xs
xsm
sm
md
lg

“วรวรรณ” ติงประกันชีวิตขอเวฟภาษีแทน LTF

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


สมาคมจัดการลงทุน AIMC เผยยังรอสรรพากรพิจารณาการต่ออายุกองทุน LTF ตอกกลับสมาคมประกันที่สบจังหวะเสนอแนวคิดดันแผนภาษีซื้อยูนิตลิงก์แทนที่ ชี้เป็นการไม่เหมาะสมเพราะผู้ลงทุน LTF เป็นคนละกลุ่มกัน ย้ำการสร้างวัฒนธรรมการออมเป็นเรื่องสำคัญ

นางวรวรรณ ธาราภูมิ นายกสมาคมบริษัทจัดการกองทุน (AIMC) และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน บัวหลวง จำกัด เปิดเผยว่า ความคืบหน้าการผลักดันการต่ออายุกองทุนหุ้นระยะยาว หรือ LTF ที่จะครบกำหนดในเรื่องของสิทธิการลดหย่อนทางภาษีปี 2559 นั้น ในส่วนของสมาคมฯ ตอนนี้คงต้องรอความชัดเจนจากทางกรมสรรพากรและกระทรวงการคลังเป็นหลัก ว่าผลพิจารณาออกมาในทิศทางใดบ้าง

ส่วนแนวคิดของสมาคมประกันชีวิตในเรื่องการนำภาษีมาเป็นตัวกระตุ้นการลงทุนในกรมธรรม์ประเภทยูนิตลิงก์แทนการลงทุนใน LTF ที่จะครบกำหนดในปี 59 นั้น โดยส่วนตัวมองว่าการกระทำดังกล่าวของทางสมาคมประกันชีวิตดูไม่ค่อยเหมาะสมกับสถานการณ์ในขณะนี้ค่อนข้างมาก

ช่วงที่ผ่านมาทางสมาคม บลจ.ได้มีการผลักดันเรื่องความสำคัญของการลงทุนในกองทุน LTF ต่อประชาชนและตลาดทุนไทยอย่างต่อเนื่อง และการที่สมาคมประกันชีวิต เสนอแผนภาษีผ่านการลงทุนในยูนิตลิงก์ในช่วงนี้จึงดูไม่ค่อยเหมาะสมนัก

อย่างไรก็ตาม เรื่องกองทุน LTF ผลจะออกมาในรูปแบบใดขึ้นอยู่กับทางกรมสรรพากรเป็นหลัก ทางสมาคม บลจ.ได้ให้ข้อมูลรายละเอียดที่สำคัญต่างๆ ให้กรมสรรพากรและกระทรวงการคลังไปหมดแล้ว ช่วงนี้ทางสมาคม บลจ.คงไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ เพิ่มเติมจนกว่าจะได้ข้อสรุปจากทางการ และยังคงยืนยันว่าการกระทำของสมาคมประกันชีวิตในครั้งนี้ทางสมาคม บลจ.รู้สึกผิดหวังเป็นอย่างมาก

“การที่สมาคมประกันชีวิตทำแบบนี้ถือว่าน่าผิดหวังมาก เพราะมองว่าไม่ใช่จังหวะที่สมาคมประกันชีวิตจะทำแบบนี้ ต้องเข้าใจด้วยว่าการลงทุนใน LTF กับการลงทุนผ่านประกันนั้นมันต่างกันคนละเรื่องก็ว่าได้ ตลาดก็ไม่เหมือนกันกลุ่มนักลงทุนก็ไม่เหมือนกัน สมาคม บลจ.ไม่เห็นด้วยที่ทางสมาคมประกันชีวิตเสนอแผนภาษีจาก LTF ไปลงในยูนิตลิงก์แทน ทางสมาคม บลจ.คงไม่ทำอะไรอีก เพราะที่ผ่านมาก็ส่งรายละเอียดไปให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาหมดแล้ว รอผลสรุปจากกรมสรรพากรเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ไม่คาดหวังกับหน่วยงานอื่น” นางวรวรรณกล่าว

