บลจ.ธนชาต และ บลจ.กรุงไทย พร้อมใจไอพีโอกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้นไม่เกิน 1 ปี ชูผลตอบแทนโดนใจนักลงทุน
นายบุญชัย เกียรติธนาวิทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ธนชาต จำกัด กล่าวว่า แม้ว่าเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มสดใสขึ้นจากภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่มีภาพการฟื้นตัวอย่างชัดเจน เห็นได้จากตัวเลขการจ้างงานเดือนธันวาคมที่ออกมาดีกว่าคาด ส่งผลให้ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับเพิ่มอย่างถ้วนหน้า อย่างไรก็ตาม ปัจจัยที่ยังต้องจับตามองคือ รัสเซีย เพราะทาง Fitch Rating ได้ลดอันดับความน่าเชื่อถือรัสเซียลงเป็น BBB- ซึ่งเหนือ Junk Bond เพียง 1 ระดับเท่านั้น ด้วยเหตุผลเศรษฐกิจ ราคาน้ำมัน และค่าเงิน ดังนั้นนักลงทุนควรมีการกระจายการลงทุนทั้งในแง่ของสินทรัพย์ และประเทศที่จะลงทุน เพื่อลดความเสี่ยง และเปิดโอกาสเพิ่มผลตอบแทนให้พอร์ตการลงทุนด้วย
ทั้งนี้ บลจ.ธนชาตเสนอขายกองบอนด์ 6 เดือน 2 กอง คือ กองบอนด์ไทยคุ้มครองเงินต้น (TGOV4) 12-19 มกราคม 2558 และกองบอนด์ไทยเทศ (TFI6M88) ระหว่างวันที่ 13-16 มกราคม
ทางด้านนางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทเปิดจำหน่าย 2 กองทุน ได้แก่ กองทุนเปิดกรุงไทยธนทรัพย์ บี 132 (KTSUPB 132) เสนอขายในวันที่ 14-20 มกราคม 2558 อายุโครงการ 6 เดือน เป็นกองทุนที่เน้นลงทุนตราสารหนี้ทั้งในและต่างประเทศ ประเภทเงินฝาก Bank of China, เงินฝาก China Construction Bank, MTN ออกโดย Banco BTG Pactual S.A. และ MTN ออกโดย Banco ABC (Brasil) ในสัดส่วน 75% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่วนที่เหลือลงทุนตราสารหนี้ในประเทศ ประเภทหุ้นกู้ ตั๋วแลกเงิน สถาบันการเงิน/บริษัทเอกชน ผลตอบแทนประมาณ 2.40% ต่อปี
ส่วนกองทุนเปิดกรุงไทยสมาร์ทอินเวส 6 เดือน4 (KTSIV6M4) เสนอขายถึงวันที่ 16 มกราคม 2558 อายุ 6 เดือน มีนโยบายลงทุนตราสารหนี้ในประเทศ โดยกองทุนจะเน้นลงทุนในเงินฝาก/ตราสารหนี้ ของธนาคารออมสิน และธนาคารไอซีบีซี (ไทย) ในสัดส่วน 43% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่วนที่เหลือลงทุนในตราสารหนี้ภาคเอกชน ผลตอบแทนประมาณ 2.35% ต่อปี ซึ่งทั้ง 2 กองทุนนับเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับนักลงทุนที่ต้องการพักเงินไว้ในกองทุนที่มีโอกาสรับผลตอบแทนตามที่กำหนดไว้ และบุคคลธรรมดาไม่เสียภาษี
นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการจัดการลงทุนของบริษัทมีมติจ่ายเงินปันผลกองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้ปันผล (KTDF) ในอัตรา 0.15 บาทต่อหน่วย สำหรับผลการดำเนินงานรอบบัญชี วันที่ 1 กรกฎาคม-31 ธันวาคม 2557 โดยจะทำการปิดสมุดทะเบียนในวันที่ 19 มกราคม 2558 และจ่ายเงินปันผลในวันที่ 22 มกราคม 2558 และนับเป็นครั้งที่ 2 สำหรับการจ่ายเงินปันผลในรอบผลการดำเนินงานในปี 2557 รวมเป็นอัตราการจ่ายเงินปันผลทั้งสิ้น 0.45 บาทต่อหน่วย
