โดย นรินทร์ จันทร์เนตร
บลจ.เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน)
การลงทุนในตราสารหนี้ไทยปี 2565 ให้อัตราผลตอบแทนติดลบสอดคล้องกับตลาดตราสารหนี้ทั่วโลก จากผลกระทบของอัตราเงินเฟ้อสูงและการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วและแรงของธนาคารกลางทั่วโลก สร้างความแปลกใจให้แก่นักลงทุนพอสมควร เพราะตราสารหนี้เป็นสินทรัพย์ปลอดภัย ไม่น่าที่จะให้ผลตอบแทนติดลบได้ แล้วในปี 2566 การลงทุนในตลาดตราสารหนี้ไทยจะซ้ำรอยปี 2565 หรือไม่
อัตราเงินเฟ้อในระดับสูง การดำเนินนโยบายการเงินตึงตัว นโยบายโควิดเป็นศูนย์ในจีน และปัญหาความขัดแย้งเชิงภูมิรัฐศาสตร์ (สงครามรัสเซีย-ยูเครน) เป็นปัจจัยลบทำให้ผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อของประเทศหลักลดลงสู่เกณฑ์หดตัว
เป็นที่คาดการณ์กันว่าวัฏจักรดอกเบี้ยขาขึ้นของโลกจะสิ้นสุดลงในช่วงกลางปี 2566 หลังจากที่เศรษฐกิจโลกมีความเสี่ยงที่จะเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย นำโดยสหรัฐฯ และยูโรโซน เนื่องจากธนาคารกลางทั่วโลกปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างรวดเร็ว เพื่อชะลอการเร่งตัวของเงินเฟ้อและวิกฤตพลังงานในยุโรป โดยดัชนีผลสำรวจผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคอุตสาหกรรมของโลก ซึ่งเป็นหนึ่งในเครื่องชี้ด้านความเชื่อมั่นที่นักลงทุนให้ความสนใจ ได้ปรับลดลงสู่เกณฑ์หดตัวต่ำกว่าระดับ 50 จุด ติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 จากยอดคำสั่งซื้อใหม่ที่อ่อนแอและการค้าระหว่างประเทศที่ลดลงและต้นทุนที่ยังคงอยู่ในระดับสูง สะท้อนแนวโน้มเศรษฐกิจในระยะข้างหน้ามีแนวโน้มที่จะชะลอลง ในขณะที่นักเศรษฐศาสตร์โดยส่วนใหญ่ที่สำรวจโดย Bloomberg คาดว่าประเทศเศรษฐกิจหลักมีความเป็นไปได้ที่จะเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยมีโอกาสสูงขึ้นในปี 2566
เศรษฐกิจหลักบางประเทศมีโอกาสที่จะเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย
ประเทศไทยมีเศรษฐกิจขนาดเล็กและพึ่งภาคต่างประเทศเป็นหลักทั้งการส่งออกสินค้าและการท่องเที่ยว ย่อมได้รับผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมหากเศรษฐกิจโลกชะลอตัวลงหรือเข้าสู่ภาวะถดถอย เศรษฐกิจไทยที่กำลังฟื้นตัวและต้องการแรงส่งต่อให้เศรษฐกิจขยายตัวได้ต่อเนื่อง อาจจะเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้ผู้ดำเนินนโยบายการเงินชั่งน้ำหนักระหว่างประโยชน์และผลกระทบต่อเศรษฐกิจ แรงกดดันด้านเงินเฟ้อและเสถียรภาพของระบบการเงิน แม้ว่าหน่วยงานภาครัฐจะคาดว่าเศรษฐกิจในปี 2566 จะขยายตัวในช่วง 3.0 - 4.0% (yoy) จากแรงขับเคลื่อนของการบริโภคและนักท่องเที่ยวต่างชาติ ส่วนอัตราเงินเฟ้อคาดว่าชะลอลงมาในช่วง 2.5 - 3.5% (yoy) ตามทิศทางราคาพลังงาน และสามารถกลับสู่กรอบเป้าหมายของธนาคารแห่งประเทศไทยได้ในช่วงปลายปี 2566 