CEO บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ให้คำแนะนำจัดสรรเงินรับภาวะดอกเบี้ยเงินฝากต่ำติด 0% แนะนำกองทุน Money market หุ้นจ่ายปันผลสูงและกองทุนอสังหาฯ กระจายลงทุนตามความสามารถในการรับความเสี่ยงของแต่ละคน ชูบริการความพร้อมให้บริการที่ปรึกษาการลงทุน
ดร.วิน อุดมรัชตวนิชย์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด หรือ KTBST (Win Udomrachtavanich, Ph.D. Executive Chairman KTB Securities (Thailand ) Co., Ltd.) เปิดเผยว่า ในภาวะที่ดอกเบี้ยเงินฝากต่ำระดับ 0% นั้นการออมเงินในเงินฝากจึงไม่ได้รับผลตอบแทนเลย ดังนั้นจึงควรมีการลงทุนในสินทรัพย์อื่นที่ให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าและมีความปลอดภัยกว่า ดังนั้นจึงแนะนำว่า ให้ 1.) ผู้ที่ฝากเงินกระจายเงินไปอยู่ที่กองทุนรวมประเภทตลาดเงิน (Money market) หรือไปซื้อตราสารหนี้ระยะสั้นของภาครัฐและตราสารหนี้ของภาคเอกชนที่มีเครดิตความน่าเชื่อถือดี 2.) ฝากเงินในรูปแบบการซื้อกองทุนตราสารหนี้ที่มีอายุการลงทุนไม่เกิน 2 ปี โดยเน้นตราสารหนี้ภาครัฐบาลและตราสารหนี้ภาคเอกชนที่มีเครดิตดี 3.) ลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่โดยเน้นหุ้นที่เป็นลักษณะหุ้นคุณค่าที่มีการจ่ายเงินปันผลดีระดับ 5% ขึ้นไป 4.) ในภาวะดอกเบี้ยเงินฝากที่ต่ำเช่นนี้ผู้ฝากเงินสามารถกระจายเงินไปลงทุนในกองทุนประเภทอสังหาริมทรัพย์ได้ที่ให้ผลตอบแทนที่ดีและมีความเสี่ยงต่ำ
อย่างไรก็ตาม สัดส่วนการลงทุนขึ้นอยู่กับความต้องการของแต่ละคน ซึ่งหากจะย้ายจากเงินฝากออกไปลงทุนที่อื่นทั้งหมด 100% แนะนำว่า 90% ในภาวะเช่นนี้ให้ลงทุนอยู่ที่ Money market ประมาณ 90% (1.) และอีก 10% กระจายไปรวมกันอยู่ที่ตราสารหนี้อายุไม่เกิน 2 ปี (2.) หุ้นขนาดใหญ่ที่จ่ายปันผลดี (3.) และกองทุนอสังหาริมทรัพย์ (4.)
ทั้งนี้ หากเป็นผู้ที่มีความรู้ความเข้าใจเรื่องการลงทุนในตลาดทุนอยู่แล้วนั้น ลงทุน Money market (1.) ประมาณ 40-50% และลงทุนในตราสารหนี้อายุไม่เกิน 2 ปี (2.) หุ้นขนาดใหญ่ที่จ่ายปันผลดี (3.) และกองทุนอสังหาริมทรัพย์ (3.) รวมกัน 50-60% ตามความชอบของนักลงทุนไป
โดยถ้าเป็นนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ต่ำก็ลงทุนอยู่ใน Money market 40-50% และลงทุนอยู่ในตราสารหนี้อายุไม่เกิน 2 ปี (2.) หุ้นขนาดใหญ่ที่จ่ายปันผลดี (3.) และกองทุนอสังหาริมทรัพย์ (4.) รวมกันประมาณ 50-60%
ขณะที่นักลงทุนที่สามารถรับความสี่ยงได้ระดับปานกลางให้ลงทุนอยู่ในตราสารหนี้อายุไม่เกิน 2 ปี (2.) ประมาณ 20-30% กองทุนอสังหาริมทรัพย์ (4.) ประมาณ 20-30% และที่เหลือก็ลงทุนในหุ้น (3.) และถ้าเป็นผู้ที่รับควาเมสี่ยงได้สูงก็อาจจะลงทุนในตราสารหนี้ (2.) เพียง 10% และอีก 90% เป็นอสังหาริมทรัพย์ (4.) ผสมกับการลงทุนในหุ้น (3.)
“ภาวะดอกเบี้ยต่ำจะอยู่เช่นนี้ไปอีกนาน ดังนั้นการบริหารจัดการลงทุนที่ดีจึงเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งทาง บล.เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด มีผลิตภัณฑ์และบริการกองทุนรวมให้บริการพร้อมคำแนะนำทางการลงทุนในการช่วยวางแผนทางการเงินอย่างครบวงจรด้วยทีมที่ปรึกษาการลงทุนและการบริการที่สะดวกและรวดเร็วในแบบ “One Stop Service”