นักวิเคราะห์กองทุนรวม บล.ฟิลลิปชี้เศรษฐกิจโลกฟื้นตัวชัดเจน โดยเฉพาะสหรัฐฯ ที่ตลาดหุ้นผันผวนในแดนบวกและทำ New High บ่อยๆ แนะแบ่งเงินลุยกองทุน FIF ขณะที่ตลาดหุ้นไทยยังมีความผันผวนอยู่บ้าง แนะใช้ DCA กระจายลงทุน
นายสานุพงศ์ สุทัศน์ธรรมกุล Fund Super Mart Analyst บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การเติบโตของเศรษฐกิจกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว โดยเฉพาะสหรัฐฯ นั้นยังคงมีแนวโน้มที่ดีอยู่ ถึงยุโรปจะดูชะงักไปบ้างแต่เราคาดการณ์ว่าเป็นแค่เหตุการณ์ชั่วคราวเท่านั้น ดังนั้น เรายังคงคำแนะนำให้ลงทุนในกองทุนในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วต่อเนื่อง เช่น กองทุนหุ้นตามดัชนีของสหรัฐฯ S&P500 คือ ASP-S&P500 และสะสมกองทุนยุโรปหากมีการย่อตัวลง โดยกองทุนแนะนำคือ KF-Europe, K-Europe ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเราแนะนำกองทุน SCB-NKY225 เพราะช่วงเดือนที่ผ่านมาความเชื่อมั่นของผู้ผลิตมีมากขึ้น และอัตราการว่างงานลดลง ดังนั้น การเพิ่ม VAT ไม่ได้ส่งผลร้ายอย่างที่คิด
ส่วนไทยเรายังคงต้องจับตลาดหุ้นในช่วงนี้ใกล้ชิดเพราะมีความผันผวนได้ โดยเราแนะนำให้ทยอยซื้อด้วยเทคนิค DCA ซึ่งเป็นการเฉลี่ยซื้อกองทุนด้วยจำนวนเงินที่เท่าๆ กันทุกๆ เดือนเพื่อลดความเสี่ยงในระยะสั้น และเป็นการสะสมความมั่งคั่งในระยะยาว กองทุนหุ้นที่เราแนะนำคือ ABSM และ KFSDIV ส่วน LTF-RMF แนะนำกองทุน KFLTFDIV และ ABSC-RMF
สำหรับกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้นยังน่าสนใจ เนื่องจากการคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2.00% ของ กนง. แสดงให้ถึงแนวโน้มที่ดีขึ้นของเศรษฐกิจไทยในระยะนี้ ถึงแม้จะมีความไม่แน่นอนของนโยบายต่างๆ จาก คสช.อยู่ก็ตาม แต่ตัวเลขเศรษฐกิจก็น่าจะดีขี้นในระยะยาวได้ ซึ่งจะส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยก็น่าจะมีปรับขึ้นในระยะยะยาวด้วย ดังนั้นการลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ระยะกลาง-ยาวยังไม่น่าลงทุน แต่เราแนะนำให้ลงทุนกับกองทุนตลาดเงิน และตราสารหนี้ระยะสั้นน่าจะลดความเสี่ยงได้ดี และยังช่วยกระจายความเสี่ยงจากตลาดหุ้นได้ด้วย โดยกองทุนแนะนำคือ P-CASH ส่วนกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้นกองทุนแนะนำคือ TMBPLUS
นายสานุพงศ์กล่าวต่อว่า ปัจจัยบวกของราคาน้ำมันคือเศรษฐกิจที่ดีของสหรัฐฯ และการสู้รบในอิรักที่ยังมีให้เห็นอยู่ ส่วนปัจจัยลบคือ การที่ลิเบียเจรจากับกลุ่มกบฏได้และอาจจะส่งออกน้ำมันเพิ่มได้อีก รวมถึงอิรักยังคงพยายามส่งออกน้ำมันในทางตอนใต้ของประเทศอย่างปกติ จะส่งผลต่อราคาน้ำมันคือ ช่วงเดือนนี้จะมีความผันผวนให้เห็นได้มาก ดังนั้นเราแนะนำพักการลงทุนในกองทุนน้ำมันก่อนจนกว่าจะเห้นแนวโน้มที่ชัดเจน
