บลจ.กรุงไทยปลื้มกองทุนทริเกอร์นอร์ทเอเชียเข้าเป้า 5% ภายใน 2 เดือน พร้อมส่งกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้นเอาใจนักลงทุนชอบเสี่ยงต่ำ
นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า หลังจากที่บริษัทเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดเคแทม นอร์ท เอเชีย อิควิตี้ 5% ทริกเกอร์ ฟันด์ (KTNA5) ในช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมาบริษัทสามารถสร้างผลตอบแทนให้ถึงเป้าหมาย 5%
โดยใช้ระยะเวลาในการบริหารประมาณ 2 เดือน ซึ่งถึงเป้าหมายก่อนครบอายุโครงการที่กำหนดไว้ 6 เดือนโดยกองทุนจะสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนทั้งหมดไปยังกองทุนเปิดกรุงไทยสะสมทรัพย์ ซึ่งผู้ถือหน่วยลงทุนสามารถขายคืนได้ในวันที่ 30 มีนาคม 2558 เป็นต้นไป
ทั้งนี้ ในช่วงเวลาที่เปิดจำหน่ายกองทุน KTNA5 นับเป็นจังหวะการลงทุนที่ดี บริษัทเห็นโอกาสในการสร้างผลตอบแทนให้แก่ผู้ลงทุน สำหรับการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ของประเทศในภูมิภาคเอเชียเหนือ ได้แก่ ญี่ปุ่น จีน ฮ่องกง และเกาหลีใต้ ซึ่งราคาหุ้นในภูมิภาคนี้ถือว่าค่อนข้างถูกในช่วงที่ผ่านมา
โดยกลยุทธ์การลงทุนของบริษัทได้เน้นลงทุนในดัชนีตลาดหลักทรัพย์ญี่ปุ่นและจีน ซึ่งตลาดหลักทรัพย์ญี่ปุ่นได้รับปัจจัยบวกจากการที่ธนาคารกลางญี่ปุ่นมีมติผ่อนคลายทางการเงินต่อไปเมื่อวันที่ 17-18 ก.พ.ที่ผ่านมา และค่าเงินเยนยังมีแนวโน้มอ่อนตัวต่อเนื่อง ซึ่งเป็นปัจจัยบวกต่อการส่งออกและทำให้บริษัทจดทะเบียนมีผลประกอบการเชิงบวกเพิ่มขึ้น
ในขณะเดียวกัน ตลาดหลักทรัพย์จีนได้รับปัจจัยบวกจากธนาคารกลางจีน ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะ 1 ปี ลง 0.25% สู่ระดับ 5.35% และอัตราดอกเบี้ยเงินฝากระยะ 1 ปี ลง 0.25% สู่ระดับ 2.50% ซึ่งมีผลตั้งแต่ 1 มีนาคมที่ผ่านมาทำให้สภาพคล่องในตลาดเพิ่มสูงขึ้น และตลาดยังมีความคาดหวังเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอื่นๆ จากการที่คณะรัฐมนตรีจีนได้ให้คำมั่นว่าจะเร่งยกระดับนโยบายการเงิน และคุมเข้มมาตรการบางด้านอย่างมีเป้าหมาย เพื่อรับมือกับเศรษฐกิจที่กำลังเผชิญกับแรงกดดันช่วงขาลง และทางรัฐบาลจะเพิ่มความพยายามในการกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ โดยการเสนอลดหย่อนภาษีมากขึ้นสำหรับบริษัทขนาดย่อม และเพิ่มการลงทุนในโครงการเกี่ยวกับน้ำ ซึ่งปัจจัยต่างๆ ที่กล่าวมามีส่วนช่วยสร้างผลตอบแทนให้กองทุนได้เป็นอย่างดี
ทั้งนี้ บลจ.กรุงไทยพร้อมที่จะเสนอขายกองทุนในลักษณะดังกล่าวให้นักลงทุนอีก หากเห็นว่าสถานการณ์การลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ในกลุ่มประเทศนอร์ทเอเชียเอื้ออำนวยหรือมีการปรับตัวลดลง เพื่อให้ผู้ลงทุนมีโอกาสในการรับผลตอบแทนที่ดีจากการลงทุน
นอกจากนี้ บริษัทอยู่ระหว่างการเปิดจำหน่าย กองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้ เอฟไอเอฟ 64 (KTFF64) เสนอขายในวันที่ 25-31 มีนาคม 2558 อายุโครงการ 3 เดือน เน้นลงทุนตราสารต่างประเทศประมาณ 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนประเภทเงินฝากประจำ China Construction Bank, Bank of China, MTN ออกโดย Banco ABC (Brasil) และ MTN ออกโดย Banco BTG Pactual S.A.
