ASTVผู้จัดการรายวัน - คลังขอพิจารณารายละเอียดหลังสภาธุรกิจตลาดทุนยื่นหนังสือเหตุผลที่คลังควรจะต่ออายุ LTF-RMF ขณะที่ ปธ.สภาธุรกิจตลาดทุนไทยอ้างไทยมีปัญหาหนี้ครัวเรือนต้องรณรงค์ให้เกิดการออมเงินเพื่อการลงทุน เผยเชิญ คสช.ไปโรดโชว์ฟื้นฟูตลาดทุนไทยในอเมริกา-ยุโรป
แหล่งข่าวจากสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวถึงกรณีที่สภาธุรกิจตลาดทุนไทยยื่นหนังสือขอต่ออายุสิทธิประโยชน์การลดหย่อนภาษีของกองทุน
รวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) และกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ที่จะหมดอายุลงในปี 2559 ว่า เบื้องต้นยังไม่สามารถให้คำตอบในเรื่องดังกล่าว อย่างไรก็ตาม กระทรวงการคลังจะรับไว้พิจารณาเพื่อทบทวนข้อดีข้อเสียอีกครั้ง นอกจากนี้ สศค.พร้อมให้ความร่วมมือในการเดินทางร่วมกับ สภาธุรกิจตลาดทุนไทยไปโรดโชว์ฟื้นฟูความเชื่อมั่นตลาดทุนไทยกับนักลงทุนต่างประเทศหลังแผนโรดแมปทางเศรษฐกิจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ออกมา
นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย เปิดเผยภายหลังการหารือร่วมกับนายสมชัย สัจจพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ว่า ได้เสนอผลการศึกษาข้อมูลของกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) และกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ใช้เป็นการประกอบการพิจารณา กรณีที่สิทธิประโยชน์การลดหย่อนภาษีของกองทุนดังกล่าว เพื่อให้กระทรวงการคลังพิจารณาข้อมูลให้รอบด้าน ก่อนที่จะตัดสินไม่ต่ออายุสิทธิประโยชน์กองทุน LTF หรือตัดสินใจที่จะดำเนินการใดๆ เกี่ยวกับมาตรการภาษี เนื่องจากปัจจุบันไทยมีปัญหาหนี้ครัวเรือนที่สูงถึง 88% ซึ่งควรรณรงค์ให้เกิดการออมเงินเพื่อการลงทุนมากที่สุด
"จากผลการศึกษาพบว่า คนที่มีรายได้น้อยและปานกลาง ได้ประโยชน์ทางด้านภาษีจากการลงทุนแอลทีเอฟและอาร์เอ็มเอฟมากกว่า ผู้มีรายได้สูงหรือเสียภาษีจำนวนมาก ซึ่งคนที่มีรายได้น้อยและปานกลาง จะช่วยลดภาษีได้สูงสุดถึง 50% ของภาษีที่เสียอยู่ ขณะที่คนที่มีรายได้สูง เสียภาษีจำนวนมากการลงทุนแอลทีเอฟ และอาร์เอ็มเอฟช่วยลดภาระภาษีลงแค่ 0.01% ของภาษีที่เสียอยู่เท่านั้น"
ปัจจุบันไทยมีกองทุนรวมทั้งหมด 1,465 กองทุน มีมูลค่าการลงทุนรวม 3.6 ล้านล้านบาท แบ่งเป็นกองทุนหุ้น 382 กองทุน มูลค่าการลงทุน 814,000 ล้านบาท กองทุน RMF 125 กองทุนมูลค่า 150,000 ล้านบาท และกองทุน LTF 52 กองทุน มูลค่า 234,000 ล้านบาท โดยมีสัดส่วนขยายตัวเพิ่มขึ้นทุกปี แม้ว่าช่วงปีหลังจะขยายเพิ่มในอัตราที่ชะลอลงก็ตาม
"สภาธุรกิจตลาดทุนไทย ยังได้หารือกับ สศค.เพื่อวางแผนไปโรดโชว์ฟื้นฟูความเชื่อมั่นตลาดทุนไทย กับนักลงทุนต่างประเทศ ซึ่งวางแผนจะเดินทางไปกลางเดือนหน้าเริ่มจากสิงคโปร์และฮ่องกง" นายไพบูลย์กล่าว
ส่วนการโรดโชว์ฟื้นฟูตลาดทุนไทยในสหรัฐอเมริกาและกลุ่มยุโรป จะต้องพิจารณาความพร้อมอีกครั้ง นอกจากเชิญตัวแทน สศค. แล้วยังเชิญตัวแทนจาก คสช. ที่มีอำนาจพูดให้ความเชื่อมั่นนักลงทุนได้รวมถึงซีอีโอของบริษัทขนาดใหญ่ พร้อมตัวแทนกระทรวงคมนาคมและสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร เพื่อเดินทางไปชี้โครงการลงทุนด้านคมนาคม 2.4 ล้านล้านบาท และเชิญตัวแทนคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) เพื่อไปให้ความเชื่อมั่นการลงทุนในประเทศไทย.
