเขาก็เซ็นสัญญาต่อ เข้าใจว่าอีก 3 ปี ก็คือเซ็นไป ถามว่ามีผลประโยชน์กับวงการฟุตบอลไทยไหม ก็มี เขาก็มาตั้งโรงเรียนสอน ก็คือเอเวอร์ตันเขาก็ส่งผู้ฝึกสอนของเขามา แล้วเราก็เอาเด็กไทยเรามาฝึก เด็กไทย น้องๆ ที่อยากจะฝึกมีทักษะในการเตะบอล ก็มาฝึก เขาก็ตั้งของเขาเงียบๆ เขาก็ทำของเขาได้ ไม่จำเป็นต้องมาฮือฮา เอาถึงขนาดผู้จัดการทีมบินมา

จินดารัตน์ - ล่าสุดมาจับมือกับผู้ว่าฯ อภิรักษ์นะคะ คือวันนี้ให้ข่าวเลยว่าจะมาตั้งเป็น เหมือนกับโรงเรียน เป็นฟุตบอลสโมสรเยาวชน ให้กับทีมของเด็ก ฝึกเด็กไทยในกรุงเทพฯ เฉพาะในกรุงเทพฯ เพื่อที่จะเข้าแข่งขันฟุตบอลลีกเยาวชนที่กรุงเทพฯ เดือนเมษายนนี้ ให้โค้ชฝรั่งมาเลยนะ

ปานเทพ - ต่างกันมากเลยนะครับ เศรษฐี 2 คน แต่หนทางในการดำเนินงานเรื่องสโมสรฟุตบอลคนละเรื่องนะครับ

สโรชา - ช่างแตกต่างอะไรเช่นนี้

จินดารัตน์ - ดิฉันว่ามันอยู่ที่จิตใต้สำนึกแล้วล่ะค่ะเรื่องนี้

ปานเทพ - ช่วยไมได้จริงๆ ครับ

สโรชา - เชื่อไหมคะว่าเราคุยกันได้ 1 ชั่วโมงครึ่ง โดยที่เราไม่ต้องนั่งคิดกันเลยว่าเราจะคุยเรื่องอะไร จริงๆ แล้วคุณผู้ชมคะ ตอนแรกเราทั้งสามคนค่อนข้างหวั่นใจในการจัดรายการชั่วโมงครึ่งว่าเราจะคุยกันเรื่องอะไรบ้าง

จินดารัตน์ - เราขาดกำลังหลักไป

สโรชา - คือพี่คำนูณ เพราะฉะนั้นเราก็จบได้เนาะ

จินดารัตน์ - จริงๆ มีอีกหลายเรื่องที่จะเล่าให้ฟังนะคะ

ปานเทพ - ยังค้างอยู่นะครับ เวลาหมดนะครับ

สโรชา - ไว้สัปดาห์หน้ากลับมาพบกันใหม่นะคะสำหรับยามเฝ้าแผ่นดิน สำหรับวันนี้สวัสดีค่ะ / สวัสดีครับ
รายการยามเฝ้าแผ่นดินดำเนินรายโดยปานเทพ พัวพงษ์พันธ์นักวิชาการอิสระสโรชา พรอุดมศักดิ์และจินดารัตน์ เจริญชัยชนะ
ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์นักวิชาการอิสระ
สโรชา พรอุดมศักดิ์ผู้ดำเนินรายการ


กำลังโหลดความคิดเห็น