บลจ.บัวหลวงถือเงินสดเพิ่มรอจังหวะหุ้นปรับฐานทยอยลงทุนรอบใหม่ ระบุหุ้นไทยยังน่าสน จับตากลุ่มท่องเที่ยว การบิน โรงพยาบาล แนวโน้มโตดี พร้อมแนะกระจายเสี่ยงลงทุนต่างประเทศ มั่นใจเป็นทางเลือกที่ดีและมีโอกาสสร้างผลตอบแทนเพิ่มด้วย ชูธีมหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีน่าสนใจ ขณะที่ตลาดจีน-อินเดียเริ่มมีเสถียรภาพเหมาะแก่การลงทุน
นายพีรพงศ์ จิระเสวีจินดา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและการลงทุน กองทุนบัวหลวง เปิดเผยว่า ปัจจุบันกองทุนหุ้นของบริษัท (ไม่รวม LTF และ RMF) มีเม็ดเงินเข้ามาลงทุนรวมตั้งแต่ต้นปีประมาณ 6.4 พันล้านบาท แต่บริษัทได้ปรับสัดส่วนการถือเงินสดเพิ่มขึ้นจากเดิมเป็น 13-14% ต่างจากช่วงต้นปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 8-10% เนื่องจากภาวะการลงทุนยังไม่เอื้อต่อการลงทุน และยังไม่มีปัจจัยสนับสนุนใหม่ๆ เข้ามาในตลาด อย่างไรก็ตามยังมีหุ้นบางกลุ่มที่น่าสนใจและบริษัทตั้งเป้าจะเข้าลงทุนเพิ่มต่อจากนี้หากราคามีการปรับฐานลงมา
ทั้งนี้ ณ เดือนสิงหาคม 2560 นี้ กองทุนบัวหลวงมีเม็ดเงินไหลเข้ากว่า 52,541 ล้านบาท โดยเงินลงทุนมากที่สุด คือ 1) กลุ่มกองทุนที่มีกำหนดอายุโครงการ (Term Fund) เพิ่มขึ้น 29,999 ล้านบาท 2) กลุ่มกองทุนผสม (Mixed Fund) เพิ่มขึ้น 15,590 ล้านบาท ซึ่งกองทุนที่เพิ่มขึ้นมากที่สุด คือ กองทุนเปิดบีซีเนียร์สำหรับวัยเกษียณ (B-SENIOR) เพิ่มขึ้น 7,684 ล้านบาท กองทุนเปิดบัวหลวงอินคัม (B-INCOME) เพิ่มขึ้น 7,270 ล้านบาท ตามลำดับ
3) กลุ่มกองทุนหุ้นภายในประเทศ (Equity Fund) เพิ่มขึ้น 6,567 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นมากที่สุด คือ กองทุนเปิดบัวหลวงปัจจัย 4 (BBASIC) เพิ่มขึ้น 2,133 ล้านบาท กองทุนเปิดบัวแก้ว (BKA) เพิ่มขึ้น 1,783 ล้านบาท กองทุนเปิดบัวแก้วปันผล (BKD) เพิ่มขึ้น 1,264 ล้านบาท ตามลำดับ 4) กลุ่มกองทุนรวมตลาดเงิน (Money Market Fund) เพิ่มขึ้น 5,414 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากกองทุนเปิดบัวหลวงตราสารหนี้ภาครัฐ (B-TREASURY)
“หุ้นไทยเป็นไซด์เวย์ ดาวน์ไซด์ไม่มี อัปไซด์ก็ไม่มี แต่หุ้นบางกลุ่มยังมีความน่าสนใจ อย่างหุ้นที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว การบิน และโรงพยาบาล รวมถึงหุ้นที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคที่บริษัทกำลังจับตาดูถึงแม้ภาคการบริโภคในประเทศยังไม่ฟื้นตัว แต่เชื่อว่าแนวโน้มจะต้องฟื้นตัวกลับมาอีกครั้งแน่นอน โดยต่อจากนี้ถึงแม้หุ้นไทยจะปรับตัวขึ้นเชื่อว่ากองทุนที่ดูแลอยู่จะไม่เสียโอกาสและพร้อมที่จะลงทุนเพิ่มตามไปด้วย” นายพีรพงศ์กล่าว
