บลจ.วรรณสนับสนุนนโยบายต่อต้านคอร์รัปชัน เปิดช่องทางการลงทุนในหุ้นธรรมาภิบาลให้แก่ผู้ลงทุน เสนอขายกองทุนเปิด วรรณ แอนไท คอรัปชั่น (ONE-ACT) กองทุนรูปแบบเฉพาะ Thematic เน้นลงทุนในหุ้นที่ผ่านเกณฑ์ด้านการกำกับดูแลกิจการที่ดี และมีความแข็งแกร่งทางการเงิน IPO ระหว่างวันที่ 25 เมษายน-11 พฤษภาคม 2559
ดร.วิน อุดมรัชตวนิชย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) วรรณ จำกัด กล่าวว่า บริษัทมองว่าการเติบโตของเศรษฐกิจในประเทศยังคงเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไปตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐบาล ซึ่งคาดว่าทยอยออกมาเป็นระยะๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเศรษฐกิจในประเทศเริ่มส่งสัญญาณการชะลอตัวลง ซึ่งเป็นผลดีต่อการเติบโตเศรษฐกิจในส่วนของการบริโภคและการลงทุน อีกทั้งคาดว่าในภาคการใช้จ่ายของภาครัฐยังคงเติบโตได้ต่อเนื่องในปีนี้ตามการอนุมัติโครงการต่างๆ เช่นเดียวกับการเติบโตของภาคการท่องเที่ยวในประเทศ โดยคาดการณ์การเติบโตของตัวเลข GDP ปีนี้ในกรอบ 2.8-3.2%
“ในภาพเศรษฐกิจผู้ลงทุนยังคงต้องติดตามความต่อเนื่องของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการอนุมัติโครงการลงทุนต่างๆ ของภาครัฐ ซึ่งเป็นปัจจัยที่ผลักดันภาคการบริโภคและการลงทุน พร้อมทั้งติดตามผลการประชุมอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่จะมีขึ้นในช่วงเดือนพฤษภาคมและมิถุนายน ซึ่งคาดว่า กนง.มีโอกาสที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีกครั้งหากเศรษฐกิจยังไม่สามารถทรงตัวได้ตามเป้าหมาย”
สำหรับโอกาสในการลงทุนตลาดหุ้นไทย บริษัทมองว่าตลาดยังได้รับปัจจัยสนับสนุนจากสภาพคล่องในตลาดโลกที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะผลของการผ่อนคลายนโยบายการเงินของธนาคารกลางหลักทั่วโลกที่ทำไปในไตรมาสแรกที่ผ่านมา ส่งผลให้มีเงินทุนต่างชาติไหลเข้ามาในตลาดหุ้นไทยและตลาดหุ้นภูมิภาค กอปรกับปัจจัยจากมาตการภาครัฐจากความคืบหน้าโครงการลงทุนภาครัฐต่างๆ หากเป็นไปตามแผนของภาครัฐก็จะส่งผลให้ภาคเอกชนมีความเชื่อมั่นในการบริโภคและลงทุนกลับคืนมาได้
ทั้งนี้ ในแง่การลงทุนในตลาดหุ้น ภาพรวมหากดัชนีมีการปรับตัวลดลงถือเป็นโอกาสในการสะสม โดยเฉพาะอย่างยิ่งหุ้นปัจจัยพื้นฐานดีที่มีธรรมาภิบาลเป็นที่ยอมรับของผู้ลงทุน โดยระหว่างวันที่ 25 เมษายน-11 พฤษภาคม 2559 บริษัทเปิดขายกองทุนเปิด วรรณ แอนไท คอรัปชั่น (ONE-ACT) เน้นคัดเลือกหุ้นที่มีธรรมาภิบาลที่ดีควบคู่กับการเติบโตของราคาจากปัจจัยพื้นฐานเพื่อสร้างผลตอบแทนจากการลงทุน โดยหุ้นที่กองทุน ONE-ACT จะพิจารณาเลือกลงทุนจะต้องผ่านเกณฑ์ด้านการกำกับดูแลกิจการที่ดีของทั้ง 3 สถาบันจากคณะกรรมการบรรษัทภิบาลแห่งชาติ (IOD) โดยบริษัทที่คัดเลือกต้องอยู่ในช่วงคะแนน 80-100 พร้อมทั้งได้รับการจัดอันดับที่ระดับ 4-5 จากสถาบันไทยพัฒน์ และได้รับประกาศนียบัตรรับรองฐานะสมาชิกแนวร่วมปฏิบัติของภาคเอกชนไทยในการต่อต้านการทุจริต
ในแง่ของปัจจัยพื้นฐานหุ้นที่ผ่านเกณฑ์จาก 3 สถาบันดังกล่าว ผู้จัดการกองทุนจะคัดสรรหุ้นที่มีศักยภาพการเติบโตผ่านการวิเคราะห์ในแง่ความแข็งแกร่งทางการเงินและการเติบโตของกำไรจากงบการเงินประมาณ 10 หลักทรัพย์เพื่อลงทุน โดยเน้นไปที่ 1) ความแข็งแกร่งทางการเงินผ่านสัดส่วนหนี้สินต่อหุ้นที่ต่ำ 2) ความสามารถในการทำกำไรผ่านสัดส่วนผลตอบแทนของผู้ถือหุ้น (ROE) ในระดับสูง และ 3) ความเสถียรภาพของการดำเนินธุรกิจผ่านรายได้หรือผลกำไรที่เติบโตอย่างสม่ำเสมอในช่วงที่ผ่านมา โดยจะลงทุนในหุ้นแต่ละตัวในน้ำหนักที่เท่าๆ กัน (Equally Weight) และผู้จัดการกองทุนจะทำการปรับพอร์ต (Rebalancing) ตามความเหมาะสม (Timing) เพื่อให้การลงทุนสอดคล้องไปกับสถานการณ์การลงทุนนั้นๆ
“กองทุน ONE-ACT เป็นหนึ่งในแผนงานของบริษัทเน้นสร้างผลิตภัณฑ์กองทุนรวมรูปแบบเฉพาะ Thematic เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าในปัจจุบันที่มีความหลากหลายมากขึ้น และจากการทำการทดสอบย้อนหลังของผลตอบแทนหุ้นที่ผ่านหลักเกณฑ์ของกองทุนดังกล่าว พบว่าหุ้นที่มีธรรมาภิบาลที่ดีสามารถให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าผลตอบแทนจาก SET Index และ SET50 Index ยกตัวอย่างปีที่ผ่านมาซึ่งเป็นปีที่ตลาดหุ้นปรับตัวลดลงอย่างมาก โดย SET Index ให้ผลตอบแทน -14.0% และ -18.7% ตามลำดับ ขณะที่หุ้นที่ผ่านเกณฑ์ CG ให้ผลตอบแทนติดลบเพียง -3.5% และในปีที่ตลาดหุ้นดีหุ้นกลุ่มดังกล่าวก็สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีกว่าตลาดด้วยเช่นกัน”
ดร.วิน กล่าวต่อว่า การเสนอขายกองทุนที่มีนโยบายดังกล่าว ถือเป็นอีกหนึ่งบทบาทในฐานะผู้ลงทุนสถาบันที่ยังคงสนับสนุนให้เกิดการตื่นตัวของภาคตลาดทุนเพื่อร่วมกันต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชัน โดยคัดกรองลงทุนเฉพาะหุ้นที่มีการบริหารงานอย่างโปร่งใส เป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ลงทุนจะไม่โดนเอาเปรียบจากการลงทุน และได้ลงทุนในหุ้นที่มีผลการดำเนินงานที่ดี