ส่วนราคาทองคำยังถูกกดดันด้วยเศรษฐกิจที่ดีขึ้นของสหรัฐฯ ทำให้ราคาทองคำที่ปรับตัวสูงขึ้นเมื่อเดือนที่แล้วยังคงทรงตัวอยู่ และต้องลุ้นตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ต่างๆ ที่จะออกมาในเดือนนี้ ถ้าหากตัวเลขออกมาดีอาจจะกดดันราคาทองคำปรับลดลงได้ ดังนั้น เราแนะนำให้พักการลงทุนในทองคำไปก่อน แต่ถ้าต้องการกระจายความเสี่ยงในพอร์ตการลงทุนตามปกติเราแนะนำให้ซื้อกองทุนทองคำได้ประมาณ 5-10% ของพอร์ต ส่วนกองทุนที่แนะนำคือ T-GoldBullion-H
นายสานุพงศ์กล่าวต่อว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังไปได้ดี แต่ยูโรโซนยังต้องใช้เวลา จากตัวเลขการจ้างงานที่ดีและยอดขายสินค้าคงทนอย่างรถยนต์เพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ และดัชนี S&P 500 พุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดตลอดกาล และยังได้แรงหนุนจากตัวเลขเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งและข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสจากจีนช่วยหนุน ส่วนในยุโรปยังคงมีอัตราเงินเฟ้อที่ต่ำอยู่มาก ถึงแม้จะออกนโยบายลดอัตราดอกเบี้ย นโยบายเหลือเพียง 0.15% ออกมา แต่ก็ยังไม่ทำให้สถานการณ์ดีขึ้นในช่วงนี้ ยกเว้นประเทศเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งอย่างเยอรมนีที่ยังคงมีตัวเลขศรษฐกิจที่ดี รวมถึงอัตราเงินเฟ้อก็เติบโตในอัตราที่น่าพอใจดังนั้น ในเดือนที่ผ่านมาอาจจะทำให้ตลาดหุ้นยุโรปดูผันผวนบ้าง แต่เรายังเชื่อว่าในระยะยาวแล้วยุโรปจะกลับมามีเศรษฐกิจที่ดีได้ เนื่องจากธนาคารกลางยุโรปหรือ ECB เริ่มที่จะมีแผนกระตุ้นเศรษฐกิจหากตัวเลขเศรษฐกิจโดยรวมยังไม่ดีขึ้น และเศรษฐกิจที่ดีจากทางฝั่งสหรัฐฯ น่าจะช่วยให้ยุโรปฟื้นตัวได้ง่ายขึ้น
สำหรับตลาดหุ้นไทยในระยะยาวยังน่าลงทุนอยู่ ในช่วงนี้มีผลกระทบจากการที่ คสช.เข้ามาบริหารประเทศ ส่งผลให้ต่างชาติก็เริ่มที่จะถอนการลงทุนออกไปบ้าง แต่ คสช.ก็มีโรดแมปที่ชัดเจน และถ้าดำเนินการได้อย่างที่วางแผนไว้อาจจะทำให้เศรษฐกิจเดินหน้าต่อไปได้ ส่วนปัจจัยลบก็คือเรื่องข้อสรุปนโยบายปฏิรูปพลังงานจากทาง คสช. ซึ่งน่าจะสร้างความผันผวนแก่ตลาดได้เพราะเป็นกลุ่มหุ้นที่เป็น Sector ขนาดใหญ่และมีสัดส่วนต่อมูลค่าตลาดสูงที่สุดของตลาด ส่วนการลดอันดับสถานการณ์การใช้แรงงานของไทย และความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีกับทางสหภาพยุโรปยังคงเป็นปัจจัยลบที่ยังมีอยู่ แต่ระยะยาวแล้วถ้าหากมีการเลือกตั้งก็น่าจะดีขึ้น ส่วนการคาดการณ์อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจไทย(GDP) ในปีหน้าอยู่ที่ประมาณ 5.0-5.5% ซึ่งดูแล้วระยะยาวตลาดหุ้นไทยยังคงน่าลงทุน ดังนั้นนักลงทุนควรจะมีความระมัดระวังในระยะสั้น เราคาดการณ์ว่าช่วงนี้ตลาดหุ้นจะผันผวนในทางบวกเล็กน้อย สลับกับการขายทำกำไรเป็นช่วงๆ