กอง TRUEIF เตรียมลงทุนเพิ่ม 14,000 ล้านบาทในสินทรัพย์ใยแก้วนำแสง (fiber optic cable) ระยะทาง 303,453 คอร์กิโลเมตร และ เสาโทรคมนาคมจำนวน 338 ต้น พร้อมสร้างผลตอบแทนเพิ่มขึ้น 0.005 บาทต่อหน่วย
นายสมิทธ์ พนมยงค์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไทยพาณิชย์ จำกัด เปิดเผยว่า กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม ทรูโกรท หรือ “TRUEIF” มีแผนที่จะลงทุนเพิ่มเติมในทรัพย์สินโครงสร้างพื้นฐานประเภทโทรคมนาคมที่อยู่ภายใต้กรรมสิทธิ์ของกลุ่มบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เป็นมูลค่ารวมไม่เกิน 14,000 ล้านบาท ทั้งนี้ คาดว่าสินทรัพย์ดังกล่าวจะเข้ามาในกองทุนฯ ได้ในช่วงเดือน มี.ค. 58 นี้ ส่งผลให้มูลค่ากองทุนฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้นแตะที่ระดับ 87,000 ล้านบาท จากมูลค่าเดิมที่ 73,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ การเพิ่มสินทรัพย์ในกองทุนดังกล่าวส่งผลให้อัตราการจ่ายผลตอบแทนจากการลงทุนเพิ่มขึ้นอีก 0.005 บาทต่อหน่วย จากเป้าหมายจ่ายผลตอบแทนเดิมอยู่ที่ระดับ 0.88 บาทต่อหน่วย อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเป้าหมายการจ่ายผลตอบแทนจะอยู่ที่ 0.88 บาทต่อหน่วย แต่พอจ่ายผลตอบแทนจริงเมื่อช่วงปี 57 กองทุนฯ สามารถจ่ายผลตอบแทนได้สูงกว่าเป้าหมายที่วางไว้เป็น 0.91 บาทต่อหน่วย และการเพิ่มสินทรัพย์ลงทุนเข้าไปอีก 14,000 ล้านบาท แนวโน้มการจ่ายผลตอบแทนจะปรับตัวเพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตาม หากกองทุนฯ นำใยแก้วนำแสงในส่วนที่ยังไม่มีผู้เช่าประมาณ 30% ของใยแก้วนำแสงที่ลงทุนทั้งหมดออกให้เช่าเพิ่มเติมจนครบทั้ง 30% เชื่อว่าผลตอบแทนจะขยับเพิ่มขึ้นสูงถึง 0.6 บาทต่อหน่วยเลยทีเดียว อาจจะต้องใช้ระยะเวลาในการหาผู้เช่าดังกล่าวพอสมควร สำหรับสัดส่วนการถือหน่วยลงทุนของกองทุนฯ นี้ แบ่งออกเป็นนักลงทุนสถาบันในประเทศ 20% นักลงทุนรายย่อย 30% สปอนเซอร์ 30% และนักลงทุนต่างชาติ 20% ในส่วนของนักลงทุนต่างชาติได้มีการขยับขึ้นมาจาก 2-3% ในช่วงเสนอขายครั้งแรกเมื่อวันที่ 28 ธ.ค. 56 ขยับมาเป็น 20% ในปัจจุบัน
โดยสินทรัพย์ที่เพิ่มเข้ามาใหม่จะไม่สูงกว่าราคาประเมินค่าต่ำสุดของผู้ประเมินราคาอิสระทั้งสองราย โดยการใช้เงินกู้จากกลุ่มสถาบันการเงินทั้งจำนวน เนื่องจากมีต้นทุนทางการเงินต่ำกว่า สำหรับทรัพย์สินที่จะลงทุนเพิ่มเติมมี 2 ส่วนด้วยกัน คือ 1. สิทธิการเช่าระยะยาวเป็นเวลา 20 ปี พร้อมสิทธิในการซื้อทรัพย์สินที่ราคา 500 ล้านบาท สำหรับใยแก้วนำแสง (fiber optic cable หรือ FOC) ระยะทาง 303,453 คอร์กิโลเมตร และ 2. สิทธิในการรับประโยชน์จากรายได้สุทธิที่เกิดจากการให้เช่าเสาโทรคมนาคม จำนวน 338 ต้น ไม่น้อยกว่า 11 ปี พร้อมรับโอนทรัพย์สินทันทีหลังจากที่หมดสัญญาการซื้อสิทธิรับประโยชน์
“การลงทุนในทรัพย์สินโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมเพิ่มเติมครั้งนี้เป็นโอกาสที่กองทุนฯ จะเติบโตและมีศักยภาพมากขึ้น เนื่องจากมีขนาดของทรัพย์สินใหญ่ขึ้น ครอบคลุมพื้นที่มากขึ้น ทำให้กองทุนฯ เป็นที่น่าสนใจและมีโอกาสที่จะมีผู้เช่ารายอื่นมากขึ้น ส่งผลให้มีรายได้ค่าเช่าเพิ่มขึ้นนอกเหนือจากรายได้ค่าเช่าจากผู้เช่าหลักในปัจจุบัน ตลอดจนยังมีโอกาสได้รับค่าเช่าเพิ่มขึ้นในอนาคตจากผู้เช่ารายอื่น นอกจากนั้นยังมีโอกาสได้รับผลตอบแทนมากขึ้นอีก จากการนำใยแก้วนำแสงในส่วนที่ยังไม่มีผู้เช่าประมาณ 30% ของใยแก้วนำแสงที่ลงทุนทั้งหมดออกให้เช่าเพื่อสร้างผลตอบแทนเพิ่มเติม ทำให้ผู้ถือหน่วยลงทุนมีโอกาสได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนเพิ่มขึ้นอีกด้วย”
สำหรับผลการดำเนินงานของกองทุน TRUEIF ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. ถึง 31 ธ.ค. 57 กองทุนสามารถจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยไปแล้วทั้งสิ้น 4 ครั้ง รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 0.91 บาทต่อหน่วย ซึ่งสูงกว่าประมาณการจ่ายเงินปันผลตามหนังสือชี้ชวนที่ 0.88 บาทต่อหน่วย แสดงให้เห็นถึงศักยภาพและโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีสม่ำเสมอ และกองทุนฯ ยังมีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่สูงขึ้นจากการลงทุนเพิ่มเติมในทรัพย์สินโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม รวมทั้งเติบโตจากการนำทรัพย์สินออกให้เช่าแก่ผู้ประกอบการรายอื่นนอกเหนือจากกลุ่มทรูอีกด้วย โดย ณ วันที่ 31 ธ.ค. 57 กองทุนฯ มีสินทรัพย์สุทธิ 72,113,243,596.89 บาท