xs
xsm
sm
md
lg

อเบอร์ดีนเผย AUM เติบโต 21% ชี้ ศก.ไทยดีขึ้น จับตานโยบายรัฐ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

กรวุฒิ ลีนะบรรจง
 บลจ.อเบอร์ดีนเผย AUM ล่าสุดเติบโต 44,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้นมา 21% จากสิ้นปีก่อน มอง ศก.ไทยครึ่งหลังดีขึ้น คาดปีนี้โตประมาณ 1.5-1.8% แต่ยังต้องจับตาการแก้ปัญหาและการลงทุนจากภาครัฐฯ ชี้หุ้นไทยบางตัวยังไม่แพง ตลาดเอเชียน่าลงทุน

นายกรวุฒิ ลีนะบรรจง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) อเบอร์ดีน จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจุบันสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการ (AUM) ล่าสุด (25 ก.ค.) อยู่ที่ 44,500 ล้านบาท เติบโตจากสิ้นปีที่ผ่านมา 21% ซึ่งอยู่ที่ 36,500 ล้านบาท โดยเป็นการเติบโตจากการลงทุนในกองทุนหุ้นทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งปัจจุบันมีกองทุนรวมทั้งหมด 21 กองทุน 11 กองทุนเป็นกองทุนที่ลงทุนหุ้นในประเทศจำนวน 31,000 ล้านบาท และมีกองทุนหุ้นต่างประเทศ 10 กองทุน จำนวน 6,800 ล้านบาท มีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพจำนวน 5,400 ล้านบาท และกองทุนไพรเวตฟันด์ 600 ล้านบาท โดยที่ผ่านมาอเบอร์ดีนเน้นการลงทุนที่สร้างผลตอบแทนดีในระยะยาว การเลือกสินทรัพย์ที่ดีในการลงทุน ไม่ได้เน้นการแข่งขันในด้านการเติบโตของ AUM
    
โดยในปีนี้มีแผนที่อาจจะออกกองทุนต่างประเทศอีก 1 กองทุนในช่วงไตรมาสที่ 4 เพราะมองว่ายังมีการลงทุนในต่างประเทศที่ยังน่าลงทุนอยู่อีกมาก รวมไปถึงกองทุนตราสารหนี้ที่มองว่ายังอาจจะออกมาได้อีก ขณะที่ธุรกิจกองทุนสำรองเลี้ยงชีพของอเบอร์ดีนปัจจุบันมีลูกค้าอยู่ 55 บริษัท โดยมีรูปแบบกองทุนแบบ มาสเตอร์ พูลฟันด์ ให้สมาชิกได้เลือกลงทุน
    
“หลังจากเข้ามารับตำแหน่งที่อเบอร์ดีนก็ได้เข้าเน้นด้านกลยุทธ์ การบริหาร ช่องทางการขาย รวมทั้งมีแผนการขยายการเติบโตไปที่ส่วนภูมิภาค โดยการออกไปตั้งออฟฟิศสำนักงานที่ต่างจังหวัดตามพันธมิตรทางธุรกิจไป โดยที่จะยังคงเน้นการเติบโตที่มั่นคงและการสร้างผลตอบแทนของการลงทุนที่ดีในระยะยาว”
    
นายอดิเทพ วรรณพฤกษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการลงทุน บลจ. อเบอร์ดีน จำกัด กล่าวถึงการลงทุนว่า  แม้ที่ผ่านมาเจอวิกฤตต่างๆ ทั้งการเมืองและปัจจัยต่างประเทศ แต่ยังไม่ได้มีการเปลี่ยนการลงทุนแต่อย่างใด โดยยังเน้นการเลือกลงทุนบริษัทที่ดี ซึ่งปัญหาการเมืองหลังการเกิดรัฐประหารและมีความสงบก็เป็นการส่งผลดีในระยะสั้น ตลาดหุ้นรับข่าวดีไปมากแล้ว หลังจากนี้ยังมีปัจจัยที่ต้องจับตาการแก้ปัญหา คือ เรื่องการลงทุในโครงสร้างพื้นฐาน  การปฏิรูปพลังงาน การจัดการเรื่องระบบภาษี และเรื่องการแก้ปัญหาพืชผลทางการเกษตร เช่น เรื่องข้าว  และยังต้องดูว่าจะเกิดการเลือกตั้งเมื่อไร ซึ่งเป็นปัจจัยที่ต่างประเทศยังจับตามองเพราะมีผลต่อเรื่องการเข้ามาลงทุนในไทย มองว่าเศรษฐกิจไทยในปีนี้น่าจะโตที่ประมาณ 1.5-1.8%
    
สำหรับปัจจัยเสี่ยงยังเป็นเรื่องการเมืองในประเทศและปัจจัยต่างประเทศ เรื่อง เศรษฐกิจสหรัฐฯ และเรื่องปัญหาในตะวันออกกลาง โดยเศรษฐกิจสหรัฐฯ ทางอเบอร์ดีนมองว่าในช่วงไตรมาสที่ 2-3 ในปีหน้าสหรัฐฯ อาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย แต่ขึ้นไม่มาก ขณะที่อัตราดอกเบี้ยไทยน่าจะคงอยู่ไปถึงสิ้นปีนี้ ส่วนกำไรของบริษัทจดทะเบียนในช่วงครึ่งหลังนี้น่าจะดีขึ้น  
    
“หุ้นหลายตัวยังมองว่าราคาไม่สูงมาก เช่นกลุ่มแบงก์กับพลังงานบางตัว รวมทั้งหุ้นขนาดเล็กบางตัวที่ยังสามารถลงทุนได้  พอร์ตการลงทุนของอเบอร์ดีนล่าสุดได้ซื้อหุ้นกลุ่มประกัน และโรงพยาบาลเข้ามา เพราะมองว่าในระยะยาวคนน่าจะใช้บริการเรื่องการรักษาสุขภาพมากขึ้น ส่วนหุ้นที่มีการขายออกไปคือกลุ่มเดินเรือ”
    
ทั้งนี้ การลงทุนในช่วงครึ่งปียังมองว่าหลังตลาดเอเชียและตลาดเกิดใหม่ยังมีความน่าสนใจ เพราะยังมีการเติบโตที่ดีกว่าตลาดสหรัฐฯ และยุโรปที่แม้ว่าจะฟื้นตัวขึ้นมาแล้ว โดยลูกค้าของอเบอร์ดีนก่อนหน้านี้ได้ไปลงทุนในต่างประเทศอย่างสหรัฐฯ มาก แต่ช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมาเริ่มกลับเข้ามาลงทุนในภูมิภาคเอเชียมากขึ้น
       


กำลังโหลดความคิดเห็น