ทั้งนี้ กองทุน KTDF มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ ที่บริษัทพิจารณาแล้วว่า ผู้ออก ผู้รับรอง ผู้รับอาวัล มีความมั่นคง และมีความสามารถในการชำระหนี้ และตราสารหนี้นั้น ให้ผลตอบแทนที่เหมาะสมเมื่อเทียบกับระดับความเสี่ยง รวมทั้งต้องมีสภาพคล่อง ซึ่งตราสารหนี้ดังกล่าว รวมถึงพันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรรัฐวิสาหกิจ หุ้นกู้ และตราสารหนี้อื่นๆ รวมทั้งเงินฝาก
กองทุนมีนโยบายที่จะพยายามจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยให้มากและสม่ำเสมอที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยจ่ายปีละไม่เกิน 4 ครั้ง ในอัตราครั้งละไม่ต่ำกว่าร้อยละ 90 ของกำไรสุทธิที่เกิดขึ้นจริงในงวดบัญชีที่พิจารณาจ่ายเงินปันผล แต่ทั้งนี้ บริษัทอาจพิจารณาจ่ายเงินปันผลเพิ่มเติมจากกำไรสะสมในงวดก่อนๆ ก็ได้
สำหรับผลการดำเนินงานของกองทุน ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2557 ย้อนหลัง 3 เดือน อยู่ที่ 5.78% 6 เดือน อยู่ที่ 4.03% และ 1 ปี อยู่ที่ 3.83% ส่วนอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก 1 ปี ย้อนหลัง 3 และ 6 เดือน อยู่ที่ 1.52% ย้อนหลัง 1 ปี อยู่ที่ 1.61% เกณฑ์มาตรฐาน AIMC ย้อนหลัง 3 เดือน อยู่ที่ 8.15% ย้อนหลัง 6 เดือน อยู่ที่ 6.68% และย้อนหลัง 1 ปี อยู่ที่ 5.56%
นายบุญชัย เกียรติธนาวิทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ธนชาต จำกัด กล่าวว่า แม้ว่าเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มสดใสขึ้นจากภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่มีภาพการฟื้นตัวอย่างชัดเจน เห็นได้จากตัวเลขการจ้างงานเดือนธันวาคมที่ออกมาดีกว่าคาด ส่งผลให้ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับเพิ่มอย่างถ้วนหน้า อย่างไรก็ตาม ปัจจัยที่ยังต้องจับตามองคือ รัสเซีย เพราะทาง Fitch Rating ได้ลดอันดับความน่าเชื่อถือรัสเซียลงเป็น BBB- ซึ่งเหนือ Junk Bond เพียง 1 ระดับเท่านั้น ด้วยเหตุผลเศรษฐกิจ ราคาน้ำมัน และค่าเงิน ดังนั้นนักลงทุนควรมีการกระจายการลงทุนทั้งในแง่ของสินทรัพย์ และประเทศที่จะลงทุน เพื่อลดความเสี่ยง และเปิดโอกาสเพิ่มผลตอบแทนให้พอร์ตการลงทุนด้วย
ทั้งนี้ บลจ.ธนชาตเสนอขายกองบอนด์ 6 เดือน 2 กอง คือ กองบอนด์ไทยคุ้มครองเงินต้น (TGOV4) 12-19 มกราคม 2558 และกองบอนด์ไทยเทศ (TFI6M88) ระหว่างวันที่ 13-16 มกราคม
