xs
xsm
sm
md
lg

บลจ.ธนชาตมองปี 58 หุ้นสหรัฐฯ-ญี่ปุ่นมาแรง ส่วนไทยต้องรอ ศก.ขยับตัว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


บลจ.ธนชาตเผย AUM 9 เดือนเติบโต 22.18% อยู่ที่ 16,4207 ล้านบาท เป็นเติบโตจากกองทุนรวมเป็นหลัก ตั้งเป้าปีหน้าแตะ 2 แสนล้าน มองการลงทุนปีหน้าหุ้นสหรัฐฯ ญี่ปุ่นยังมาแรง ขณะที่หุ้นไทยยังน่าสนใจหาก ศก.เติบโตจากนโยบายภาครัฐ และการส่งออก

นายบุญชัย เกียรติธนาวิทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ธนชาต จำกัด เปิดเผยว่า ในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมาบริษัทมีมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการ ณ สิ้นเดือน ต.ค. 57 อยู่ที่ 164,207 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปลายปีที่ผ่านมา 29,804 ล้านบาท หรือคิดเป็น 22.18% โดยเป็นการเติบโตเพิ่มขึ้นจากกองทุนรวม ซึ่งอยู่ที่ 13,9689 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปลายปีที่ผ่านมา 34,378 ล้านบาท หรือคิดเป็น 32.6% ขณะที่กองทุนส่วนบุคคลมีการลดลงไปจากเงินกองทุนประกันสังคมที่ครบอายุบริหาร ณ สิ้นเดือน ต.ค.อยู่ที่ 12,908 ล้านบาท ลดลงจากปลายปีที่ผ่านมา 5,657 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม คาดว่าในปีหน้ากองทุนยังโตไปต่อเนื่องจากคาดว่าอาจจะโตถึง 200,000 ล้านได้

นายบุญชัย กล่าวว่า การลงทุนในปีหน้ายังคงต้องติดตามเรื่องภาวะเศรษฐกิจต่างประเทศ การขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ที่อาจมีผลมาถึงภาวะการลงทุนในเอเชียด้วย ซึ่งหากสหรัฐฯ ขึ้นดอกเบี้ยมองว่าเป็นผลกระทบในระยะสั้น โดยในส่วนของ บลจ.ธนชาตเริ่มมองการลงทุนในภูมิภาคอาเซียนในรูปแบบ CIS ซึ่งหากมีการลงทุนก็จะเป็นการทำงานร่วมกับทาง บล.ธนชาตเป็นหลัก สำหรับการลงทุนในต่างประเทศช่วงนี้ยังให้น้ำหนักการลงทุนในตลาดสหรัฐฯ ญี่ปุ่น และยุโรป

โดยในส่วนของหุ้นไทยยังน่าสนใจอยู่ จากนโยบายการลงทุนของภาครัฐ และแนวโน้มการส่งออกที่น่าจะดีขึ้นในปีหน้า แต่ก็ยังต้องขึ้นอยู่กับปัจจัยในต่างประเทศด้วยเช่นกัน โดยมองว่าดัชนีหุ้นไทยในปีหน้าน่าจะอยู่ที่ระดับ 1,500 ปลายๆ แต่หากตามเศรษฐกิจที่เติบโตดีขึ้นมาก แต่อาจไปถึงที่ระดับ 1,600-1,700 ได้ ซึ่งยังมีปัจจัยที่ต้องติดตามคือเรื่องปัญหาหนี้ครัวเรือน ซึ่งหุ้นในกลุ่มที่น่าสนใจก็ยังเป็นที่ได้รับประโยชน์จากการลงทุนในภาครัฐ กาส่งออก การท่องเที่ยว

ทั้งนี้ มองว่าการลดการประกันเงินฝากที่ลดลงมีผลต่อการลงทุนเช่นกัน เพราะคนเริ่มมองหาการลงทุนมากขึ้น ซึ่งทาง บลจ.ธนชาตก็ทำงานกับทางธนาคารมากขึ้นในการช่วยเพื่อแนะนำให้ลงทุนในกองทุนรวม ซึ่งมีโอกาสที่จะมีเงินเข้ามาลงทุนในกองทุนรวมได้อีกมาก และมองว่ารูปแบบของธนาคารจากนี้ไปจะเป็นเรื่องการส่งเสริมการลงทุนมากขึ้น


กำลังโหลดความคิดเห็น