xs
xsm
sm
md
lg

KTAM ชี้หุ้นเอเชียเหนือราคาไม่แพง ศก.โลก-นโยบายรัฐหนุนการเติบโต

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

รูปประกอบจากอินเตอร์เน็ต
บลจ.กรุงไทยมองหุ้นเอเชียเหนือราคาถูก เศรษฐกิจมีการเติบโตจากนโยบายรัฐและจากการเติบโตของเศรษฐกิจโลก ชี้ราคาน้ำมันถูก หนุนการเติบโตของบริษัทจดทะเบียน ล่าสุดออกกองทุน “เคแทม นอร์ท เอเชีย อิควิตี้ 5% ทริกเกอร์ ฟันด์ (KTNA5)” เปิดขาย IPO วันที่ 12-20 มกราคม 2558 นี้

นายวีระ วุฒิคงศิริกูล รองกรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการลงทุน บลจ.กรุงไทย จำกัด กล่าวว่า ประเทศจีนคาดว่าเศรษฐกิจจะเติบโต 7.1% ในปี 2558 และ 6.8% ในปี 2559  ทั้งนี้   ถึงแม้การเติบโตจะมีแนวโน้มที่ลดลง แต่ทางการก็ได้มีนโยบายผ่อนคลายมากขึ้นเพื่อช่วยรองรับผลกระทบในทางลบ โดยธนาคารกลางจีนได้ลดอัตราดอกเบี้ยลง รวมถึงการอัดฉีดสภาพคล่องเข้ามาในระบบเศรษฐกิจ โดยมีแนวโน้มที่รัฐบาลจีนจะใช้มาตรการผ่อนคลายทางการเงินต่อเนื่องเพื่อให้เศรษฐกิจเติบโตและรักษาระดับการจ้างงานให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม และมูลค่าของตลาดยังอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบในภูมิภาค โดยดัชนี Shanghai SE Composite จะมีอัตราการเติบโตอยู่  ที่ 12.2%

ขณะที่เศรษฐกิจญี่ปุ่น นโยบายการเงิน-การคลังที่ยังผ่อนคลายจะเป็นปัจจัยที่ช่วยสนับสนุนและรักษาแนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจญี่ปุ่นได้ ทั้งการผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติมของธนาคารกลางญี่ปุ่น นอกจากนั้นรัฐบาลยังได้ประกาศนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 3.5 ล้านล้านเยนออกมา รวมถึงแนวโน้มที่จะมีการลดภาษี Corporate Tax ซึ่งจะเป็นปัจจัยบวกที่ช่วยให้กำไรของบริษัทจดทะเบียนเพิ่มขึ้น และยังได้รับปัจจัยบวกจากกองทุนบำเหน็จบำนาญรัฐบาลญี่ปุ่น (GPIF) ได้ปรับเปลี่ยนสัดส่วนการลงทุนเพิ่มขึ้นจากเดิม 12% ของมูลค่าเงินลงทุนทั้งหมดเป็น 25%

ด้านฮ่องกง ได้รับอานิสงส์จากการฟื้นตัวของประเทศจีน ทั้งจากด้านการค้า การลงทุน ธุรกิจการเงิน และภาคการท่องเที่ยว และการควบคุมดูแลที่ดี ทำให้ภาคการธนาคารมีคุณภาพสินทรัพย์ที่ดีซึ่งน่าจะทนต่อความผันผวนต่อกระแสเงินทุนได้   บริษัทจดทะเบียนน่าจะมีกำไรเติบโตประมาณ 10.2% ในขณะที่มูลค่าหุ้นค่อนข้างถูกเมื่อเปรียบเทียบกับในอดีต  โดยคาดเป้าหมายดัชนี Hang Seng ใน 12 เดือนข้างหน้าไว้ที่ 26,787 จุด  หรือเติบโตประมาณ 12.3% และประเทศเกาหลีใต้  การส่งออกที่มีแนวโน้มฟื้นตัวตามเศรษฐกิจโลกจะเป็นปัจจัยหลักในการสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจ

