แมนูไลฟ์เผยยอดขายทะลุเป้า ชูโปรดักต์หุ้นไทย/ต่างประเทศ

แมนูไลฟ์เผยยอดขายปีนี้ทะลุเป้า หลังเน้นทำตลาดชูจุดเด่นกองทุนหุ้นไทยและต่างประเทศ มองหุ้นไทยยังน่าลงทุนแรงซื้อต่างชาติเริ่มกลับเข้ามา คาดดัชนีปีหน้าแตะ 1,700 จุด

นายต่อ อินทวิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.แมนูไลฟ์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ยอดขายของบริษัทในปีนี้ทะลุเป้าไปแล้ว เดิมตั้งเป้าไว้ 4,800 ล้านบาท แต่ทำได้ 5,000-6,000 ล้านบาทแล้ว และสิ้นปีเงินไหลเข้าน่าจะแตะระดับ 6,500 ล้านบาทได้ในสิ้นปี โดยบริษัทยังคงเน้นการเติบโตจากภายในเป็นหลักในการทำตลาดกองทุนรวมโดยเน้นจุดเด่นในเรื่องของกองทุนต่างประเทศซึ่งปัจจุบันลูกค้าก็รู้จักเรามากขึ้น และจากการที่เน้นโปรดักต์ที่เป็นกองทุนหุ้นทั้งในและต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่ทำให้บริษัทเองไม่ได้รับผลกระทบจากการแข่งดอกเบี้ยเงินฝากของธนาคารพาณิชย์แต่ประการใด เพราะบริษัทไม่ได้เน้นกองทุนตราสารหนี้ประเภทเทอมฟันด์อยู่แล้ว และจากแนวโน้มที่ธนาคารในประเทศเริ่มที่จะเปิดขายกองทุนให้ บลจ.อื่นมากขึ้นก็จะเป็นโอกาสที่ดีของบริษัทด้วยเช่นกัน เพราะสินค้าของบริษัทมีจุดเด่นและมีความแตกต่างพอสมควร

“กลุ่มแมนูไลฟ์ในโลกมีความเชี่ยวชาญในการบริหารกองทุนสำรองเลี้ยงชีพมากและถือเป็นผู้เล่นรายใหญ่ในโลก แต่ในไทยธุรกิจกองทุนสำรองเลี้ยงชีพบริษัทยังไม่ได้เข้าไปรุกตรงนี้ เพราะต้องยอมรับว่าการแข่งขันค่อนข้างสูงและการทำกองทุนสำรองเลี้ยงชีพต้องสร้างทีมและระบบขึ้นมาอีกพอสมควร หากขนาดธุรกิจไม่ใหญ่พอก็อาจจะยังไม่คุ้มที่จะเข้ามาทำ แต่ในอนาคตหากภาครัฐมีการจัดตั้งกองทุนสำรองเลี้ยงชีพภาคบังคับขึ้นมาและทำให้ตลาดกองทุนสำรองเลี้ยงชีพเปิดกว้างมากขึ้นตรงนั้นก็อาจเป็นโอกาสที่บริษัทจะเข้ามาในธุรกิจนี้ด้วย เพราะเรามีความถนัดในเรื่องนี้ในระดับโลกอยู่แล้ว”

นายต่อยังกล่าวอีกว่า หุ้นไทยยังน่าสนใจ ปัจจุบันต่างชาติยังถือครองหุ้นไทยในระดับต่ำเมื่อเทียบกับตลาดอื่นในภูมิภาค และช่วงหลังเริ่มเห็นแรงซื้อกลับเข้ามาแล้วจนทำให้นับถึงปัจจุบันตั้งแต่ต้นปีต่างชาติมียอดขายสุทธิในตลาดหุ้นไทยลดลงและมีแนวโน้มที่จะพลิกกลับมาเป็นยอดซื้อสุทธิในช่วงสิ้นปีได้เช่นกัน หากมองการลงทุนยังมองหุ้นน่าจะสนใจสุดและหุ้นไทยก็น่าสนใจ มองไปในปีหน้ามีโอกาสขึ้นไปทดสอบระดับ 1,700 จุดได้เช่นกัน บริษัทเองก็มีกองหุ้นในประเทศที่มีผลงานโดดเด่นทั้งกองหุ้นทั่วไป (MS-CORE EQ) กองหุ้นปันผล (MS-EQ DIV) และกองหุ้นระยะยาว (MS-CORE LTF) ที่มีผลงานที่ดีสม่ำเสมอในระยะยาวให้เลือกลงทุน ซึ่งหากมองการลงทุนไปถึงปีหน้าจากระดับดัชนีปัจจุบันก็ยังมีโอกาสในขาขึ้นประมาณ 10% และล่าสุดบริษัทก็ได้ปรับลดวงเงินลงทุนขั้นต่ำลงเหลือ 10,000 บาทเท่านั้น จากเดิม 50,000 บาท โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 17 ก.ย. 57 ที่ผ่านมา เพื่อให้นักลงทุนมีโอกาสเข้าถึงการลงทุนในกองทุนของบริษัทได้ดียิ่งขึ้นด้วย

“หุ้นในต่างประเทศก็มีโอกาสเช่นกัน นอกจากสหรัฐฯแล้วกลุ่มเอเชียเหนือก็มีความน่าสนใจเช่นกัน บริษัทเองก็มีกองแมนูไลฟ์ เอเชี่ยน สมอลแคป (MS-ASEAN SM) ที่มีผลงานที่โดดเด่นเช่นกัน และมองว่าโอกาสของหุ้นขนาดกลางและเล็กในตลาดเอเชียยังมีอยู่”