xs
xsm
sm
md
lg

ความหวังในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย และกลยุทธ์การลงทุนไตรมาส 4

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



โดยทีมจัดการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัด

หลังจากในไตรมาส 2/2020 SET Index มีการฟื้นตัวอย่างโดดเด่นบนมุมมองการฟื้นตัวเศรษฐกิจไปข้างหน้าจากการเปิดให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจกลับมาอีกครั้งหลังการ Lockdown เมือง รวมถึงผลจากอัตราดอกเบี้ยนโยบายต่ำเป็นประวัติการณ์โดยธนาคารกลางทั่วโลก และการใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (Quantitative Easing) แบบไม่จำกัดวงเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ นั้น ในไตรมาสที่ 3/2020 ตลาดหุ้นไทยมีการปรับฐานเกิดขึ้นเพื่อติดตามพัฒนาการการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจริงเทียบกับสิ่งที่ตลาดหุ้นให้ความคาดหวังไปล่วงหน้าแล้ว ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นคือการฟื้นตัวถือว่าเป็นไปได้ช้ากว่าคาดที่เป็นไปในลักษณะของรูปตัว U (U-shape Recovery)

สาเหตุมาจากการที่ประเทศไทยพึ่งพาการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจนอกประเทศในสัดส่วนค่อนข้างมาก รวมถึงเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจและมาตรการช่วยเหลือเยียวยาต่างๆ ที่ส่งไปถึงกิจกรรมเศรษฐกิจจริงได้ยังไม่มากเพียงพอ โดยเฉพาะในช่วงหลังซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงคณะรัฐมนตรีเกิดขึ้น ทำให้การผลักดันนโยบายเศรษฐกิจจากภาครัฐเป็นไปได้จำกัด ขณะที่สถานการณ์เชื้อไวรัส COVID-19 แม้ไทยสามารถควบคุมได้ดี แต่ยังคงแพร่ระบาดต่อเนื่องอยู่ในหลายประเทศ ทั้งนี้ กระทรวงการคลังล่าสุดคาดการณ์เศรษฐกิจไทยปีนี้หดตัวลงจากปีก่อนหน้า -8.5% โดยมองไตรมาส 2Q20 ซึ่งติดลบไป -12.2% เป็นจุดต่ำสุดไปแล้ว ก่อนที่จะฟื้นตัวในปี 2021 ได้ที่ระดับ +4-5% ซึ่งยังไม่สามารถกลับไปที่ระดับก่อนที่จะเกิดการระบาดของไวรัส COVID-19 ได้

ดังนั้น ความหวังในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย รวมถึงตลาดหุ้นด้วยนั้นอยู่ที่ 1) ความสำเร็จในการพัฒนาวัคซีนและยารักษาโรคเป็นหลัก แม้จะมีความเป็นไปได้ที่จะมีภูมิคุ้มกันหมู่ (Herd Immunity) หลังจากการระบาดในวงกว้างนอกประเทศไทยก็ตาม 2) ความสามารถในการประคองและสร้างความพร้อมในหลายๆ ภาคส่วนเพื่อรอการเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบ โดยสำหรับปัจจัยด้านการพัฒนาวัคซีนนั้น ล่าสุดมีบริษัทอยู่ในขั้นทดลองทางคลินิกเฟส 3 (หรือขั้นตอนสุดท้ายของกระบวนการพัฒนาวัคซีนก่อนเข้าสู่ขั้นตอนอนุมัติ) แล้ว และคาดว่าวัคซีนจะถูกอนุมัติให้มีการใช้ได้อย่างเร็วสุดในไตรมาส 4/2020 อยู่ 3 บริษัท

อย่างไรก็ตาม กระบวนการผลิตและวิธีแจกจ่ายให้ทั่วถึงอย่างเป็นส่วนใหญ่ได้นั้นยังคงเป็นประเด็นที่ต้องติดตาม ขณะที่ปัจจัยข้อ 2 ขึ้นกับความสามารถของรัฐบาลในการออกมาตรการเยียวยาต่างๆ ให้ถูกจุดและมากพอ อย่างไรก็ตาม คาดว่าจะมีออกมาไม่มากก็น้อย สำหรับตลาดหุ้นเองนอกเหนือจากปัจจัยพื้นฐานที่กล่าวไปข้างต้นแล้วนั้น ภาวะสภาพคล่องที่ยังคงล้นระบบในปัจจุบันและอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำเป็นประวัติการณ์ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญในการพยุงตลาดหุ้นไทยไว้ได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ บริษัทจดทะเบียนไทยแม้จะถูกกระทบจาก COVID-19 แต่พบว่าหลายบริษัทมีความสามารถในการปรับตัว ปรับโมเดลธุรกิจ บริหารจัดการต้นทุนได้ดี ทำให้ผลประกอบอยู่ในระดับที่น่าพอใจ และมีจุดแข็งด้านฐานะทางการเงิน แม้กระทั่งในบางบริษัทฯ กลับสามารถใช้โอกาสนี้ได้ดีในการสร้างการเติบโตและสามารถทำกำไรได้เป็นสถิติของบริษัท

สำหรับกลยุทธ์การลงทุนในตลาดหุ้นไทย บลจ.ทิสโก้คาดว่าจะเห็นการปรับฐานในระยะสั้นของ SET Index ตลอดในช่วงที่เหลือของปีนี้ และมีมุมมองเชิงบวกต่อการฟื้นตัวในปีถัดไป โดยประเมินว่าในระยะไตรมาสข้างหน้านี้ปัจจัยทางด้านการเมืองทั้งในประเทศและต่างประเทศจะเป็นประเด็นหลักที่นักลงทุนจับตา โดยเฉพาะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่จะมีขึ้นในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน ส่งผลให้ยังคงเน้นใช้กลยุทธ์การเลือกหุ้นรายตัว (Stock Selection) เป็นหลัก โดยให้น้ำหนักการลงทุนมากกว่าตลาดในกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม กลุ่มค้าปลีก และกลุ่มเงินทุนและหลักทรัพย์ ขณะที่ให้น้ำหนักการลงทุนน้อยกว่าตลาดในกลุ่มธนาคาร กลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และกลุ่มขนส่งและโลจิสติกส์
กำลังโหลดความคิดเห็น