 ในขณะที่รัฐบาลเกาหลีใต้ได้มีการประกาศมาตรการทางด้านการคลังมูลค่าราว 41 ล้านล้านวอน หรือคิดเป็นประมาณ 3% ของ GDP เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และธนาคารกลางเกาหลีใต้ยังมีแนวโน้มใช้มาตรการการเงินเพิ่มเติมเพื่อช่วยสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจด้วย โดยคาดเป้าหมายดัชนีปีนี้ไว้ที่ 2,418 จุด   หรือเติบโตขึ้นประมาณ 20.2%
    
ทั้งนี้ ราคาน้ำมันที่ปรับลดลงมาในขณะนี้ถือเป็นปัจจัยบวกที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจของเอเชียซึ่งเป็นประเทศที่นำเข้าน้ำมัน เป็นปัจจัยบวกต่อผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน     ขณะเดียวกันยังมองว่าการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟด ไม่น่าจะส่งผลให้เงินทุนไหลออกจากตลาดเอเชียมากนัก เพราะญี่ปุ่นก็ยังมีการอัดฉีดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจ ขณะที่ยุโรปก็อาจจะมีการทำ QE อีกครั้ง ดังนั้นจึงไม่น่าจะมีเงินไหลออกจากเอเชียมากนัก ขณะที่กองทุนต่างๆ ก็ปรับพอร์ตการลงทุนรับภาวะดังกล่าวแล้ว
    
สำหรับอัตราดอกเบี้ยของไทย บลจ.กรุงไทยประเมินว่าอาจจะมีแนวโน้มปรับลดบ้าง แต่น่าจะคงที่ต่อไปอีกระยะเพื่อรอประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจอีกที ขณะที่ตลาดหุ้นไทยแม้จะมีแรงขายในช่วงปลายปีที่ผ่านมารวมทั้งช่วงต้นปีนี้ แต่หุ้นไทยยังมีปัจจัยพื้นฐานที่ดี การกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ และราคาน้ำมันที่ลดลงส่งผลดีต่อผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน
    
“ในภาวะดอกเบี้ยต่ำขณะนี้ และราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงมา ส่งผลให้การลงทุนในหุ้นมีความน่าสนใจ เราประเมินว่าดัชนีหุ้นไทยในปีนี้น่าจะอยู่ที่ระดับ 1,680 จุด”

ทางด้านนางชวินดา  หาญรัตนกูล  กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร  บลจ.กรุงไทย จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทจะเปิดจำหน่าย กองทุนเปิดเคแทม นอร์ท เอเชีย อิควิตี้ 5% ทริกเกอร์  ฟันด์ (KTNA5)   ในวันที่  12-20  มกราคม   2558  ลงทุนขั้นต่ำ 10,000 บาท   ราคาหน่วยลงทุนละ 10 บาท  

โดยกองทุนจะลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนอีทีเอฟในต่างประเทศ  มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนในกองทุนให้ใกล้เคียงกับผลตอบแทนของดัชนีหุ้นของประเทศในภูมิภาคเอเชียเหนือ  ได้แก่  ญี่ปุ่น  จีน ฮ่องกง  และเกาหลีใต้   ซึ่งกองทุนจะทำการซื้อขายหน่วยลงทุนอีทีเอฟ  ในตลาดหลักทรัพย์โตเกียว ฮ่องกง   และเกาหลีใต้  

ทั้งนี้ บริษัทจะเลิกโครงการโดยอัตโนมัติ เมื่อหน่วยลงทุนไม่ต่ำกว่า 10.7000 บาท เป็นเวลา 3 วันทำการติดต่อกันขึ้นไป หลังจากนั้น  บริษัทจะสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนของผู้ถือหน่วยลงทุนทั้งหมดไปยังกองทุนเปิดกรุงไทยสะสมทรัพย์ หรือกองทุนรวมตลาดเงินอื่นที่บริษัทเปิดให้สับเปลี่ยนหน่วยลงทุน โดยมูลค่าหน่วยลงทุนที่คืนให้ผู้ถือหน่วยต้องไม่ต่ำกว่าร้อยละ 105 ของมูลค่าที่ตราไว้ที่  10 บาท


กำลังโหลดความคิดเห็น