นายพีรพงศ์ จิระเสวีจินดา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม บัวหลวง จำกัด หรือกองทุนบัวหลวง เปิดเผยว่า สหรัฐอเมริกาเป็นประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ ด้วยความเป็นที่สุดของโลกในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นขนาดเศรษฐกิจ ขนาดมูลค่าของตลาดหุ้น เป็นศูนย์กลางพัฒนาเทคโนโลยีสุดล้ำและนวัตกรรม (Silicon Valley) เป็นที่ตั้งของบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำ เช่น Apple, Microsoft, Google และเจ้าของแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซชื่อดังอย่าง Amazon ตลอดจนการรับมือและฟื้นจากโควิด-19 เร็วเป็นอันดับหนึ่ง ด้วยการเร่งฉีดวัคซีนสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ (Herd Immunity) ให้ประชาชนเกินกว่า 70%
จากการวิเคราะห์ถึงปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบของรัฐบาล ตลอดจนผลการดำเนินงานของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่เดินหน้าไต่ระดับสู่จุดสูงสุดใหม่ (All Time High) อยู่หลายครั้ง แม้ในช่วงวิกฤตโควิด-19 สะท้อนให้เห็นถึงสัญญาณที่ดีและโอกาสการลงทุนในธุรกิจที่เป็นผู้นำและได้ประโยชน์ช่วงการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจครั้งใหญ่ ทำให้หุ้นสหรัฐฯ มีความโดดเด่นและน่าสนใจ
กองทุนบัวหลวงมองว่าการมีหุ้นสหรัฐฯ ในบริษัทที่เกิดขึ้นใหม่จากการมีนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง บริษัทจดทะเบียนที่มีคุณภาพและอัตราการเติบโตสูง บริษัทที่ได้รับอานิสงส์จากสถานการณ์โควิด-19 ไว้ในพอร์ตลงทุนจะช่วยเพิ่มโอกาสการลงทุนและสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาวให้แก่ผู้ลงทุน จึงจัดตั้ง กองทุนเปิดบัวหลวงยูเอสอัลฟ่า (B-USALPHA) เสนอขายหน่วยลงทุนครั้งแรก (IPO) ระหว่างวันที่ 17-24 สิงหาคม 2564 มูลค่าการซื้อขั้นต่ำ 500 บาท โดยช่วง IPO จะมีการลดค่าธรรมเนียมขายเหลืออัตราร้อยละ 0.75 ของมูลค่าหน่วยลงทุน
ทั้งกองทุนมีนโยบายการลงทุนจะผ่านกองทุนหลัก JPMorgan Funds - US Growth Fund เฉลี่ยไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ (NAV) ส่วนที่เหลือผู้จัดการกองทุนจะเฟ้นหาหุ้นสหรัฐฯ ที่น่าสนใจเป็นรายตัว เน้นหุ้นที่สร้างผลตอบแทนเพื่อจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ลงทุนตามนโยบายการลงทุนไม่เกิน 4 ครั้งต่อปี
สำหรับกองทุนหลัก JPMorgan Funds - US Growth Fund เป็นกองทุนแบบ Active เน้นลงทุนในหุ้นของบริษัทที่มีศักยภาพในการขยายธุรกิจสูง (Growth Stocks) มีการบริหารงานที่ดีเยี่ยม และมีจุดเด่นในการแข่งขัน โดยสามารถลงทุนได้หลากหลายกลุ่มอุตสาหกรรม ตามที่ผู้จัดการกองทุนพิจารณาว่าเหมาะสม มีการปรับเปลี่ยนพอร์ตลงทุนให้ได้รับประโยชน์จากปัจจัยต่างๆ ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและมีผลต่อการลงทุน ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี พฤติกรรมผู้บริโภค ภาวะตลาด รวมถึงนโยบายของรัฐบาลที่มีอิทธิพลต่อการลงทุนมากขึ้น เช่น นโยบายการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ 1.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐที่เพิ่งออกมา