นายพีรพงศ์กล่าวอีกว่า กองทุนรวมที่ลงทุนในต่างประเทศยังคงได้รับความสนใจและทวีความน่าสนใจจากนักลงทุนอย่างต่อเนื่อง ถ้ามีธีมการลงทุนที่ดีในระยะยาว เช่น กองทุนเปิดบัวหลวงโกลบอลอินโนเวชั่นและเทคโนโลยี (B-INNOTECH) ที่เพิ่มขึ้น 2,825 ล้านบาท
นอกจากนี้ ปัจจุบันการลงทุนในต่างประเทศนับเป็นกลยุทธ์ที่สำคัญในการกระจายความเสี่ยง และเพิ่มโอกาสในการหาผลตอบแทน โดยแนวโน้มการลงทุนในเอเชียนั้น จากความเห็นของพันธมิตรทางธุรกิจอย่าง “Invesco” ให้ความเห็นว่า การลงทุนในเอเชียมีความน่าสนใจโดยเฉพาะในประเทศจีนที่กลับมามีเสถียรภาพมากขึ้น หลังจากนักลงทุนกังวลว่าเศรษฐกิจค่อนข้างชะลอตัวในช่วงที่ผ่านมา แต่ปัจจบุันตัวเลขทางเศรษฐกิจที่ออกมาบ่งชี้ได้ว่ามีแรงขับเคลื่อนการลงทุนที่ดี รวมถึงผลประกอบการและกำไรของบริษัทจดทะเบียนที่กำลังขยายตัวได้ดีอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ประเทศอินเดียเป็นอีกตลาดที่น่าสนใจและน่าจับตาในอนาคต
ส่วนการลงทุนในตลาดหุ้นญี่ปุ่น ถึงแม้ตัวเลขเศรษฐกิจจะมีการขยายตัวไม่มากนัก แต่หากพิจารณาตั้งแต่ปี 2004 เป็นต้นมาจะพบว่ากำไรของบริษัทจดทะเบียนเติบโตมากขึ้นถึง 3.4 เท่า ซึ่งมากกว่าการขยายตัวของเศรษฐกิจเนื่องจากบริษัทมีการขยายตัวจากการประกอบธุรกิจในต่างประเทศเข้ามามีบทบาทสำคัญมากขึ้น และนับเป็นการปรับโครงสร้างเพื่อการขยายตัวที่ดีของบริษัทจดทะเบียนในประเทศญี่ปุ่น
นายพีรพงศ์กล่าวอีกว่า เพื่อเป็นการให้แง่มุมที่หลายหลาก และเน้นแนวโน้มการลงทุนของอุตสาหกรรมและธุรกิจต่างๆ ในตลาดโลกให้แก่นักลงทุนไทย บริษัทเตรียมจะจัดงาน Bualuang Fund Investment Forum ภายใต้หัวข้อ “Setting Sail for the Investment Voyage in 2018” ในวันที่ 6 กันยายน 2017 ที่โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ โดยมีวัตถุประสงค์ที่ต้องการให้นักลงทุนไทย และผู้ที่สนใจได้รับข้อมูลการลงทุน และโอกาสลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศในปี 2018 ที่เปิดกว้างมากขึ้น
ในงานนี้บริษัทฯ ได้รับเกียรติจาก ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ อดีตเลขาธิการอาเซียน เป็นองค์ปาฐกของงานนี้ ด้วยความรอบรู้และความเข้าใจอย่างลึกซึ้งต่อสถานการณ์ในระดับภูมิภาคและในระดับโลก ดร.สุรินทร์จะชี้ให้เห็นประเด็นสำคัญ พร้อมทั้งความท้าทายต่างๆ ที่อาเซียนกำลังเผชิญ ขณะที่กำลังก้าวเดินไปสู่ยุคผนวกตลาดให้เป็นหนึ่งเดียวกัน