แหล่งข่าวจากสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวถึงกรณีที่สภาธุรกิจตลาดทุนไทยยื่นหนังสือขอต่ออายุสิทธิประโยชน์การลดหย่อนภาษีของกองทุน
รวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) และกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ที่จะหมดอายุลงในปี 2559 ว่า เบื้องต้นยังไม่สามารถให้คำตอบในเรื่องดังกล่าว อย่างไรก็ตาม กระทรวงการคลังจะรับไว้พิจารณาเพื่อทบทวนข้อดีข้อเสียอีกครั้ง นอกจากนี้ สศค.พร้อมให้ความร่วมมือในการเดินทางร่วมกับ สภาธุรกิจตลาดทุนไทยไปโรดโชว์ฟื้นฟูความเชื่อมั่นตลาดทุนไทยกับนักลงทุนต่างประเทศหลังแผนโรดแมปทางเศรษฐกิจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ออกมา
นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย เปิดเผยภายหลังการหารือร่วมกับนายสมชัย สัจจพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ว่า ได้เสนอผลการศึกษาข้อมูลของกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) และกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ใช้เป็นการประกอบการพิจารณา กรณีที่สิทธิประโยชน์การลดหย่อนภาษีของกองทุนดังกล่าว เพื่อให้กระทรวงการคลังพิจารณาข้อมูลให้รอบด้าน ก่อนที่จะตัดสินไม่ต่ออายุสิทธิประโยชน์กองทุน LTF หรือตัดสินใจที่จะดำเนินการใดๆ เกี่ยวกับมาตรการภาษี เนื่องจากปัจจุบันไทยมีปัญหาหนี้ครัวเรือนที่สูงถึง 88% ซึ่งควรรณรงค์ให้เกิดการออมเงินเพื่อการลงทุนมากที่สุด
"จากผลการศึกษาพบว่า คนที่มีรายได้น้อยและปานกลาง ได้ประโยชน์ทางด้านภาษีจากการลงทุนแอลทีเอฟและอาร์เอ็มเอฟมากกว่า ผู้มีรายได้สูงหรือเสียภาษีจำนวนมาก ซึ่งคนที่มีรายได้น้อยและปานกลาง จะช่วยลดภาษีได้สูงสุดถึง 50% ของภาษีที่เสียอยู่ ขณะที่คนที่มีรายได้สูง เสียภาษีจำนวนมากการลงทุนแอลทีเอฟ และอาร์เอ็มเอฟช่วยลดภาระภาษีลงแค่ 0.01% ของภาษีที่เสียอยู่เท่านั้น"
ปัจจุบันไทยมีกองทุนรวมทั้งหมด 1,465 กองทุน มีมูลค่าการลงทุนรวม 3.6 ล้านล้านบาท แบ่งเป็นกองทุนหุ้น 382 กองทุน มูลค่าการลงทุน 814,000 ล้านบาท กองทุน RMF 125 กองทุนมูลค่า 150,000 ล้านบาท และกองทุน LTF 52 กองทุน มูลค่า 234,000 ล้านบาท โดยมีสัดส่วนขยายตัวเพิ่มขึ้นทุกปี แม้ว่าช่วงปีหลังจะขยายเพิ่มในอัตราที่ชะลอลงก็ตาม
"สภาธุรกิจตลาดทุนไทย ยังได้หารือกับ สศค.เพื่อวางแผนไปโรดโชว์ฟื้นฟูความเชื่อมั่นตลาดทุนไทย กับนักลงทุนต่างประเทศ ซึ่งวางแผนจะเดินทางไปกลางเดือนหน้าเริ่มจากสิงคโปร์และฮ่องกง" นายไพบูลย์กล่าว
ส่วนการโรดโชว์ฟื้นฟูตลาดทุนไทยในสหรัฐอเมริกาและกลุ่มยุโรป จะต้องพิจารณาความพร้อมอีกครั้ง นอกจากเชิญตัวแทน สศค. แล้วยังเชิญตัวแทนจาก คสช. ที่มีอำนาจพูดให้ความเชื่อมั่นนักลงทุนได้รวมถึงซีอีโอของบริษัทขนาดใหญ่ พร้อมตัวแทนกระทรวงคมนาคมและสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร เพื่อเดินทางไปชี้โครงการลงทุนด้านคมนาคม 2.4 ล้านล้านบาท และเชิญตัวแทนคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) เพื่อไปให้ความเชื่อมั่นการลงทุนในประเทศไทย.
