บลจ.วรรณยังให้น้ำหนักตลาดหุ้นไทย เชื่อ Upside Gain ยังมีต่อ มองเป้าดัชนีปี 2558 อยู่ที่ 1,700 จุด ขณะที่ บลจ.ธนชาตเห็นพ้อง เชื่อเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มเติบโตต่อ ส่งผลบวกต่อตลาดหุ้นไทย
นายวิน อุดมรัชตวนิชย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) วรรณ จำกัด กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมาตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นได้ค่อนข้างดีเนื่องจากความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่เริ่มกลับเข้าสู่ตลาดหุ้นไทยอย่างต่อเนื่อง ทั้งนักลงทุนรายย่อย สถาบัน และต่างชาติ หลังการเมืองคลี่คลายและมีรัฐบาลชุดใหม่เข้ามาบริหารประเทศและมีแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งด้านสภาพคล่องที่ล้นระบบอยู่ค่อนข้างมากเข้ามาสนับสนุน
โดยเฉพาะการอัดฉีดสภาพคล่องเพิ่มเติมของธนาคารกลางในหลายประเทศ ทั้งในส่วนของยูโรโซน ญี่ปุ่น และจีน แม้ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ จะมีมติให้ยุติการผ่อนคลายนโยบายการเงินเชิงปริมาณ (QE) ไปเรียบร้อยแล้วในเดือน ต.ค. 57 ที่ผ่านมา และทำให้ดัชนี SET Index ตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันสามารถปรับตัวขึ้นได้กว่า 22.8%
สำหรับมุมมองการลงทุนในระยะถัดไป นายวินกล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยยังคงมี Upside Gain ต่อไปได้ เนื่องจากยังมีหลายปัจจัยหนุน โดยเฉพาะในส่วนของการผ่อนคลายนโยบายการเงินเชิงปริมาณ (QE) ของแต่ละธนาคารกลางในประเทศต่างๆ ที่ยังมีโอกาสผ่อนคลายเพิ่มเติม ทำให้สภาพคล่องยังคงล้นระบบเศรษฐกิจต่อไปได้ และยังมีกระแสเงินลงทุนไหลเข้าสู่สินทรัพย์เสี่ยงต่อเนื่อง รวมทั้งอานิสงส์ของราคาน้ำมันที่ปรับลดลงก็ยังคงสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจประเทศต่างๆ จากต้นทุนการผลิตที่ลดลงโดยเฉพาะสหรัฐอเมริกาและจีน ทำให้สินทรัพย์เสี่ยงยังคงเป็นที่น่าสนใจในสายตาของนักลงทุนทั้งรายย่อย สถาบัน และต่างชาติ
ขณะเดียวกัน ในด้านของมูลค่าหุ้นไทยเอง แม้ว่าจะปรับตัวขึ้นสูงในช่วงที่ผ่านมา แต่ก็ยังต่ำกว่าเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นในกลุ่ม TIP Market (ไทย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์) โดยปัจจุบันระดับราคาหุ้นต่อกำไร (PE) ของไทยอยู่ที่ 16.91 เท่า เมื่อเทียบกับอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ที่อยู่ระดับ 17.17 และ 20.72 เท่า ทำให้มองว่าตลาดหุ้นไทยยังเป็นตลาดที่น่าสนใจอยู่ โดยมองว่า SET Index ในปี 2558 น่าจะมีโอกาสปรับตัวขึ้นทดสอบที่ระดับ 1,700 จุด
นายวิน กล่าวต่อว่า ล่าสุดกองทุนเปิด วรรณ อินคัม พรีเมียร์ ฟันด์ (ONE-PREMIER) จะมีการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติในวันที่ 11 ธ.ค. 57 ในอัตราหน่วยลงทุนละ 0.2042 บาท และจะชำระเงินค่าซื้อหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติให้แก่นักลงทุนในวันที่ 16 ธ.ค. 57 โดยตลอดทั้งปีนี้กองทุนฯ มีการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติไปทั้งหมด 4 ครั้ง ซึ่งคิดรวมเป็นการจ่ายผลตอบแทนในส่วนของการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติทั้งสิ้นประมาณ 6% ในปีนี้ จากปัจจัยบวกดังกล่าวทำให้กองทุน ONE-PREMIER ยังคงเน้นน้ำหนักการลงทุนในหุ้นไทยต่อจนกว่าจะมีสถานการณ์การลงทุนที่เปลี่ยนแปลงไปเพื่อให้กองทุนฯ สามารถบรรลุการสร้างผลตอบแทนเป้าหมายตามที่ได้ตั้งไว้โดยเฉลี่ยที่ 5-8% ต่อปี ควบคู่กับการบริหารความเสี่ยงไม่ให้กองทุนฯ มีความผันผวนไปกับตลาดมากนักในช่วงที่สถานการณ์ผันผวน
บลจ.ธนชาตมองหุ้นไทยยังโตต่อ
นายบุญชัย เกียรติธนาวิทย์ กรรมการผู้จัดการ บลจ.ธนชาต กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยยังคงมีแนวโน้มการเติบโตที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจัยหลักมาจากการปฏิรูปแผนโครงสร้างเศรษฐกิจในด้านต่างๆ ประกอบกับแนวโน้มดอกเบี้ยทั่วโลกยังทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ ทำให้การลงทุนในตลาดหุ้นยังเป็นสินทรัพย์ที่น่าสนใจลงทุน
โดยกองทุนเปิด T-Challenge19 ซึ่งเป็นกองทุนทริกเกอร์หุ้นไทย สามารถสร้างผลตอบแทนได้ตามเป้าหมายแรกที่กำหนดไว้ โดยสามารถทำกำไร 3% ภายในเวลาไม่ถึง 1 เดือน นับจากเวลาที่จดทะเบียนกองทุนเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2557 ที่ผ่านมา
“กองทุนถึงเป้าหมายแรกได้เร็วตามคาด เพราะเราเน้นวางน้ำหนักการลงทุนทั้งในส่วนของอุตสาหกรรมและหุ้นรายตัวให้เหมาะสมกับสภาพการณ์ของตลาดที่ค่อนข้างแกว่งตัว แต่เราจับจังหวะและเลือกลงทุน ประกอบกับปัจจัยบวกของตลาดจากกระแสการลงทุนของสถาบันและนักลงทุนต่างประเทศ ทำให้ทิศทางของตลาดยังอยู่ในแนวขาขึ้น” นายบุญชัยกล่าว