หากหน่วยงานภาครัฐต้องการให้เศรษฐกิจยังเติบโตได้ต่อเนื่อง การดำเนินนโยบายทางเศรษฐกิจและการเงินในปี 2566 โดยเฉพาะนโยบายการเงินจึงต้องระมัดระวัง และมีความเป็นไปได้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทยจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป ทั้งนี้ นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่ที่สำรวจโดย Bloomberg ณ วันที่ 13 ธันวาคม 2565 คาดการณ์ว่าดอกเบี้ยนโยบายไทยจะขึ้นไปสู่ระดับ 2.00% ต่อปี ในช่วงครึ่งแรกของปี 2566 สอดคล้องการเคลื่อนไหวของอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรอายุประมาณ 2 ปี มีความสอดคล้องกับแนวโน้มดอกเบี้ยนโยบายในอนาคต โดยข้อมูลในอดีต ส่วนใหญ่อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรจะขึ้นไปสูงสุดก่อนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายครั้งสุดท้ายในแต่ละรอบ กับทางธนาคารกลางสหรัฐฯ อาจจะขึ้นดอกเบี้ยถึงจุดสูงสุดในช่วงไตรมาสแรกของปี 2566
นักลงทุนที่กำลังคิดว่าตราสารหนี้ไทยยังจะปลอดภัยไหมและยังลงทุนได้ไหม หากพิจารณาจากปัจจัยลบต่างๆ ทั้งจากการเร่งขึ้นของเงินเฟ้อและดอกเบี้ยนโยบายที่กดดันให้ผลตอบแทนตราสารหนี้ไทยผันผวนและติดลบในช่วงปี 2565 เริ่มส่งสัญญาณที่ดีขึ้น จากแนวโน้มเงินเฟ้อที่ชะลอลงและการคาดการณ์ว่าการปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางทั่วโลกจะสามารถสิ้นสุดลงภายในครึ่งแรกของปี 2566 นอกจากนี้ อัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ไทยได้ทรงตัวอยู่ในระดับสูง สะท้อนว่าตลาดได้รับรู้ปัจจัยลบจากการขึ้นดอกเบี้ยในปีหน้าเป็นที่เรียบร้อย จากรูปข้างต้นจะเห็นว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับลดลงก่อนที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายจะทำจุดสูงสุด เนื่องจากตลาดจะรับรู้ปัจจัยด้านการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยไปแล้วล่วงหน้า ดังนั้น หากเศรษฐกิจโลกมีโอกาสที่จะเข้าสู่ภาวะถดถอยและเศรษฐกิจไทยไม่สามารถหลีกเลี่ยงผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกได้ การกระจายการลงทุนในตราสารหนี้ทั้งพันธบัตรรัฐบาลและหุ้นกู้ภาคเอกชนไทยเมื่อตลาดรับรู้การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยไปมากพอแล้วจะมีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่ดีเพราะราคาตราสารหนี้ที่ปรับลดลงมาแรงทำให้มีความน่าสนใจและการลงทุนในตราสารหนี้ยังช่วยลดความผันผวนของเงินลงทุนเมื่อสินทรัพย์เสี่ยงมีความผันผวนสูง อีกทั้งยังสามารถให้ผลตอบแทนส่วนเพิ่มได้และมีความเสี่ยงที่ต่ำกว่าการลงทุนสินทรัพย์เสี่ยงต่างๆ โดยนักลงทุนสามารถเลือกลงทุนได้ทั้งทางตรงและผ่านกองทุนรวมที่บริหารโดยมืออาชีพ โดยขอคำแนะนำจากที่ปรึกษาการลงทุนก่อนลงทุนทุกครั้ง เพื่อให้การลงทุนสร้างความมั่งคั่งภายใต้ความเสี่ยงที่ยอมรับได้