เริ่มต้นปีไปได้เพียงแค่เดือนเดียว แต่สถานการณ์ทั่วโลกต่างต้องตกอยู่ในความกังวล ทั้งจากประเด็นความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ-อิหร่าน, ประเด็น Brexit และประเด็นสงครามทางการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีน (Trade War) แม้จะมีท่าทีที่ผ่อนคลายลง แต่ภาพรวมการค้าโลกก็ยังคงชะลอตัว มิหนำซ้ำจีนยังต้องมาประสบพบเจอกับเหตุการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ก่อนจะพบผู้ติดเชื้อในหลายประเทศ อาทิ ญี่ปุ่น ไทย เกาหลีใต้ สิงคโปร์ มาเลเซีย สหรัฐฯ และฝรั่งเศส เป็นต้น ปัจจัยเหล่านี้ล้วนส่งผลกระทบต่อทุกประเทศทั่วโลกไม่เว้นแม้แต่ประเทศไทย ทำให้ตัวเลขคาดการณ์จีดีพีของไทยถูกปรับลดลงมาเหลือ 2.8% ซึ่งนับเป็นการปรับลดมากที่สุดในรอบหลายปี
ภายใต้ความผันผวนของตลาดโลก ส่งผลให้ตลาดทุนไทยได้รับผลกระทบตามไปด้วย เนื่องจาก ปัจจัยส่วนใหญ่ไม่เอื้อต่อการเข้าลงทุนในระยะสั้น ที่แม้คิดจะฝากเงิน ดอกเบี้ยก็ต่ำเหลือเกิน จะเล่นหุ้นหากไม่คิดจะถือยาว ก็อาจต้องรอดูสถานการณ์ก่อน “แต่การไม่ลงทุนเลยมีความเสี่ยงมากกว่า” แล้วเราควรลงทุนในอะไรดี ที่มีความเสี่ยงไม่มากจนเกินไป แถมยังให้ผลตอบแทนที่ดีได้ด้วย? คำตอบคือ กองทุนตราสารหนี้ (Fixed Income Fund) ซึ่งผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนที่ดีกว่าการฝากเงิน และไม่ต้องรับความเสี่ยงมากจนเกินไป แถมยังมีสภาพคล่องสูงอีกต่างหาก โดย KAsset ขอแนะนำ กองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ พลัส (K-FIXEDPLUS) ที่มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้คุณภาพดีเกรด A+ ทั้งในและต่างประเทศ อาทิ พันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย รวมถึงเงินฝากทั้งในประเทศและต่างประเทศ เป็นต้น
ที่ผ่านมามีผู้ลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ไม่มากนัก และต้องการโอกาสรับผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้นมากกว่าการฝากเงิน หรือ ลงทุนในกองทุนตลาดเงิน ก็จะเลือกไปลงทุนในกองทุนตราสารหนี้แบบที่มีกำหนดอายุโครงการ (Term Fund) เนื่องจาก กองทุน Term Fund สามารถล็อคผลตอบแทนตามที่ประมาณการไว้ได้ ทั้งนี้ แม้ว่ากองทุน K-FIXEDPLUS จะไม่สามารถล็อคผลตอบแทนได้ แต่ก็มีความน่าสนใจไม่แพ้กัน โดยกองทุน K-FIXEDPLUS มีจุดเด่นอยู่ 3 เรื่องด้วยกันที่ทำให้แตกต่างจากกองทุน Term Fund ได้แก่ (1) มีสภาพคล่องสูง ผู้ลงทุนสามารถซื้อขายได้ทุกวันทำการ โดยมีระยะเวลารับเงินค่าขายคืนอยู่ที่ T+2 ในขณะที่กองทุน Term Fund ไม่สามารถขายคืนได้ก่อนครบกำหนดอายุโครงการ (2) มีการกระจายการลงทุนมากกว่า 70 ตราสารทั่วโลก ในขณะที่กองทุน Term Fund กระจายการลงทุนอยู่ประมาณ 10-11 ตราสาร และ (3) มีกลยุทธ์การลงทุนแบบเชิงรุก (Active Investment Management) ผู้จัดการกองทุนจะติดตามข้อมูลรายวันเพื่อตอบสนองต่อการปรับสัดส่วนได้ทันท่วงที อีกทั้งยังมีการบริหารความเสี่ยงที่ครอบคลุมทั้งด้านอัตราดอกเบี้ย ด้านความสามารถในการชำระหนี้ และด้านสภาพคล่อง ในขณะที่กองทุน Term Fund มีกลยุทธ์การลงทุนแบบซื้อและถือ (Buy and Hold) อย่างไรก็ดี กองทุน K-FIXEDPLUS และกองทุน Term Fund ล้วนมีลักษณะเฉพาะตัวที่น่าสนใจที่แตกต่างกัน การเลือกลงทุนของผู้ลงทุนจึงขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ สภาพคล่องทางการเงิน รวมไปถึงความสามารถในการรับความเสี่ยงของตัวผู้ลงทุนเป็นหลักด้วย โดยทั้ง 2 กองทุนนับเป็นทางเลือกการลงทุนที่จะมาช่วยกระจายความเสี่ยงและช่วยให้พอร์ตการลงทุนมีประสิทธิภาพภายใต้สภาวะตลาดที่มีความผันผวนได้
กองทุน K-FIXEDPLUS เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการโอกาสรับผลตอบแทนที่สูงกว่าเงินฝาก หรือ กองทุนตลาดเงิน และสามารถถือครองหน่วยลงทุนได้ตั้งแต่ 1 ปีขึ้นไป โดยเริ่มต้นลงทุนได้ง่ายๆ เพียง 500 บาท ผ่าน App K PLUS และ K-My Funds เพียงเท่านี้คุณก็สามารถต่อยอดให้เงินลงทุนโตเหนือความผันผวนด้วยกองทุน K-FIXEDPLUS ที่ พลัสความมั่นใจ กับบลจ.ยอดเยี่ยมจากเวที SET Awards และ พลัสผลตอบแทน ที่ยิ่งถือยาว ยิ่งมีโอกาสรับผลตอบแทนได้มาก
ผู้ลงทุนโปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน