บลจ.กสิกรไทยชวนเศรษฐีกระเป๋าหนัก-รับความเสี่ยงได้สูง ลงทุนนอกกระจายความเสี่ยงหลากสินทรัพย์ทั่วโลก เน้นสร้างผลตอบแทนระยะยาวอย่างสม่ำเสมอ เปิดขายกองทุนใหม่ “เค โกลบอล อินคัม” ลงทุนผ่านกองหลักยอดนิยมที่บริหารโดย JP Morgan Investment Funds
นายนาวิน อินทรสมบัติ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันการลงทุนในสินทรัพย์ใดสินทรัพย์หนึ่งเพียงอย่างเดียวอาจไม่สามารถให้ผลตอบแทนที่สม่ำเสมอภายใต้ความเสี่ยงที่สามารถยอมรับได้ การกระจายลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลายประเภททั่วโลก และลงทุนในสินทรัพย์ที่มีการจ่ายรายได้สม่ำเสมอน่าจะตอบโจทย์แก่ผู้ลงทุนที่ต้องการสร้างกระแสรายได้ผ่านกองทุนรวม แต่ยังช่วยเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีอย่างสม่ำเสมอในทุกสภาวะเศรษฐกิจได้
ทั้งนี้ ล่าสุดบริษัทจึงทำการเสนอขายกองทุนเปิดเค โกลบอล อินคัม (K-GINCOME)ระหว่างวันที่ 2-8 มิถุนายน 2558 โดยมีนโยบายลงทุนผ่านกองทุนหลัก JP Morgan Investment Funds - Global Income Fund, Class A (mth) - EUR ซึ่งได้รับความนิยมสูงด้วยขนาดสินทรัพย์มูลค่ารวมกว่า 5 แสนล้านบาท บริหารจัดการโดย J.P. Morgan Asset Management และจะมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 75 ของมูลค่าเงินลงทุนในต่างประเทศ
สำหรับสินทรัพย์ที่มีการจ่ายรายได้สม่ำเสมอที่จะทำการลงทุน เช่น หุ้นที่มีอัตราการจ่ายปันผลสูง ตราสารหนี้ที่ให้ผลตอบแทนสูงที่มีอันดับความน่าเชื่อถือต่ำกว่าที่ลงทุนได้ (Non Investment Grade High-Yield Bond) และทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REITs) ทั่วโลก โดยกองทุนมีจุดเด่นสำคัญคือความยืดหยุ่นในการปรับพอร์ตการลงทุนให้มีความเหมาะสมและสอดคล้องต่อทุกสภาวะการเปลี่ยนแปลงของตลาดอยู่ตลอดเวลา
นายนาวิน กล่าวอีกว่า สำหรับกองทุนหลักที่บริษัทเลือกลงทุนมีกลยุทธ์กระจายการลงทุนในหลากหลายสินทรัพย์กว่า 1,500 หลักทรัพย์ทั่วโลก และจะเน้นลงทุนในสินทรัพย์ที่มีการจ่ายรายได้ประจำ เช่น ตราสารหนี้ หุ้นกู้แปลงสภาพ หุ้นบุริมสิทธิ หุ้นที่จ่ายปันผลสูง ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REITs) และสินทรัพย์อื่นๆ ทั่วโลกรวมไปถึงในกลุ่มประเทศเกิดใหม่
นอกจากนี้ กองทุนหลักยังมีจุดเด่น คือ กองทุนมีความยืดหยุ่นในการปรับสัดส่วนการลงทุนให้สอดคล้องและทันต่อสภาวะเศรษฐกิจที่มีการเปลี่ยนแปลง โดยทีมผู้จัดการกองทุนที่มีประสบการณ์บริหารเงินลงทุนยาวนานเฉลี่ยกว่า 30 ปี และมีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางในสินทรัพย์แต่ละประเภททั่วโลก ทำให้กองทุนหลักมีผลการดำเนินงานย้อนหลังที่ดีต่อเนื่อง และมีประวัติการจ่ายผลตอบแทนอย่างสม่ำเสมอ โดยผลดำเนินงานย้อนหลัง 1 ปีให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 7.4% ต่อปี ผลดำเนินงานย้อนหลัง 3 ปีให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 9% ต่อปี และผลดำเนินงานย้อนหลัง 5 ปีให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 7.7% ต่อปี (ข้อมูล ณ 30 เม.ย. 58)
ทั้งนี้ กองทุน K-GINCOME เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีอย่างสม่ำเสมอจากการลงทุนในระยะปานกลางถึงยาว โดยมีผู้เชี่ยวชาญจัดการเรื่องการจัดสัดส่วนการลงทุนให้เหมาะสมกับภาวะการลงทุน โดยกองทุนจะมีการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติไม่เกิน 12 ครั้งต่อปี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน อย่างไรก็ดี กองทุนนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ยอมรับความเสี่ยงได้ในระดับค่อนข้างสูง เนื่องจากกองทุนจะมีการลงทุนบางส่วนในตราสารที่มีความเสี่ยงและซับซ้อนสูง จึงเป็นกองทุนที่เสนอขายกลุ่มผู้ลงทุนที่มิใช่รายย่อยและผู้มีเงินลงทุนสูง โดยผู้ลงทุนสามารถเริ่มต้นลงทุนด้วยเงินขั้นต่ำ 550,000 บาท
นายนาวิน อินทรสมบัติ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันการลงทุนในสินทรัพย์ใดสินทรัพย์หนึ่งเพียงอย่างเดียวอาจไม่สามารถให้ผลตอบแทนที่สม่ำเสมอภายใต้ความเสี่ยงที่สามารถยอมรับได้ การกระจายลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลายประเภททั่วโลก และลงทุนในสินทรัพย์ที่มีการจ่ายรายได้สม่ำเสมอน่าจะตอบโจทย์แก่ผู้ลงทุนที่ต้องการสร้างกระแสรายได้ผ่านกองทุนรวม แต่ยังช่วยเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีอย่างสม่ำเสมอในทุกสภาวะเศรษฐกิจได้
ทั้งนี้ ล่าสุดบริษัทจึงทำการเสนอขายกองทุนเปิดเค โกลบอล อินคัม (K-GINCOME)ระหว่างวันที่ 2-8 มิถุนายน 2558 โดยมีนโยบายลงทุนผ่านกองทุนหลัก JP Morgan Investment Funds - Global Income Fund, Class A (mth) - EUR ซึ่งได้รับความนิยมสูงด้วยขนาดสินทรัพย์มูลค่ารวมกว่า 5 แสนล้านบาท บริหารจัดการโดย J.P. Morgan Asset Management และจะมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 75 ของมูลค่าเงินลงทุนในต่างประเทศ
สำหรับสินทรัพย์ที่มีการจ่ายรายได้สม่ำเสมอที่จะทำการลงทุน เช่น หุ้นที่มีอัตราการจ่ายปันผลสูง ตราสารหนี้ที่ให้ผลตอบแทนสูงที่มีอันดับความน่าเชื่อถือต่ำกว่าที่ลงทุนได้ (Non Investment Grade High-Yield Bond) และทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REITs) ทั่วโลก โดยกองทุนมีจุดเด่นสำคัญคือความยืดหยุ่นในการปรับพอร์ตการลงทุนให้มีความเหมาะสมและสอดคล้องต่อทุกสภาวะการเปลี่ยนแปลงของตลาดอยู่ตลอดเวลา
นายนาวิน กล่าวอีกว่า สำหรับกองทุนหลักที่บริษัทเลือกลงทุนมีกลยุทธ์กระจายการลงทุนในหลากหลายสินทรัพย์กว่า 1,500 หลักทรัพย์ทั่วโลก และจะเน้นลงทุนในสินทรัพย์ที่มีการจ่ายรายได้ประจำ เช่น ตราสารหนี้ หุ้นกู้แปลงสภาพ หุ้นบุริมสิทธิ หุ้นที่จ่ายปันผลสูง ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REITs) และสินทรัพย์อื่นๆ ทั่วโลกรวมไปถึงในกลุ่มประเทศเกิดใหม่
นอกจากนี้ กองทุนหลักยังมีจุดเด่น คือ กองทุนมีความยืดหยุ่นในการปรับสัดส่วนการลงทุนให้สอดคล้องและทันต่อสภาวะเศรษฐกิจที่มีการเปลี่ยนแปลง โดยทีมผู้จัดการกองทุนที่มีประสบการณ์บริหารเงินลงทุนยาวนานเฉลี่ยกว่า 30 ปี และมีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางในสินทรัพย์แต่ละประเภททั่วโลก ทำให้กองทุนหลักมีผลการดำเนินงานย้อนหลังที่ดีต่อเนื่อง และมีประวัติการจ่ายผลตอบแทนอย่างสม่ำเสมอ โดยผลดำเนินงานย้อนหลัง 1 ปีให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 7.4% ต่อปี ผลดำเนินงานย้อนหลัง 3 ปีให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 9% ต่อปี และผลดำเนินงานย้อนหลัง 5 ปีให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 7.7% ต่อปี (ข้อมูล ณ 30 เม.ย. 58)
ทั้งนี้ กองทุน K-GINCOME เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีอย่างสม่ำเสมอจากการลงทุนในระยะปานกลางถึงยาว โดยมีผู้เชี่ยวชาญจัดการเรื่องการจัดสัดส่วนการลงทุนให้เหมาะสมกับภาวะการลงทุน โดยกองทุนจะมีการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติไม่เกิน 12 ครั้งต่อปี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน อย่างไรก็ดี กองทุนนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ยอมรับความเสี่ยงได้ในระดับค่อนข้างสูง เนื่องจากกองทุนจะมีการลงทุนบางส่วนในตราสารที่มีความเสี่ยงและซับซ้อนสูง จึงเป็นกองทุนที่เสนอขายกลุ่มผู้ลงทุนที่มิใช่รายย่อยและผู้มีเงินลงทุนสูง โดยผู้ลงทุนสามารถเริ่มต้นลงทุนด้วยเงินขั้นต่ำ 550,000 บาท