บลจ.กสิกรไทยมองปัจจัยในประเทศช่วยหนุนให้หุ้นไทยไปต่อ พร้อมมองแรงเทขาย LTF กระทบหุ้นเพียงช่วงสั้นๆ คาดดัชนีหุ้นไทยปลายปีนี้อยู่ที่ระดับ 1,400-1,450 จุด
นายวศิน วณิชย์วรนันต์ ประธานกรรมการบริหาร บลจ.กสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า หลังจากเปิดรับศักราชใหม่ดัชนีหุ้นไทยยังผันผวนไม่ต่างจากช่วงปลายปีที่ผ่านมา โดย บลจ.กสิกรไทยมองว่าปัจจัยที่ส่งผลกระทบทำให้หุ้นไทยปรับลดเป็นเพราะผู้ลงทุนส่วนใหญ่ยังคงกังวลกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา ทั้งเรื่องที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และมีแนวโน้มว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องในปีนี้
รวมทั้งปัญหาความตึงเครียดในตะวันออกกลางที่ทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้น และตัวเลขการเติบโตของเศรษฐกิจจีนที่ออกมาต่ำกว่าคาด บวกกับผลสำรวจภาคการผลิตของจีน (PMI Manufacturing) ที่ชะลอตัว ยิ่งเพิ่มความกังวลต่อภาพรวมเศรษฐกิจจีน ทั้งนี้ นอกจากปัจจัยกดดันจากต่างประเทศแล้ว ยังมีปัจจัยเรื่องเศรษฐกิจภายในประเทศ อย่างไรก็ตาม ทาง บลจ.กสิกรไทยมองว่าแรงขายคืนกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ที่เริ่มมีลูกค้าทยอยขายคืนเนื่องจากครบกำหนดอายุถือครอง ตั้งแต่วันเปิดทำการซื้อขายวันแรกของปีนี้ น่าจะเป็นเพียงผลกระทบส่วนหนึ่งเท่านั้น โดยมูลค่ากองทุน LTF ที่ครบเงื่อนไขภาษีในปีนี้อยู่ที่ประมาณ 21,000 ล้านบาท
นายวศิน กล่าวเพิ่มเติมว่า แม้จะยังมีปัจจัยลบหลายปัจจัยที่กดดันให้ตลาดหุ้นไทยผันผวน แต่อย่างไรก็ตามเชื่อว่าในปี 2559 นี้รัฐบาลน่าจะเร่งขับเคลื่อนนโยบายต่างๆ ให้เป็นรูปธรรมชัดเจนมากกว่าปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นการเร่งรัดการลงทุนในภาคอุตสาหกรรมโดยเฉพาะอุตสาหกรรมเป้าหมาย 10 อุตสาหกรรม ซึ่งน่าจะส่งผลดีต่อเนื่องไปยังภาคการส่งออก และการกระตุ้นการอุปโภคบริโภคภายในประเทศ
โดยบีโอไอตั้งเป้าว่าในปี 2559 มูลค่าการของบส่งเสริมการลงทุนน่าจะอยู่ที่ 4.5 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2558 ซึ่งมีมูลค่าอยู่ที่ 2.1 แสนล้านบาท เท่ากับว่าขยายตัวเพิ่มขึ้นหนึ่งเท่าตัว และการเร่งลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานซึ่งหากดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพจะส่งผลดีต่อความเชื่อมั่นในการบริโภคและการลงทุนของภาคเอกชน เพื่อผลักดันให้เศรษฐกิจสามารถเติบโตตามเป้าที่วางไว้ได้ ทั้งนี้ บลจ.กสิกรไทยและศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่าตัวเลข GDP ของไทยในปี 2559 จะขยายตัวได้ในกรอบ 2.5%-3.5% และ บลจ.กสิกรไทยตั้งเป้าหมายดัชนีหุ้นไทยปลายปี 2559 ที่ระดับ 1,400-1,450 จุด
สำหรับผู้ลงทุนที่สนใจลงทุนในช่วงนี้ อาจต้องติดตามข่าวสาร และอัปเดตสถานการณ์เศรษฐกิจอย่างใกล้ชิดเพื่อไม่พลาดโอกาสในการลงทุน โดยเฉพาะผู้ลงทุนที่ชอบจับจังหวะลงทุน ดังนั้น เพื่อให้การลงทุนเป็นเรื่องง่าย และทันทุกโอกาสการลงทุน บลจ.กสิกรไทยจึงได้มีการพัฒนาระบบการให้บริการอย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อตอบโจทย์ผู้ใช้บริการได้อย่างครบครัน อาทิ K-Cyber Invest หรือบริการลงทุนในกองทุนรวมทางอินเทอร์เน็ตกสิกรไทย ซึ่งบริษัทมีการปรับปรุงการให้บริการเพื่อตอบสนองความต้องการใหม่ๆ ของผู้ลงทุนอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นบริการเสริม DIY Target Fund ตัวช่วยที่ทำให้ผู้ลงทุนสามารถวางแผนเป้าหมายการลงทุนได้ด้วยตนเอง
และล่าสุดกับการเพิ่มช่องทางบริการซื้อ-ขายกองทุนรวมผ่านแอปพลิเคชัน K-Mobile Banking Plus ก็นับว่าเป็นอีกขั้นของการพัฒนาระบบการให้บริการ ซึ่ง บลจ.กสิกรไทยเชื่อว่าจะได้รับผลตอบรับที่ดีจากผู้ลงทุนเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะลูกค้ากองทุนรวมที่มีการใช้งานแอปพลิเคชันอยู่แล้ว เนื่องจากมีขั้นตอนการใช้งานที่ง่าย รวดเร็ว ไม่ต้องไปที่สาขา อีกทั้งยังสามารถซื้อขายกองทุนได้บ่อยตามความต้องการ และทยอยลงทุนได้ตลอดทั้งปี และสามารถหาจังหวะการลงทุนที่เหมาะสมได้ด้วยตนเอง
พร้อมกันนี้ บลจ.กสิกรไทยยังได้จัดโปรโมชันเอาใจลูกค้าที่ชอบลงทุนออนไลน์ โดยลูกค้ากองทุนกสิกรไทยที่มีการลงทุนผ่านช่องทาง K-Cyber Invest บริการลงทุนในกองทุนรวมทางอินเทอร์เน็ตกสิกรไทย รวมถึงลูกค้าที่มีการลงทุนผ่านแอปพลิเคชัน K-Mobile Banking PLUS เฉพาะกองทุนที่เข้าร่วมรายการ ได้แก่ กองทุนในกลุ่ม LTF/RMF, กองทุนในกลุ่ม K-EQUITY MUTUAL FUND และกองทุนรวมต่างประเทศ (K-FIF MUTUAL FUND) โดยผู้ที่มียอดเงินลงทุนในกลุ่มกองทุนดังกล่าวในระหว่างวันที่ 30 ธันวาคม 2558-29 กุมภาพันธ์ 2559 ทุกๆ 100,000 บาท จะได้รับหน่วยลงทุน K-MONEY มูลค่า 100 บาท และสูงสุดไม่เกิน 10,000 บาทต่อท่าน