ทางด้านนางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทเปิดจำหน่าย 2 กองทุน ได้แก่ กองทุนเปิดกรุงไทยธนทรัพย์ บี 132 (KTSUPB 132) เสนอขายในวันที่ 14-20 มกราคม 2558 อายุโครงการ 6 เดือน เป็นกองทุนที่เน้นลงทุนตราสารหนี้ทั้งในและต่างประเทศ ประเภทเงินฝาก Bank of China, เงินฝาก China Construction Bank, MTN ออกโดย Banco BTG Pactual S.A. และ MTN ออกโดย Banco ABC (Brasil) ในสัดส่วน 75% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่วนที่เหลือลงทุนตราสารหนี้ในประเทศ ประเภทหุ้นกู้ ตั๋วแลกเงิน สถาบันการเงิน/บริษัทเอกชน ผลตอบแทนประมาณ 2.40% ต่อปี
ส่วนกองทุนเปิดกรุงไทยสมาร์ทอินเวส 6 เดือน4 (KTSIV6M4) เสนอขายถึงวันที่ 16 มกราคม 2558 อายุ 6 เดือน มีนโยบายลงทุนตราสารหนี้ในประเทศ โดยกองทุนจะเน้นลงทุนในเงินฝาก/ตราสารหนี้ ของธนาคารออมสิน และธนาคารไอซีบีซี (ไทย) ในสัดส่วน 43% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่วนที่เหลือลงทุนในตราสารหนี้ภาคเอกชน ผลตอบแทนประมาณ 2.35% ต่อปี ซึ่งทั้ง 2 กองทุนนับเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับนักลงทุนที่ต้องการพักเงินไว้ในกองทุนที่มีโอกาสรับผลตอบแทนตามที่กำหนดไว้ และบุคคลธรรมดาไม่เสียภาษี
นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการจัดการลงทุนของบริษัทมีมติจ่ายเงินปันผลกองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้ปันผล (KTDF) ในอัตรา 0.15 บาทต่อหน่วย สำหรับผลการดำเนินงานรอบบัญชี วันที่ 1 กรกฎาคม-31 ธันวาคม 2557 โดยจะทำการปิดสมุดทะเบียนในวันที่ 19 มกราคม 2558 และจ่ายเงินปันผลในวันที่ 22 มกราคม 2558 และนับเป็นครั้งที่ 2 สำหรับการจ่ายเงินปันผลในรอบผลการดำเนินงานในปี 2557 รวมเป็นอัตราการจ่ายเงินปันผลทั้งสิ้น 0.45 บาทต่อหน่วย
ทั้งนี้ กองทุน KTDF มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ ที่บริษัทพิจารณาแล้วว่า ผู้ออก ผู้รับรอง ผู้รับอาวัล มีความมั่นคง และมีความสามารถในการชำระหนี้ และตราสารหนี้นั้น ให้ผลตอบแทนที่เหมาะสมเมื่อเทียบกับระดับความเสี่ยง รวมทั้งต้องมีสภาพคล่อง ซึ่งตราสารหนี้ดังกล่าว รวมถึงพันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรรัฐวิสาหกิจ หุ้นกู้ และตราสารหนี้อื่นๆ รวมทั้งเงินฝาก
กองทุนมีนโยบายที่จะพยายามจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยให้มากและสม่ำเสมอที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยจ่ายปีละไม่เกิน 4 ครั้ง ในอัตราครั้งละไม่ต่ำกว่าร้อยละ 90 ของกำไรสุทธิที่เกิดขึ้นจริงในงวดบัญชีที่พิจารณาจ่ายเงินปันผล แต่ทั้งนี้ บริษัทอาจพิจารณาจ่ายเงินปันผลเพิ่มเติมจากกำไรสะสมในงวดก่อนๆ ก็ได้
สำหรับผลการดำเนินงานของกองทุน ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2557 ย้อนหลัง 3 เดือน อยู่ที่ 5.78% 6 เดือน อยู่ที่ 4.03% และ 1 ปี อยู่ที่ 3.83% ส่วนอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก 1 ปี ย้อนหลัง 3 และ 6 เดือน อยู่ที่ 1.52% ย้อนหลัง 1 ปี อยู่ที่ 1.61% เกณฑ์มาตรฐาน AIMC ย้อนหลัง 3 เดือน อยู่ที่ 8.15% ย้อนหลัง 6 เดือน อยู่ที่ 6.68% และย้อนหลัง 1 ปี อยู่ที่ 5.56%