นายอิศรา พุฒตาลศรี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน วี จำกัด (บลจ.วี) เปิดเผยว่า ภาวะเศรษฐกิจโลกที่ถดถอยในช่วงเดือนที่ผ่านมา จากผลกระทบของการเกิดการแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่สะท้อนผ่านตัวเลขการว่างงานของสหรัฐฯ ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ยังคงดอกเบี้ยนโยบายการเงินไว้ที่ระดับใกล้เคียง 0% เช่นเดียวกับธนาคารของประเทศอื่นๆ ประกอบกับการอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบทำให้ความคาดหวังเงินเฟ้อปรับเพิ่มขึ้น ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง (Real Yield) มีแนวโน้มอยู่ในระดับต่ำ ความน่าสนใจในการลงทุนพันธบัตรลดน้อยลง มีการเคลื่อนย้ายเงินลงทุนจากพันธบัตรสู่สินทรัพย์อื่น เป็นปัจจัยที่หนุนให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ทั้งทองคำและเงินปรับตัวขึ้น
โดยในช่วงเดือน ก.ค. ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้น 11.63% ขณะที่เงินปรับเพิ่มขึ้น 35.41% เป็นการปรับตัวขึ้นเร็วกว่าราคาทองคำอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ราคาหุ้นบริษัทเหมืองทองคำและบริษัทเหมืองเงินปรับตัวเพิ่มมากขึ้นกว่าการปรับตัวของราคาทองคำแท่งและเงิน ตลาดเริ่มรับรู้ถึงผลดำเนินงานของเหมือง เนื่องจากขณะที่ราคาสินทรัพย์ทรงตัวในระดับสูง ต้นทุนการจัดการเหมืองยังอยู่ในระดับต่ำ ประกอบกับราคาน้ำมันปรับตัวลดลงจากช่วงต้นปี ส่งผลให้ผลประกอบการดำเนินธุรกิจเหมืองปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น ดังนั้นเพื่อเป็นการเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทน การลงทุนที่ดีจึงควรมีการจัดสรรสินทรัพย์ (Active Asset Allocation) ที่เหมาะกับภาวะตลาด
ซึ่ง กองทุนเปิด วี โกลด์ แอนด์ ซิลเวอร์ อิควิตี้ (WE-GOLD) จัดสัดส่วน ในทองคำ เงินแท่งและหุ้นเหมืองตามทิศทางของตลาด แบบ FLEXIBLE AND DYNAMIC ASSET ALLOCATION ปัจจุบันสัดส่วนการลงทุนของกองทุนหลักลงทุนใน หุ้นเหมืองทองและเหมืองเงิน 77.8%, ทองคำและเงินแท่ง 17.4% และอื่นๆ 4.8% โดยกองทุนหลักมีผลการดำเนินงานที่ปรับตัวขึ้นอย่างน่าสนใจเนื่องจากกองทุนหลัก Merian Gold and Silver Fund มีสัดส่วนการลงทุนในเงินที่สูง โดย ณ วันที่ 31 ก.ค. 2563 กองทุน WE-GOLD ให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 41.21% ย้อนหลัง 6 เดือน อยู่ที่ 37.10% เทียบกับ ดัชนี FTSE Gold Mines Net Return Index 50%, Gold Price (XAU) 50% อยู่ที่ 18.15% และ 37.99% ตามลำดับ
บลจ.วี มองว่า ด้วยแนวโน้มสถานการณ์ที่ยังมีความไม่แน่นอนจากการระบาดของ COVID-19 รวมถึงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่กำลังจะเกิดขึ้นในช่วงปลายปีนี้ อาจส่งผลต่อการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีนที่ยืดเยื้อ ทำให้ตลาดมีความกังวล เงินลงทุนมีการไหลเข้าสู่สินทรัพย์ปลอดภัย อีกทั้ง Real Yield ที่อยู่ในระดับต่ำ ส่งผลให้ราคาทองคำและเงินยังมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งทิศทางราคาทองคำและเงินเป็นไปในทิศทางเดียวกัน นอกจากนี้ความต้องการโลหะเงินในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีและการแพทย์ก็ยังมีสูง เป็นปัจจัยสนับสนุนช่วยผลักดันราคา ดังนั้นการจัดสรรสินทรัพย์ (Asset Allocation) โดยลงทุนในหุ้นเหมือนทองคำและเงิน ช่วยสร้างโอกาสได้รับผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้นด้วย
ในด้านการคัดเลือกหุ้นเหมือง กองทุนหลักใช้กลยุทธ์ลงทุนด้วยการคัดเลือกหุ้นเหมืองทองคำและเงิน ด้วยการประเมินมูลค่าหุ้นโดยใช้ปัจจัยพื้นฐานรวมไปถึงการพิจารณาบริษัท ในด้านการบริหารจัดการ , ความสามารถของผู้บริหาร , งบการเงิน , การเติบโตของบริษัท และ ปัจจัยความเกี่ยวข้อง ถือเป็นจุดแข็งของกองทุนในการสร้างผลตอบแทนที่ดี
“ดังนั้น บลจ.วี แนะนำการลงทุนใน กองทุน WE-GOLD ที่มีใช้กลยุทธ์จัดพอร์ตลงทุนในทองคำแท่ง , เงินแท่ง , หุ้นเหมืองทองและหุ้นเหมืองเงิน ในสัดส่วนที่เหมาะสมกับภาวะตลาดแต่ละช่วง (Dynamic rotation) เพื่อโอกาสรับผลตอบแทนสูงกว่าราคาทองคำ 2-5 เท่าในระยะยาว ซึ่งเป็นจังหวะสำหรับการลงทุนในทองคำและเงิน อีกทั้งมีความน่าสนใจกว่าการลงทุนพันธบัตรที่มีผลตอบแทนจากอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำมาก” นายอิศรา กล่าว