โดยบริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน)
http://www.krungsrisecurities.com
นับตั้งแต่กลางปีที่แล้วจนถึงต้นปีผ่านมาตลาดมีความผันผวนหนักมาก ซึ่งเกิดจากหลายสาเหตุ ทั้งราคาน้ำมันดิบทำสถิติต่ำสุดในรอบ 13 ปี ความกังวลต่อเศรษฐกิจจีน การลดค่าเงินหยวนจนอ่อนค่าต่ำสุดในรอบ 5 ปี
กระทั่งญี่ปุ่นที่ต้องใช้นโยบายดอกเบี้ยติดลบเป็นครั้งแรก ถ้ามองเศรษฐกิจในประเทศไทย แม้จะพยายามกระตุ้นเศรษฐกิจแล้วแต่ภาพรวมก็ยังไม่ดีขึ้น แล้วยังต้องพบกับการประมูลคลื่น 4G ที่มีมูลค่าสูงมาก การแข่งขันอย่างดุเดือดของทีวีดิจิตอล และ ภัยแล้ง ทุกอย่างล้วนแต่มีผลกระทบต่อชีวิตเรา และหุ้นในตลาดทั้งนั้น
คำถามที่เราต้องถามตัวเองกันก่อน เราจะอยู่กับตลาดที่มีสภาพผันผวนแบบนี้กันต่อไปอย่างไร ถ้ามองกันที่หุ้นรายตัว ยังมีหุ้นที่พื้นฐานแข็งแรง PE หรือ PB ยังไม่สูงมากเมื่อเทียบกับอุตสาหกรรม หรือหุ้นที่มีส่วนลดลงมากจากสภาวะตลาดที่ผันผวน
ในระยะยาวหุ้นเหล่านี้น่าจะสามารถทำกำไรให้แก่นักลงทุนได้ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นโดยส่วนมาก แม้จะเป็นหุ้นที่พื้นฐานดี ก็อาจจะต้องรอเวลาของหุ้นตัวนั้น
ถ้านักลงทุนเข้าลงทุนผิดจังหวะ ราคาหุ้นอาจชะงักอยู่ที่เดิมหรือบางทีราคาอาจตกต่ำลงกว่าที่ซื้อไว้ หากมีหุ้นตัวอื่นเริ่มมีการขยับขึ้นก่อน อาจทำให้นักลงทุนบางคนเกิดอาการลังเลจนตัดใจขายหุ้นที่เลือกไว้ดีแล้วเพื่อจะไปซื้อหุ้นตัวอื่น ก็คงต้องใช้เวลาพิสูจน์ว่าเป็นการกระทำที่ถูกหรือผิด
ดังนั้น หลังจากเลือกหุ้นที่น่าสนใจได้แล้ว คงต้องใช้ปัจจัยทางเทคนิคเข้ามาประกอบการตัดสินใจ เพื่อกำหนดกรอบราคาที่จะเข้าลงทุน รวมทั้งแนวรับแนวต้าน และต้องมีวินัยในการลงทุน สามารถทนถือหุ้นในระยะยาว หรือทำกำไรในสภาวะที่เหมาะสม และยอมรับการขาดทุนได้ถ้าเราลงทุนผิดตัวแล้วราคาถึงจุดที่กำหนดไว้ รวมทั้งควรจะแบ่งส่วนการลงทุนเพื่อจัดการกับความเสี่ยงจากที่นักลงทุนเลือกลงทุนผิดทาง ทั้งยังช่วยทำให้นักลงทุนสามารถจัดการพอร์ตลงทุนทั้งระยะสั้น และยาวได้ด้วย
สิ่งที่อธิบายมาเหมือนจะทำได้ง่ายๆ แต่นักลงทุนจะต้องศึกษาข้อมูลกันอย่างจริงจัง เช่น ข้อมูลผลประกอบการ แนวโน้มการเจริญเติบโตของธุรกิจ ผลกระทบต่างๆ ทั้งจากในและนอกประเทศ ซึ่งปัจจุบันสามารถหากันได้ง่ายมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลข่าวสารต่างๆ ทั้งจากสื่อ และอินเทอร์เน็ตต่างๆ ข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์ เช่น www.set.or.th, www.setsmart.com ข้อมูลที่ได้จากเจ้าหน้าที่การตลาด และนักวิเคราะห์ทางหลักทรัพย์มีไว้ให้บริการ เช่น efin Stock Pick Up หรือ Aspen ซึ่งสามารถแจ้งเตือน ส่งข่าว และเครื่องมือช่วยให้ท่านเลือกหุ้นได้ง่ายขึ้น แต่ที่อยากจะเน้นท่านนักลงทุนจริงๆ นั้น อยากจะให้ทุกท่านเข้าใจในหุ้นที่ท่านกำลังลงทุน และมีวินัยในการลงทุนตามแผนที่กำหนดไว้ ไม่ได้ใช้อารมณ์หรือตกใจไปกับสภาวะตลาดที่เปลี่ยนแปลง
รวมทั้งข่าวที่นักลงทุนได้จากหลายๆ แหล่ง ควรจะต้องตรวจสอบและวิเคราะห์ข้อมูลให้ดีก่อนจึงเข้าไปลงทุน เราเชื่อว่าการลงทุนอย่างรอบคอบจะสามารถสร้างผลกำไรให้ท่านนักลงทุนได้ และสามารถเดินอยู่บนเส้นทางการลงทุนได้อย่างยั่งยืน
กล่าวโดยสรุป การลงทุนควรใช้ทั้งปัจจัยพื้นฐานและปัจจัยทางเทคนิคประกอบกัน การใช้ปัจจัยพื้นฐานก็เสมือนเราคัดเลือกเมล็ดพันธุ์พืชที่ดี การใช้ปัจจัยทางเทคนิคเปรียบเสมือนฤดูกาลที่เมล็ดพันธุ์จะเติบโตให้ดอกผลสมบูรณ์ จึงต้องอาศัยทั้งเมล็ดพันธุ์ที่ดีและเพาะปลูกอย่างถูกต้องตามฤดูกาลนี่เอง