ส่วนที่เหลือลงทุนในตั๋วแลกเงินของบริษัทบัตรกรุงไทย ผลตอบแทนประมาณ 1.90% ต่อปี และอยู่ในระหว่างการเปิดจำหน่ายรอบใหม่ (Roll Over) ของกองทุนเปิดกรุงไทยประจำ 3 เดือน คุ้มครองเงินต้น 1 (KTFIX3M1) เสนอขายถึงวันที่ 27 มีนาคม 2558 อายุโครงการ 3 เดือน เน้นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล 81% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่วนที่เหลือลงทุนในเงินฝากธนาคารทิสโก้ ผลตอบแทนประมาณ 1.60% ต่อปี
นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า หลังจากที่บริษัทเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดเคแทม นอร์ท เอเชีย อิควิตี้ 5% ทริกเกอร์ ฟันด์ (KTNA5) ในช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมาบริษัทสามารถสร้างผลตอบแทนให้ถึงเป้าหมาย 5%
โดยใช้ระยะเวลาในการบริหารประมาณ 2 เดือน ซึ่งถึงเป้าหมายก่อนครบอายุโครงการที่กำหนดไว้ 6 เดือนโดยกองทุนจะสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนทั้งหมดไปยังกองทุนเปิดกรุงไทยสะสมทรัพย์ ซึ่งผู้ถือหน่วยลงทุนสามารถขายคืนได้ในวันที่ 30 มีนาคม 2558 เป็นต้นไป
ทั้งนี้ ในช่วงเวลาที่เปิดจำหน่ายกองทุน KTNA5 นับเป็นจังหวะการลงทุนที่ดี บริษัทเห็นโอกาสในการสร้างผลตอบแทนให้แก่ผู้ลงทุน สำหรับการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ของประเทศในภูมิภาคเอเชียเหนือ ได้แก่ ญี่ปุ่น จีน ฮ่องกง และเกาหลีใต้ ซึ่งราคาหุ้นในภูมิภาคนี้ถือว่าค่อนข้างถูกในช่วงที่ผ่านมา
โดยกลยุทธ์การลงทุนของบริษัทได้เน้นลงทุนในดัชนีตลาดหลักทรัพย์ญี่ปุ่นและจีน ซึ่งตลาดหลักทรัพย์ญี่ปุ่นได้รับปัจจัยบวกจากการที่ธนาคารกลางญี่ปุ่นมีมติผ่อนคลายทางการเงินต่อไปเมื่อวันที่ 17-18 ก.พ.ที่ผ่านมา และค่าเงินเยนยังมีแนวโน้มอ่อนตัวต่อเนื่อง ซึ่งเป็นปัจจัยบวกต่อการส่งออกและทำให้บริษัทจดทะเบียนมีผลประกอบการเชิงบวกเพิ่มขึ้น
ในขณะเดียวกัน ตลาดหลักทรัพย์จีนได้รับปัจจัยบวกจากธนาคารกลางจีน ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะ 1 ปี ลง 0.25% สู่ระดับ 5.35% และอัตราดอกเบี้ยเงินฝากระยะ 1 ปี ลง 0.25% สู่ระดับ 2.50% ซึ่งมีผลตั้งแต่ 1 มีนาคมที่ผ่านมาทำให้สภาพคล่องในตลาดเพิ่มสูงขึ้น และตลาดยังมีความคาดหวังเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอื่นๆ จากการที่คณะรัฐมนตรีจีนได้ให้คำมั่นว่าจะเร่งยกระดับนโยบายการเงิน และคุมเข้มมาตรการบางด้านอย่างมีเป้าหมาย เพื่อรับมือกับเศรษฐกิจที่กำลังเผชิญกับแรงกดดันช่วงขาลง และทางรัฐบาลจะเพิ่มความพยายามในการกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ โดยการเสนอลดหย่อนภาษีมากขึ้นสำหรับบริษัทขนาดย่อม และเพิ่มการลงทุนในโครงการเกี่ยวกับน้ำ ซึ่งปัจจัยต่างๆ ที่กล่าวมามีส่วนช่วยสร้างผลตอบแทนให้กองทุนได้เป็นอย่างดี
ทั้งนี้ บลจ.กรุงไทยพร้อมที่จะเสนอขายกองทุนในลักษณะดังกล่าวให้นักลงทุนอีก หากเห็นว่าสถานการณ์การลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ในกลุ่มประเทศนอร์ทเอเชียเอื้ออำนวยหรือมีการปรับตัวลดลง เพื่อให้ผู้ลงทุนมีโอกาสในการรับผลตอบแทนที่ดีจากการลงทุน
นอกจากนี้ บริษัทอยู่ระหว่างการเปิดจำหน่าย กองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้ เอฟไอเอฟ 64 (KTFF64) เสนอขายในวันที่ 25-31 มีนาคม 2558 อายุโครงการ 3 เดือน เน้นลงทุนตราสารต่างประเทศประมาณ 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนประเภทเงินฝากประจำ China Construction Bank, Bank of China, MTN ออกโดย Banco ABC (Brasil) และ MTN ออกโดย Banco BTG Pactual S.A.
ส่วนที่เหลือลงทุนในตั๋วแลกเงินของบริษัทบัตรกรุงไทย ผลตอบแทนประมาณ 1.90% ต่อปี และอยู่ในระหว่างการเปิดจำหน่ายรอบใหม่ (Roll Over) ของกองทุนเปิดกรุงไทยประจำ 3 เดือน คุ้มครองเงินต้น 1 (KTFIX3M1) เสนอขายถึงวันที่ 27 มีนาคม 2558 อายุโครงการ 3 เดือน เน้นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล 81% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่วนที่เหลือลงทุนในเงินฝากธนาคารทิสโก้ ผลตอบแทนประมาณ 1.60% ต่อปี