บลจ.กรุงไทยเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทยตราสานหนี้ IMF112 อายุ 3 เดือน เน้นลงทุนต่างประเทศ ประเภทเงินฝากประจำ โดยอัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้ในประเทศมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นทุกช่วงอายุตามอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรุ่นที่มีการทำ Bond Switching
นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ในระหว่างการเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้ เอฟไอเอฟ 112 (KTFF112) ตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 13 กันยายน 2559 อายุ 3 เดือน เน้นลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศ ประเภทเงินฝากประจำ Bank of China ( Macau), PT BANK RAKYAT INDONESIA (PERSERO) Tbk, China Construction Bank, Ahli Bank QSC และตั๋วเงินคลังประเทศญี่ปุ่น ผลตอบแทนประมาณ 1.45% ต่อปี
นอกจากนี้ยังอยู่ในระหว่างการเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทยสมาร์ทอินเวส 3เดือน3(KTSIV3M3) เสนอขายถึงวันที่ 9 กันยายน 2559 อายุ 3 เดือน เน้นลงทุนในตราสารหนี้ของธนาคารซีไอเอ็มบีไทย, ธนาคารทิสโก้ และตราสารหนี้ภาคเอกชน ประกอบด้วย บริษัทอีซี่ บาย, บริษัทบัตรกรุงไทย และบริษัทหลักทรัพย์ เคที ซีมิโก้ ผลตอบแทนประมาณ 1.30% ต่อปี โดยทั้ง 2 กองทุนบุคคลธรรมดาไม่เสียภาษี
สำหรับอัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้ในประเทศมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นทุกช่วงอายุตามอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรุ่นที่มีการทำ Bond Switching ประกอบกับแรงขายปรับพอร์ตของนักลงทุนเพื่อลดความเสี่ยงก่อนการประกาศข้อมูลเศรษฐกิจหลายตัวที่จะมีผลต่อการตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการไหลเข้าออกของเงินลงทุนต่างชาติ
ส่วนอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริกาปรับตัวลดลงทุกช่วงอายุตามแรงซื้อกลับ หลังจากอัตราผลตอบแทนได้มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าคาด หลังประธาน Fed แถลงว่าเตรียมปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรกของปีและจะทำอย่างค่อยเป็นค่อยไป ในขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาในระหว่างสัปดาห์ค่อนข้างผสมผสานทำให้อัตราผลตอบแทนในช่วงที่เหลือของสัปดาห์ทยอยปรับตัวขึ้นเรื่อยๆ สะท้อนว่าตลาดปรับตัวรอรับการขึ้นดอกเบี้ยของ Fed ในอนาคตถึงแม้ว่าตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรจะออกมาต่ำกว่าคาด และทำให้โอกาสในการปรับขึ้นดอกเบี้ยในเดือนกันยายนลดลง โดยสรุปอัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้อายุคงเหลือ 2 ปี ปรับตัวลดลง 5 bps มาอยู่ที่ 0.79% ต่อปี อายุคงเหลือ 5 ปี ปรับตัวลดลง 4 bps มาอยู่ที่ 1.19% ต่อปี และอายุคงเหลือ 10 ปี ปรับตัวลดลง 2 bps มาอยู่ที่ 1.60% ต่อปี
สำหรับปัจจัยที่ต้องติดตามในสัปดาห์นี้จะเป็นแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยของ Fed แนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาและเศรษฐกิจโลก แนวโน้มราคาน้ำมัน ผลกระทบของ Brexit ต่อตลาดการเงินทั่วโลกและสถานการณ์การเมืองระหว่างประเทศ
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สำนักประชาสัมพันธ์
คุณแสงสิริ เนตรอัมพร โทรศัพท์ 0-2686-6206, 08-2082-2121
คุณสงกรานต์ กันแก้ว ที่ปรึกษาด้านงานประชาสัมพันธ์ บริษัท คิธ แอนด์ คิน โทรศัพท์ 08-1455-2111