บลจ.กรุงศรีปลื้มครึ่งปีแรก AUM โตทะลุเป้าไปแตะ 250,000 ล้านบาท จากเดิมตั้งเป้าเพียง 245,000 ล้านบาท หลังเม็ดเงินไหลเข้ามาลงทุนในกองทุนหุ้น และกองทุน LTF เพิ่มขึ้น คาดไตรมาสสุดท้ายของปีนี้จะมีเม็ดเงินลงทุนจากกองทุนประหยัดภาษีไหลเข้ามาสมทบ ล่าสุดส่งกองทุน “กรุงศรีโกลบอลเฮลธ์แคร์อิควิตี้ปันผล” ลุยลงทุน Healthcare ทั่วโลก มั่นใจสร้างผลตอบแทนที่ดีต่อเนื่องในระยะยาวได้
นายฉัตรพี ตันติเฉลิม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กรุงศรี จำกัด เปิดเผยว่า เมื่อต้นปีที่้ผ่านมา บลจ.ตั้งเป้าการเติบโตมูลค่าสินทรัพย์สุทธิภายใต้การบริหารจัดการ หรือ AUM ไว้ที่ 245,000 ล้านบาท ซึ่ง ณ ปัจจุบัน AUM ของ บลจ.อยู่ที่ 250,000 ล้านบาท ทั้งนี้ AUM สิ้นสุด ณ เดือนธันวาคม 2556 นั้นอยู่ที่ 198,986 ล้านบาท ส่งผลให้ทรัพย์สินภายใต้การบริหารจัดการโดยรวมเติบโต 23% โดยธุรกิจกองทุนรวมนั้นเติบโตกว่า 28% ขณะที่อุตสาหกรรมกองทุนโดยรวมโตเพียง 17%
ทั้งนี้ บลจ.กรุงศรีมีส่วนแบ่งทางการตลาดของกองทุนรวมหุ้น ตราสารหนี้ กองทุน LTF และ RMF เพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา โดยกองทุนหุ้นและกองทุน LTF มียอดเงินลงทุนไหลเข้ามาสุทธิสูงเป็นอันดับหนึ่งของอุตสาหกรรม คิดเป็นเงินลงทุนรวมกว่า 4,696 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินลงทุนในกองทุนหุ้น 3,479 ล้านบาท และเงินลงทุนในกองทุน LTF กว่า 1,217 ล้านบาท
“เราคงไม่ได้ขยับเป้าการเติบโตของ AUM ในปีนี้แล้ว แต่สิ่งที่ท้าทายต่อจากนี้คือการเพิ่มบัญชีผู้ลงทุน ซึ่งต้นปีที่ผ่านมาเราตั้งเป้าบัญชีผู้ลงทุนไว้ที่ 50,000 ราย โดยปัจจุบันเรามีลูกค้าเข้ามาประมาณ 20,000 ราย ในช่วงครึ่งปีที่เหลือเราคงจะต้องเพิ่มกลยุทธ์เพิ่มฐานลูกค้าอีก โดยเฉพาะตัวช่วยสำคัญอย่างกองทุน LTF-RMF ในไตรมาสสุดท้ายของปี” นายฉัตรพีกล่าว
ทางด้านนายประภาส ตันติพิบูลย์ศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กรุงศรี จำกัด กล่าวว่า เราประเมินว่าเศรษฐกิจไทยในช่วงที่เหลือของปีนี้คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้น หลังจากปัญหาการเมืองได้รับการแก้ไข โดยการจ่ายเงินจำนำข้าวมีส่วนช่วยเหลือให้การอุปโภคบริโภคปรับตัวดีขึ้น โครงการการลงทุนต่างๆ ที่รอการอนุมัติจากภาครัฐสามารถดำเนินการต่อไปได้ ส่งผลให้ความเชื่อมั่นผู้บริโภคและนักลงทุนปรับตัวดีขึ้นเช่นกัน
“หนี้สินภาคครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูงเป็นปัจจัยที่ทำให้การบริโภคขยายตัวไม่ดีเท่าที่ควรและอาจจะต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่งกว่าที่ผลจากการลงทุนจะส่งผลบวกต่อเศรษฐกิจ” นายประภาสกล่าว
นายประภาสกล่าวต่อว่า บลจ.กำลังเสนอขายกองทุนเปิดกรุงศรีโกลบอลเฮลธ์แคร์อิควิตี้ปันผล (KF-HEALTHD) ซึ่งจะลงทุนในกองทุนหลัก JP Morgan Global Healthcare Fund ที่ลงทุนในกลุ่มธุรกิจ Healthcare ชั้นนำทั่วโลก ระหว่างวันที่ 22-31 กรกฎาคม 2557 เนื่องจากเรามองว่ากลุ่มธุรกิจ Healthcare เป็นธุรกิจที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจโลก มีแนวโน้มเติบโตสูงเนื่องจากประชากรโลกกำลังเข้าสู่วัยชราและมีอายุขัยยาวนาวขึ้น ส่งผลให้มีการใช้จ่ายด้านสุขภาพมากขึ้น อีกทั้งผู้บริโภคมีความต้องการคุณภาพด้าน Healthcare ที่สูงขึ้น โดยเฉพาะประเทศเกิดใหม่ถือเป็นโอกาสการลงทุนที่จะให้ผลตอบแทนที่ดีต่อเนื่องในระยะยาวได้
สำหรับตลาดหุ้นต่างประเทศที่มีความน่าสนใจ ได้แก่ ตลาดหุ้นยุโรป เพราะมีปัจจัยสนับสนุนด้านเศรษฐกิจและคาดว่าจะค่อยๆ ฟื้นตัว โดยมูลค่าหุ้นยังปรับขึ้นไม่มากนักเมื่อเทียบกับประเทศพัฒนาแล้วอื่นๆ รวมทั้งอาจมีมาตรการผ่อนคลายทางการเงินจากธนาคารกลางยุโรปเพิ่มเติม
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นกลุ่มประเทศเกิดใหม่ก็มีความน่าสนใจ เนื่องจากมีการเติบโตทางเศรษฐกิจในระดับสูง สถานะทางการเงินของประเทศยังแข็งแกร่ง และกระแสเงินทุนจากนักลงทุนต่างชาติเริ่มมีเสถียรภาพมากขึ้น ส่วนตลาดหุ้นญี่ปุ่นและเอเชียก็นับว่ามีความน่าสนใจเช่นกัน โดยนโยบายธนู 3 ดอกของอาเบะโนมิกส์จะช่วยให้เศรษฐกิจญี่ปุ่นค่อยๆ ฟื้นตัว และกองทุน Pension Fund (GPIF) ของญี่ปุ่นอาจมีการปรับเพิ่มสัดส่วนการลงทุนใน Risky Asset เช่น ตลาดหุ้นในประเทศเพิ่มขึ้น ซึ่งมีส่วนสนับสนุนการลงทุนตลาดหุ้นญี่ปุ่นในระยะยาว