เหตุการณ์คว่ำบาตรประเทศกาตาร์ในช่วงเดือนที่ผ่านมาอยู่ในความสนใจของนักลงทุนไม่ใช่น้อย เมื่อซาอุดีอาระเบีย สาธารณรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) บาห์เรน และอียิปต์เดินหน้าประกาศยุติความสัมพันธ์ทางการทูตกับประเทศกาตาร์เป็นกลุ่มแรก ตามมาด้วยลิเบีย เยเมน และมัลดีฟส์
ถึงแม้เหตุการณ์จะผ่านมาแล้วเกือบ 3 สัปดาห์ และตลาดหุ้นของกาตาร์เริ่มฟื้นตัวกลับมาหลังจากที่ปรับตัวลดลงเกือบ 10% ทันทีที่เกิดเหตุการณ์ แต่ดูเหมือนนักลงทุนทั้งบุคคลและสถาบันยังจับตาสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ก็เพราะกาตาร์เป็นประเทศที่มีบทบาททางการค้าโลกจากการเป็นหนึ่งในประเทศที่ร่ำรวยจากการส่งออกน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ อีกทั้งเป็นประเทศเป้าหมายที่นักลงทุนซึ่งรวมถึงกองทุนรวมในบ้านเราเข้าไปลงทุนในเงินฝากและตราสารหนี้ของธนาคารในกาตาร์เป็นเม็ดเงินจำนวนมากในช่วงที่ผ่านมา
เพื่อให้นักลงทุนที่มีความกังวลหรือที่มีความสนใจเกี่ยวกับการลงทุนในประเทศกาตาร์ ได้ทราบถึงโอกาสและความเสี่ยงของการลงทุนในประเทศนี้มากขึ้นเพื่อกำหนดทิศทางการลงทุนต่อไป บลจ.กสิกรไทยจึงวิเคราะห์ความเป็นไปได้และผลกระทบที่จะเกิดสถานการณ์ต่างๆ เพิ่มเติมต่อประเทศกาตาร์และประเมินภาพรวมทางเศรษฐกิจ ดังนี้
ผลกระทบต่อประเทศกาตาร์ตามสถานการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต
การกีดกันทางการค้า มีโอกาสเกิดขึ้นต่ำ บลจ.กสิกรไทยประเมินว่าการกีดกันทางการค้าจะมีผลกระทบต่อสาธารณรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) มากกว่าประเทศกาตาร์ เนื่องจากทั้ง 2 ประเทศมีท่อส่งก๊าซที่เชื่อมต่อระหว่างกัน (Dolphin Pipeline) โดยก๊าซที่ส่งผ่านท่อส่งนี้คิดเป็น 1 ใน 3 ของปริมาณก๊าซทั้งหมดที่ UAE ใช้เพื่อการผลิตไฟฟ้าส่งไปเมืองหลักของประเทศ
การคว่ำบาตรโดยสหประชาชาติ (UN) มีโอกาสเกิดขึ้นต่ำมาก เนื่องจากหากเกิดขึ้นจะทำให้มีความขัดแย้งในภูมิภาคมากขึ้น ซึ่งขัดกับนโยบายของ UN ที่ต้องการให้เกิดความสันติ นอกจากนี้ การคว่ำบาตรของ UN จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อมีมติร่วมกันของประเทศสมาชิกซึ่งคาดว่าไม่น่าจะลงมติกันได้ เพราะข้อกล่าวหาว่ากาตาร์เป็นสาเหตุของความไม่สงบระหว่างประเทศนั้นยังไม่มีหลักฐานสนับสนุนที่แน่ชัด อีกทั้งที่ผ่านมามูลนิธิของกาตาร์มีบทบาทสำคัญในการช่วยเหลือองค์กรเพื่อมนุษยชาติต่างๆ ของ UN เพื่อให้ความช่วยเหลือกับซีเรีย ปาเลสไตน์ และโซมาเลีย