นางวรวรรณ กล่าวต่อว่า สำหรับเม็ดเงินลงทุนในส่วนของกองทุน LTF ที่อยู่ในอุตสาหกรรมขณะนี้ที่ 200,000-250,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นเม็ดเงินที่มีความสำคัญต่อตลาดทุนไทยค่อนข้างมาก สำหรับแนวทางการนำเสนอในส่วนของกองทุน LTF ที่ผ่านมา โดยเสนอให้ภาครัฐขยายระยะเวลาการลงทุนออกไปรวมถึงการลดเพดานการลงทุนมากที่สุดจากเดิม 500,000 บาท เหลือ 300,000 บาท รวมถึงการขยายเพดานการใช้สิทธิ์จากเดิม 15% เพิ่มขึ้นเป็น 20% เท่านั้น

“ปัจจุบันในประเทศไทยยังมีประชาชนวัยทำงานจำนวนมากที่ยังไม่มีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพสำหรับไว้ใช้ยามเกษียณ ซึ่งจากการประชุม Asia Ocenia Investment Fund Association (AOIFA) ซึ่งทางสมาคมจัดการลงทุนของไทยเป็นเจ้าภาพ หนึ่งในหัวข้อสำคัญที่ได้นำเสนอคือเรื่อง การออมเพื่อการเกษียณอายุ” นางวรวรรณกล่าว

ดร.สมจินต์ ศรไพศาล กรรมการผู้จัดการ บลจ.ทหารไทย จำกัด กล่าวว่า การสร้างวัฒนธรรมการออม การลงทุนนั้น เป็นสิ่งสำคัญสำหรับคนในวัยทำงานจนถึงหลังการเกษียณอายุ ในหลายประเทศอย่างออสเตรเลีย สิงคโปร์ นั้นให้ความสำคัญต่อเรื่องนี้และถือเป็นภาคบังคับให้คนวัยทำงานทั้งประเทศ ซึ่งเมื่อเทียบกับประเทศไทยแล้วถือว่ายังมีน้อยมาก อยากให้ผู้บริหารประเทศให้ความสำคัญต่อเรื่องนี้ในการให้คนทำงานทั้งหมดในประเทศได้มีเงินในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพไว้ใช้ในอนาคต

ทั้งนี้ อยากให้ภาครัฐและนายจ้างเห็นความสำคัญต่อลูกจ้างที่ทำงานเพื่อผลประโยชน์ในระยะยาว เพราะในอนาคตแนวโน้มที่ประชาชนในกลุ่มคนสูงอายุจะมีเพิ่มมากขึ้น และต้องมีเงินสำหรับใช้จ่ายในช่วงหลังจากการเลิกทำงาน ซึ่งภาครัฐและบริษัทต่างๆ ควรส่งเสริมเพราะเถือเป็นปัจจัยพื้นฐานต่อประเทศ และไม่ถือว่าเป็นภาระของนายจ้างในเรื่องการส่งเงินสมทบให้แก่ลูกจ้าง เพราะบริษัทต่างๆ นั้นก็ได้รับประโยชน์จากนโยบายภาครัฐอย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว ขณะเดียวกันประชาชนควรให้ความสำคัญต่อเรื่องการออมการลงทุนในอนาคตด้วยเช่นกัน

“ปัจจุบันหลายๆ ประเทศในภูมิภาคเอเชียและโอเชียเนียได้เตรียมความพร้อมกับแนวโน้มจำนวนผู้สูงอายุที่จะมีมากกว่าเด็ก ซึ่งเป็นปัญหาของทุกประเทศ ในขณะที่ประเทศไทยยังไม่ได้ดำเนินการเรื่องนี้อย่างจริงจัง โดยสมาคมฯ เห็นว่าต้องมีองค์กรที่เข้ามาทำหน้าที่โดยตรง และควรยกให้การจัดตั้งกองทุนสำรองเลี้ยงชีพหรือระบบเงินบำนาญของภาคเอกชนต้องอยู่ในนโยบายของชาติ ทุกภาคส่วนต้องร่วมกันให้ความรู้ด้านการออมและการลงทุนแก่ภาคประชาชน เพราะหากเรายังต่างคนต่างทำเรื่องนี้ อีก 10 ปีข้างหน้าคงได้เห็นผลกระทบ”

อย่างไรก็ตาม ทางสมาคมฯ ได้เริ่มคุยกับบริษัทนายจ้างเพื่อให้เห็นประโยชน์ของการมีการจัดตั้งกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เพื่อเป็นสวัสดิการแก่พนักงานลูกจ้างให้มีเงินออมไว้ใช้หลังเกษียณอายุ


กำลังโหลดความคิดเห็น