“สภาตลาดทุน” เตรียมชง 3 แนวทางให้ “คสช.” ฟื้นความเชื่อมั่น พร้อมเปิดแผนโรด์โชว์ชุดใหญ่ ตั้งคณะกรรมการพัฒนาตลาดทุนไทยขึ้นมาใหม่ เน้นความมีเอกภาพ และคล่องตัว เผยชุดที่มีอยู่แล้วยังไม่ active เท่าที่ควร พร้อมดึง “คลัง-สรรพากร” กระชับความร่วมมือเอกชน
นายไพบูลย์ นรินทรางกูร ประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทย เปิดเผยว่า ภายหลังการหารือร่วมกับสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ได้ยื่น 3 แนวทางเพื่อช่วยสร้างความเชื่อมั่นแก่ภาคตลาดทุนไทยทั้งใน และต่างประเทศ โดยแนวทางแรก เสนอให้มีการจัดโรดโชว์เพื่อฟื้นความเชื่อมั่นในภาคตลาดทุน ซึ่งที่ผ่านมา ภาคธุรกิจได้มีการหารือเพื่อหาแนวทางในการฟื้นความเชื่อมั่นไปแล้ว แต่ในส่วนของภาคตลาดทุนยังไม่ได้มีการหารือในส่วนนี้ ดังนั้น จึงเสนอให้มีการจัดโรดโชว์ในต่างประเทศ
เบื้องต้นจะเดินทางไปสิงคโปร์ และฮ่องกง หากประสบความสำเร็จก็จะเดินทางไปโรดโชว์ที่สหรัฐฯ และยุโรปต่อไป พร้อมกันนี้ ยังเสนอให้เชิญกระทรวงคมนาคม และสำนักนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ร่วมเดินทางไปด้วย เพื่อแสดงข้อมูลเกี่ยวกับการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งที่ไทยเตรียมจะดำเนินการ และเตรียมจะประสานงานไปยังคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) และเชิญชวนผู้ประกอบการธุรกิจรายใหญ่ร่วมเดินทางไปกับคณะด้วย เพื่อไปสร้างความเชื่อมั่นให้เห็นถึงเศรษฐกิจไทยที่จะเริ่มฟื้นตัวแล้ว ซึ่งตอนนี้อยู่ระหว่างประสานไปที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) อยากให้ พล.อ.อ.ประจิน ร่วมเดินทางไปด้วย หากไปด้วยจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นได้เป็นอย่างดี
ส่วนแนวทางที่สอง เสนอให้มีการพัฒนาตลาดทุนไทย โดยเสนอให้กระทรวงการคลังจัดตั้งคณะกรรมการพัฒนาตลาดทุนไทยขึ้นมาใหม่ จากปัจจุบันที่มีอยู่แล้วแต่ยังไม่ active เท่าที่ควร ซึ่งคณะกรรมการที่จะจัดตั้งขึ้นใหม่นี้จะปรับโครงสร้างในการดำเนินงานให้มีความเป็นเอกภาพ และมีความคล่องตัวมากขึ้น เพื่อสนับสนุนการพัฒนาตลาดทุนไทยในระยะต่อไป
สำหรับแนวทางที่สาม เสนอให้มีการพัฒนาตลาดทุนโดยรวม โดยเฉพาะ LTF-RMF โดยวันนี้ได้ยื่นเอกสารที่เป็นแนวทางการศึกษาของภาคตลาดทุน ว่าควรมีการพัฒนาเรื่องนี้ต่อไปอย่างไร ซึ่งอยากให้กระทรวงการคลัง และกรมสรรพากรได้หารือร่วมกับภาคเอกชนด้วย เพื่อให้เกิดการพัฒนาอย่างมีประสิทธิภาพ
ด้านนางวรวรรณ ธาราภูมิ นายกสมาคมบริษัทจัดการลงทุน เปิดเผยว่า การหักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจากการซื้อกองทุน LTF และ RMF นั้นไม่กระทบการจัดเก็บรายได้ของกรมสรรพากรมากนัก โดยอยากให้มีการหารือร่วมกับภาคเอกชนด้วยว่าต้องการให้มีการพัฒนาเรื่องนี้ไปในทิศทางใด และยืนยันว่า ที่ผ่านมากระทรวงการคลัง และกรมสรรพากรไม่เคยหารือกับภาคเอกชนเลย ซึ่งภาคเอกชนยินดีจะร่วมหารือเพื่อกำหนดแนวทางการดำเนินการเรื่องนี้อย่างชัดเจน และพร้อมจะให้ข้อมูลทั้งหมดที่มีอยู่ต่อกรมสรรพากร
ทั้งนี้ มองว่าสิทธิลดหย่อนภาษีเงินได้จากการซื้อกองทุน LTF และ RMF นั้น เอื้อประโยชน์ให้แก่ผู้เสียภาษีที่มีรายได้ปานกลางถึงรายได้น้อยเป็นหลัก และช่วยประหยัดภาระภาษีได้ประมาณ 50% ของจำนวนภาษีที่ต้องชำระในแต่ละราย ซึ่งถือว่าสูงมากเมื่อเทียบกับฐานของผู้เสียภาษีที่มีรายได้สูงที่ได้รับประโยชน์จากส่วนนี้เพียง 0.01% เท่านั้น
ขณะนี้ประเทศไทยกำลังมีปัญหาเรื่องหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูงถึงกว่า 80% ดังนั้น การสนับสนุนให้มีการออมในทุกแนวทางถือเป็นเรื่องที่ดี และสอดคล้องกับเศรษฐกิจไทยในช่วงนี้ที่ต้องมาคิดกันว่าจะทำอย่างไรเพื่อช่วยลดสัดส่วนหนี้ภาคครัวเรือนในจุดนี้ ซึ่งดีที่สุดคือ การเพิ่มการออม
ทั้งนี้ จากข้อมูลเมื่อวันที่ 20 มิ.ย.57 พบว่า มีกองทุนที่มีการระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ทั้งหมด 1,465 กองทุน คิดเป็นขนาด 3.6 ล้านล้านบาท แบ่งเป็นกองทุนหุ้น 382 กองทุน ขนาด 8.14 แสนล้านบาท กองทุน RMF 125 กองทุน ขนาด 1.5 แสนล้านบาท และกองทุน LTF 52 กองทุน ขนาด 2.34 แสนล้านบาท
