บลจ.ทหารไทยชี้ 3 ปัจจัยหลักกระทบลงทุน รอดูเฟดขึ้นดอกเบี้ย การตัดสินใจของอังกฤษในการออกจากยูโรโซน และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจยุโรป พร้อมแนะ 3 แนวทางลงทุนเข้าวิน นักลงทุนควรมีความรู้ จัดทัพลงทุนมุ่งเป้าหมาย และออมก่อนใช้เพื่อความสำเร็จในการลงทุน ขณะเดียวกันชูAuto Investment Plan ช่วยออม มั่นใจเหมาะกับคนรุ่นใหม่ และการวางแผนอนาคต
นายสมจินต์ ศรไพศาล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ทหารไทย เปิดเผยว่า สถานการณ์ที่มีผลต่อการลงทุนต่อจากนี้จะมีอยู่ด้วยกัน 3ป ระการ คือ การปรับตัวของผลตอบแทนพันธบัตรที่เชื่อว่าอยู่ในจุดต่ำสุดแล้ว ส่งผลให้ต่อจากนี้อาจมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางแต่ละแห่ง โดยเฉพาะเฟดที่คาดว่าจะปรับขึ้นประมาณ 2-3 ครั้งจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อภายในประเทศของสหรัฐฯ
ส่วนปัจจัยที่ 2 จะมาจากการตัดสินใจของอังกฤษว่าจะออกจากสหภาพยุโรปหรือไม่ ซึ่งกลุ่ม G7มองว่าการโหวตครั้งนี้เป็นความเสี่ยง และการตัดสินใจออกจากอียูอาจเป็นความผิดพลาดได้ ขณะที่ปัจจัยสุดท้ายเป็นเรื่องของการฟื้นตัวของเศรษฐกิจยุโรปที่จะมีผลต่อการลงทุน และตอกย้ำความเชื่อมั่นด้านการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ รวมถึงการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดน่าจะส่งผลดีต่อผลประกอบการของบริษัทในยูโรโซนด้วย
“บอนด์ยิลด์ถึงจุดต่ำสุดแล้ว และการขึ้นดอกเบี้ยจะทำให้บอนด์ยิลด์เด้งขึ้นมา ส่วนการตัดสินใจของอังกฤษนั้นปัจจุบันส่งผลให้นักลงทุนยังไม่กล้าตัดสินใจและทำให้ราคาหุ้นของยุโรปอยู่ในระดับต่ำ ซึ่งน่าจะเป็นโอกาสในการลงทุนได้ เพราะในเรื่องที่ 3 นั้นเศรษฐกิจของเยอรมนีและยูโรโซนปรับฟื้นตัวดีขึ้นและน่าจะเป็นผลดีต่อการลงทุน” นายสมจินต์กล่าว
นายสมจินต์กล่าวต่ออีกว่า การลงทุนในปัจจุบันจะมีความผันผวน ซึ่งการลงทุนให้ถึงเป้าหมายจะต้องมี 3 สิ่งประกอบกันเพื่อที่จะประสบความสำเร็จจากการลงทุน คือ 1. ความรู้ ซึ่งนักลงทุนจะต้องรู้จักความเสี่ยงและผลตอบแทนที่ได้รับ 2. กลยุทธ์การลงทุนที่นักลงทุนต้องลงทุนให้ตรงตามกับวัตถุประสงค์ของตนเอง 3. วินัยของการลงทุน โดยนักลงทุนจะต้องมีวินัยด้านการลงทุนที่สม่ำเสมอ และถ้าสามารถทำทั้ง 3 สิ่งนี้ได้เชื่อว่าจะประสบความสำเร็จจากการลงทุน
ทั้งนี้ ความรู้ที่นักลงทุนควรมีคือการเข้าใจเงื่อนไขและผลตอบแทนของการลงทุน ซึ่งความเสี่ยงของสินทรัพย์แต่ละอย่างจะมีความเสี่ยงและผลตอบแทนที่แตกต่างกัน หลังจากนั้นจะต้องตั้งกลยุทธ์การลงทุนที่เหมาะสมกับความต้องการของตนเอง ซึ่งหากเปรียบแล้วจะต้องแบ่งเป็นความสามารถด้านการลงทุนของเงินออมว่ามีระยะเวลาเท่าไร สุดท้ายเป็นเรื่องของความสม่ำเสมอเพื่อเฉลี่ยต้นทุนในการลงทุน
“เมื่อเรารู้ความเสี่ยงและผลตอบแทนแล้ว กลยุทธ์เพื่อให้ไปถึงเป้าหมายจะต้องแบ่งเงินตามระยะเวลาการลงทุนให้เหมาะสม กล่าวคือ จะต้องแบ่งออกเป็น 3 ส่วน 1. เงินที่ใช้เพิ่มความมั่งคั่งควรเป็นเงินที่สามารถลงทุนในหุ้นเป็นระยะเวลาประมาณ 6-7 ปีตามวงจรของเศรษฐกิจ 2. เงินที่สามารถลงทุนในตราสารหนี้เป็นระยะเวลา 2-4 ปี เพื่อเป็นส่วนที่สร้างกระแสเงินและรักษาอำนาจในการซื้อ และ 3. ตราสารหนี้ระยะสั้นประมาณ 1 ปี เพื่อคุ้มครองเงินต้นและเป็นสภาพคล่องให้กับตัวเอง โดยทั้ง 3 อย่างนี้จะเป็นกลยุทธ์การลงทุนให้ตรงตามวัตถุประสงค์ ส่วนเรื่องสุดท้ายคือความสม่ำเสมอนั้น ความจริงแล้วการออมไม่จำเป็นต้องรอเงินเหลือ แต่การออมเงินที่ดีควรเริ่มต้นก่อนการใช้จ่ายเพื่อให้เกิดวินัย” นายสมจินต์กล่าว
**ชู Auto Investment Planช่วยออม**
นายสมจินต์กล่าวอีกว่า เพื่อเป็นการเพิ่มวินัยในการออมเงิน บริษัทได้พัฒนา Auto Investment Plan ระบบการลงทุนที่สามารถตอบโจทย์ให้เกิดการลงทุนอย่างสม่ำเสมอได้ โดยจะสามารถกำหนดการลงทุนได้ทั้งแบบรายสัปดาห์ รายเดือน รายไตรมาส และรายปี ซึ่งจะเป็นการลงทุนแบบอัตโนมัติสม่ำเสมอ
ทั้งนี้ ระบบดังกล่าวได้มีการพัฒนา และล่าสุดบริษัทจะทำการขยายไปให้บริการแก่กองทุนสำรองเลี้ยงชีพด้วย ซึ่งน่าจะเป็นผลดีต่อพนักงานที่สามารถเลือกการลงทุนและระดับความเสี่ยงได้
“ระบบนี้น่าจะช่วยให้นักลงทุนมีความสม่ำเสมอ ซึ่งตอนแรกไม่ได้ตั้งเป้าว่ามันจะต้องมีบัญชีเพิ่มหรือโตเท่าไร แต่เชื่อว่าน่าจะเหมาะกับคนรุ่นใหม่ในการเป็นตัวช่วยด้านวินัย และเป้าหมายของการลงทุนเพื่ออนาคตได้” นายสมจินต์กล่าว