นางสาวรัชดา ตั้งหะรัฐ กรรมการผู้จัดการ สายพัฒนาธุรกิจ บลจ.ยูโอบี (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า การเปลี่ยนแปลงจากรถยนต์ใช้น้ำมันสู่การใช้รถยนต์ไฟฟ้าเป็นความก้าวหน้าและพัฒนาการของเทคโนโลยีในหลายด้าน ซึ่งทำให้รถยนต์ไฟฟ้ามีจุดเด่นหลายอย่างที่เหนือกว่ารถยนต์ในปัจจุบันอย่างมาก รวมถึงการตระหนักถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมที่นับวันยิ่งมีปัญหารุนแรงมากขึ้น เกี่ยวกับมลพิษและการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ประกอบกับนโยบายของรัฐบาลต่างๆ ทั่วโลกที่ส่งเสริมและรณรงค์ให้คำนึงถึงการจำกัดและลดปริมาณการปล่อยสารพิษที่ส่งผลกระทบต่อภาวะโลกร้อน เหล่านี้เป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งเสริมตลาดรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกให้เติบโตอย่างก้าวกระโดด จะเห็นได้ว่าในช่วงทศวรรษที่ผ่านมาอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลก (EV) ได้ขยายตัวอย่างรวดเร็ว ต่อเนื่อง โดยตลาด EV ทั่วโลกคาดว่าจะมีสัดส่วนประมาณ 30-40% ของยอดขายรถยนต์ใหม่ทั้งหมดในปี 2573 ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับสัดส่วนเพียง 2.5% ในปี 2562
(ที่มา : Robeco, ม.ค. 2564)
ล่าสุดบริษัททำการเปิดตัวกองทุนเปิด ยูไนเต็ด แบตเตอรี่ แอนด์ อีวี เทคโนโลยี ฟันด์ (UEV) โอกาสใหม่เพื่อนักลงทุนได้เริ่มลงทุนในหุ้นทั่วโลกกลุ่มนวัตกรรมที่เกี่ยวข้องกับการใช้พลังงานไฟฟ้า รถยนต์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่ (EV) ที่กำลังเป็นเทรนด์ใหม่ของอุตสาหกรรมยานยนต์ (EV) อนาคต ซึ่งกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง โดยกองทุน UEV เสนอขายครั้งแรก 5-12 มีนาคม 2564 นี้
กองทุนเปิด ยูไนเต็ด แบตเตอรี่ แอนด์ อีวี เทคโนโลยี ฟันด์ (UEV) มีโครงสร้างกองทุนประเภท Fund of funds ที่ลงทุนผ่านกองทุน RobecoSAM Smart Mobility Equities Fund (กองทุนหลัก) และกองทุน Global X Lithium & Battery Tech ETF (กองทุนหลัก) บริหารโดย Robeco และ Global X Management Company โดยในส่วนกองทุนของ RobecoSAM Smart Mobility Equities Fund มีกลยุทธ์การบริหารกองทุนแบบ Active โดยทีมผู้เชี่ยวชาญบริหารการลงทุน เน้นลงทุนในอุตสาหกรรมที่มีความหลากหลาย เช่น ธุรกิจการขายชิ้นส่วนการผลิต EV ไม่ว่าจะเป็นแบตเตอรี่ และเครื่องส่งกำลังไฟฟ้า (EV component suppliers) โรงงานผู้ผลิตรถยนต์ EV และระบบ software ในการติดตั้ง (EV car manufacturers & Subsystem suppliers) ระบบโครงข่ายไฟฟ้า เครื่องชาร์จไฟและเทคโนโลยีการส่งไฟฟ้า (Electrical grid & Charging Infrastructure) AI การเชื่อมต่อและการขนส่งสาธารณะ (Vehicle connectivity & Autonomous driving) โดยกองทุน RobecoSAM Smart Mobility Equities Fund (กองทุนหลัก) สามารถสร้างผลการดำเนินงาน 1 ปี ย้อนหลังที่โดดเด่นถึง 51.2%* ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์อ้างอิง benchmark MSCI World Index TRN อยู่ที่ 44.8% (ที่มา Robeco, 30 ธ.ค. 2563)
นอกจากนี้ กองทุน UEV จะกระจายไปลงทุนอีกส่วนหนึ่งไปยังกองทุน Global X Lithium & Battery Tech ETF เป็นกองทุน ETF ที่ลงทุนในบริษัทที่เกี่ยวเนื่องและอยู่ในสายการผลิตแบตเตอรี่ลิเทียมเต็มรูปแบบ (The full lithium value chain) ตั้งแต่การขุดค้นและการกลั่นจนถึงการผลิตแบตเตอรี่ลิเทียม ซึ่งกองทุนสร้างผลการดำเนินงาน 1 ปีย้อนหลังอยู่ที่ 127.6%** ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์อ้างอิงดัชนี Solactive Global Lithium Index ที่ 2.1% (ที่มา Global X, 30 ธ.ค. 2563)
นางสาวรัชดากล่าวทิ้งท้ายว่า “การผสมผสานการลงทุนทั้งแบบ Active จากการลงทุนในกองทุน RobecoSAM Smart Mobility Equities Fund และแบบ passive ในกองทุน Global X Lithium & Battery Tech ETF นั้น จะส่งผลให้นักลงทุนได้รับประโยชน์จากการกระจายการลงทุนในหุ้นกลุ่มธุรกิจธีม EVs และกลุ่มที่ได้รับประโยชน์จากการเติบโตของอุตสาหกรรม EV ผ่านการคัดเลือกบริษัทที่ลงทุนโดยผู้เชี่ยวชาญจาก Robeco บนกระบวนการการลงทุนที่เข้มงวด ในขณะเดียวกัน กองทุน UEV ก็มีการกระจายการลงทุนที่เน้นลงทุนในกลุ่มธุรกิจแบตเตอรีลิเทียม (Lithium) ผ่าน Global X Lithium & Battery Tech ETF ที่เราเชื่อมั่นว่าจะเป็นกลุ่มธุรกิจที่มีแนวโน้มเติบโตอย่างก้าวกระโดดไปพร้อมกับกลุ่มธุรกิจ EV ดังนั้น บลจ.ยูโอบีจึงมีความมั่นใจแนะนำกองทุน UEV แก่นักลงทุน เพื่อเสริมพอร์ตการลงทุนให้มีโอกาสเติบโตไปพร้อมกับกระแสยานยนต์ EV ในอนาคต ประกอบกับปัจจุบันเป็นช่วงที่ราคาของหุ้นกลุ่มธุรกิจ EV มีการปรับตัวย่อลงมาบ้างในช่วงที่ผ่านมาจากสถานการณ์โควิด-19 เราจึงมองว่าเป็นจังหวะที่น่าสนใจในการเข้าลงทุน เพื่อโอกาสได้รับผลตอบแทนที่แข็งแกร่งในระยะยาว”