บลจ.วรรณประเมินเหตุการณ์วางระเบิดในกรุงเทพฯ ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นนักลงทุนในระยะสั้น แนะผู้ลงทุนติดตามดูสถานการณ์ใกล้ชิด ระยะสั้นหลีกเลี่ยงการลงทุนในกลุ่มท่องเที่ยว ขนส่ง และโรงพยาบาล เชื่อมั่นไตรมาส 4 หุ้นไทยกลับสู่ภาวะปกติ
นายวิน อุดมรัชตวนิชย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม วรรณ จำกัด เปิดเผยว่า ในระยะสั้นตลาดหุ้นไทยยังคงผันผวนรุนแรงจากสถานการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นในช่วงวันที่ 17-18 สิงหาคมที่ผ่านมา โดยเฉพาะความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยว และประชาชนที่ลดลงจากสถานการณ์ดังกล่าว ประกอบกับหลายประเทศได้ออกประกาศเตือนนักท่องเที่ยวของตนเองที่จะเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยด้วย ซึ่งปัจจัยดังกล่าวส่งผลต่อหุ้นในกลุ่มอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว เช่น กลุ่มขนส่ง สายการบิน และกลุ่มโรงพยาบาล ที่ในระยะสั้นถูกผลกระทบจากแนวโน้มนักท่องเที่ยวที่อาจจะลดลงในระยะสั้นได้ และอาจส่งผลกระทบในระยะยาวหากมีสถานการณ์ความไม่สงบเกิดขึ้นต่อเนื่องในระยะถัดไป อย่างไรก็ดี บลจ.วรรณ มองกรอบดัชนีในสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,350-1,400 จุด โดยมีแนวรับสำคัญทางเทคนิคที่ระดับ 1,360 จุด
“สำหรับปัจจัยสำคัญที่ต้องจับตามอง ได้แก่ สถานการณ์ความไม่สงบที่อาจจะเกิดขึ้นได้ต่อเนื่องจากกลุ่มผู้ไม่หวังดี และตัวเลขนักท่องเที่ยวในเดือน ส.ค. และ ก.ย. ว่าจะมีการปรับลดลงมากน้อยเพียงใดด้วย ซึ่งหากสถานการณ์ยังคงรุนแรงและตัวเลขนักท่องเที่ยวหดตัวลดลงชัดเจนก็อาจส่งผลกระทบให้ตลาดปรับประมาณการผลกำไรของหุ้นในกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับภาคการท่องเที่ยวลงอีก ซึ่งปัจจุบันนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ในตลาดได้ปรับลดประมาณการกำไรของหุ้นที่เกี่ยวข้องดังกล่าวลงแล้วประมาณ 5-10% อย่างไรก็ดี หากเทียบสถานการณ์ปัจจุบันกับเหตุการณ์ในอดีต พบว่าราคาหุ้นดังกล่าวได้รับผลกระทบในระยะสั้นเพียง 3-4 เดือนเท่านั้นก่อนที่จะปรับเข้าสู่ภาวะปกติ ซึ่งในครั้งนี้ก็จะสอดคล้องกับช่วงไตรมาสที่ 4 ซึ่งเป็นฤดูกาลท่องเที่ยวหรือ High Season พอดี” นายวินกล่าว
นายวิน กล่าวต่อว่า ในภาพรวมด้านการลงทุนในตลาดหุ้นไทยในขณะนี้ บลจ.วรรณแนะนำให้ลงทุนในกลุ่มที่ไม่ได้รับผลกระทบหรือได้รับผลกระทบน้อยจากสถานการณ์ความไม่สงบดังกล่าว เช่น กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง (Construction Services) และกลุ่มวัสดุก่อสร้าง (Construction Materials) เนื่องจากมีความเป็นไปได้สูงที่รัฐบาลจะต้องเร่งการลงทุนภาครัฐเพื่อเรียกความเชื่อมั่นกลับคืน รวมถึงเน้นลงทุนในหุ้นที่มีการจ่ายปันผลสูง (High Dividend Yield) อาทิ กลุ่มสื่อสารและโทรคมนาคม ซึ่งนอกจากเงินปันผลที่อยู่ในระดับสูงแล้ว ยังมีปัจจัยบวกเรื่องการประมูล 4G ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในเดือนพฤศจิกายนนี้อีกด้วย
อย่างไรก็ดี ประเด็นที่ยังคงต้องติดตามต่อไป ได้แก่ รายชื่อคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ภายใต้รัฐบาลของ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งล่าสุดนายกรัฐมนตรีได้เสนอรายชื่อทูลเกล้าฯ แล้ว ซึ่งหากรายชื่อคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ประกอบด้วยบุคคลที่ได้รับการยอมรับในวงกว้าง สามารถเรียกความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจและภาคประชาชนกลับคืนมาได้ ย่อมส่งผลดีต่อภาพรวมเศรษฐกิจและการลงทุนระยะถัดไป ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศ นั้น บลจ.วรรณมีมุมมองว่าสถานการณ์เริ่มดีขึ้นตามลำดับ โดยเฉพาะค่าเงินหยวนที่มีแนวโน้มมีเสถียรภาพมากขึ้น และสถานการณ์ในยุโรปก็มีแนวโน้มดีขึ้นเช่นกันหลังแผนการให้เงินช่วยเหลือกรีซเริ่มเจรจาตกลงกันได้
ทั้งนี้ บลจ.วรรณคาดว่าตลาดหุ้นได้รับรู้ผลเชิงลบจากแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ ในเดือนกันยายนนี้ไปพอสมควรแล้ว ซึ่งตลาดคาดว่าการปรับขึ้นดอกเบี้ยจะเป็นไปอย่างจำกัดและค่อนข้างช้า ทำให้ตลาดอาจไม่ได้ปรับตัวลดลงรุนแรงอย่างที่นักลงทุนวิตกกังวลไว้
“การปรับตัวลดลงของหุ้นไทยในปัจจุบันเป็นโอกาสที่ดีในการเข้าลงทุนในกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) โดยในไตรมาสที่ 4 บลจ.วรรณมองว่าตลาดหุ้นไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวกลับมาได้ โดยมองเป้าระดับดัชนี ณ สิ้นปี 2558 ที่ระดับ 1,457 จุด คิดเป็นระดับ PE ปี 2015 ที่ระดับ 15 เท่า ซึ่งเป็นระดับเหมาะสมเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยในภูมิภาค”นายวินกล่าว