การเจรจาสันติภาพ มีโอกาสเกิดขึ้นสูงสุด โดยประเทศคูเวตน่าจะเข้ามาเป็นตัวกลางเพื่อเจรจาไกล่เกลี่ยข้อพิพาทระหว่างประเทศกาตาร์กับอีก 4 ประเทศ เหมือนเมื่อครั้งที่เกิดความขัดแย้งในลักษณะเดียวกันเมื่อปี 2557 (ในครั้งนั้นยุติความสัมพันธ์กันเป็นเวลา 8 เดือน) ซึ่งการเจรจาสันติภาพจะมีโอกาสสำเร็จมากขึ้นหากกาตาร์แสดงหลักฐานได้ชัดว่าไม่ได้มีเจตนาสนับสนุนกลุ่มผู้ก่อการร้าย นอกจากนี้ ยังมีสัญญาณบวกอีกข้อก็คือ กาตาร์ขอให้ FBI เข้ามาช่วยสืบสวนการโดนแฮกข้อมูลของเว็บไซต์ Qatar News Agency ซึ่งเป็นชนวนของความขัดแย้งในครั้งนี้ ทำให้ความน่าเชื่อถือและความโปร่งใสของการสืบสวนมีเพิ่มมากขึ้น
การประเมินภาพรวมทางเศรษฐกิจของประเทศกาตาร์
บลจ.กสิกรไทยมีมุมมองต่อเศรษฐกิจของกาตาร์ในเชิงปานกลางถึงบวก จากการประเมินว่าเศรษฐกิจจะเติบโตได้ 2-3% ซึ่งเป็นระดับที่เพียงพอต่อการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยนโยบายทางเศรษฐกิจที่เน้นกระจายการเติบโตไปยังอุตสาหกรรมอื่นๆ ที่นอกเหนือไปจากอุตสาหกรรมพลังงานมีแนวโน้มไปในทางที่ดี
ความขัดแย้งครั้งนี้คาดว่าจะส่งผลให้ราคาสินค้านำเข้าและเงินเฟ้อปรับตัวขึ้น อย่างไรก็ดี การส่งออกสุทธิไปยังประเทศคู่ขัดแย้งคิดเป็น 2.61% ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมด หรือคิดเป็นผลกระทบเพียง 0.43% ของ GDP ของประเทศเท่านั้น ส่วนด้านสภาพคล่องต้องนับว่ามีความเสี่ยงจากการขาดสภาพคล่องต่ำ โดย IMF ประเมินว่าประเทศกาตาร์มีสินทรัพย์อยู่นอกประเทศทั้งหมด ณ สิ้นปี 2559 ที่ 284,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งสูงกว่าหนี้ของรัฐบาลซึ่งมีอยู่เพียง 74,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้ ในแง่ของระบบธนาคาร ประเมินว่าธนาคารหลักๆ ของประเทศมีความมั่นคงสูง โดยระบบธนาคารยังมีเงินทุนและสภาพคล่องเพียงพอ รวมทั้งรัฐบาลพร้อมจะให้ความช่วยเหลือด้านสภาพคล่องหากเกิดปัญหา
อย่างไรก็ดี บลจ.กสิกรไทยมีมุมมองเป็นลบในระยะสั้นต่องบประมาณด้านการคลังของรัฐบาล เนื่องจากการขาดดุลงบประมาณที่เกิดจากแผนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในช่วงปีนี้ ทั้งนี้ คาดว่างบประมาณจะกลับมาเกินดุลได้ในปีหน้าจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นและมีการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม
ผลกระทบต่อกองทุนรวมที่มีการลงทุนในเงินฝากหรือตราสารหนี้ประเทศกาตาร์
บลจ.กสิกรไทยประเมินว่าการลงทุนในเงินฝากและตราสารหนี้ของประเทศกาตาร์ยังมีความน่าสนใจและมีความเสี่ยงที่จะผิดนัดชำระหนี้ต่ำ และเชื่อว่าเมื่อครบอายุการฝากเงินก็จะได้รับเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยคืนจากเงินฝากที่ฝากไว้ในธนาคารในกาตาร์ นอกจากนี้ กองทุนที่มีการป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวนจะไม่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของค่าเงิน อย่างไรก็ตาม บลจ.กสิกรไทยจะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดต่อสถานการณ์และประเด็นในเรื่องการเมืองระหว่างประเทศและการเคลื่อนไหวของรัฐบาลกาตาร์และประเทศที่ 3 ที่จะเข้ามาไกล่เกลี่ย