บิ๊ก บลจ.แนะจับตาการเมืองระอุใกล้เผด็จศึก ชี้เศรษฐกิจไทยทรุดอีกหากการเมืองยืดเยื้อเลยกลางปี ระบุหุ้นไทยผันผวนระยะสั้น ส่วนระยะยาวศักยภาพยังดี หวั่นความรุนแรงจะสร้างความเสียหายมากขึ้น ฉุดดัชนีหุ้นไทยหลุด 1,300 จุด
นางวรวรรณ ธาราภูมิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.บัวหลวง ในฐานะนายกสมาคมบริษัทจัดการลงทุน (AIMC) เปิดเผยว่า แนวโน้มเศรษฐกิจของไทยขณะนี้ยังต้องจับตาปัจจัยทางการเมืองซึ่งเชื่อว่าน่าจะมีความชัดเจนมากขึ้นหลังจากมีคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ และชี้มูลความผิดโครงการรับจำนำข้าวของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) อย่างไรก็ตามยังไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าจะมีบทสรุปอย่างไร ถ้าปัญหาทางการเมืองไม่สามารถหาข้อยุติได้ภายในช่วงครึ่งปี หรือเลยไปจากนี้เชื่อว่าเศรษฐกิจไทยจะได้รับผลกระทบไปมากกว่านี้
ทั้งนี้ยังคงจะต้องจับตาการชุมนุมของทั้ง 2 ฝ่าย และคาดว่าคงจะไม่มีใครที่ต้องการให้เกิดความรุนแรงเกิดขึ้น โดยเศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวกลับมาจำเป็นที่จะต้องมีรัฐบาลที่แท้จริงเข้ามาบริหารประเทศ และต้องดำเนินการบริหารทั้งด้านการปฏิรูปและการดูแลด้านเศรษฐกิจควบคู่กันไป
“ปัญหาทางการเมืองถ้าเกิดความรุนแรงจะมีผลกระทบต่อความเชื่อมั่น ซึ่งไม่น่าจะมีคนบ้าที่ไหนต้องการให้เกิดขึ้น และตอนนี้ถ้าต้องการให้เศรษฐกิจฟื้นกลับมาจะต้องมีรัฐบาลที่แท้จริงที่จะต้องทำทั้งเรื่องของปฏิรูปการเมืองและการจ่ายเงินคืนชาวนา รวมถึงมาตรการต่างๆ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจควบคู่กันไป ส่วนการลงทุนในตลาดหุ้นไทยนั้นคาดว่าตลาดหุ้นไทยถึงแม้จะมีความผันผวน แต่ในระยะยาวยังคงเป็นตลาดที่มีความน่าสนใจและทำกำไรได้”
ดร.วิน อุดมรัชตวนิชย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.วรรณ กล่าวว่า ปัจจัยการเมืองยังเป็นปัจจัยที่ต้องตามติดอย่างใกล้ชิดโดยเฉพาะในช่วงวัน 9-13 พ.ค. 57 นี้ว่าจะมีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้นหรือไม่ ซึ่งหากเกิดขึ้นตลาดหุ้นไทยที่ระดับ 1,300 จุดก็คงรับไม่อยู่ เดิมบริษัทมองว่ากรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีจะอยู่ในช่วง 1,200-1,550 จุด แต่ปัจจุบันระดับ 1,500 จุดอาจจะไม่ถึงแล้ว และในระยะสั้นระดับ 1,350 จุดเองก็อาจจะรับไม่อยู่
ทั้งนี้ บริษัทประเมินว่าน่าจะมีรัฐบาลเข้ามาบริหารประเทศได้ภายในเดือน ต.ค. 57 เพียงแต่อาจจะเป็นรัฐบาลที่ไม่ได้มีผลต่อการเติบโตของเศรษฐกิจของประเทศเท่านั้น
“ส่วนเงินลงทุนต่างชาติที่เข้ามาในช่วงนี้กว่า 20,000 กว่าล้านบาท เชื่อว่าเป็นเงินร้อนที่พร้อมจะออกได้ทุกเมื่อ ในส่วนของนักลงทุนระยะยาวจริงๆ ยังคงรอความชัดเจนในเรื่องการเมืองของไทยเองก่อนจึงจะมีการกลับเข้ามา ซึ่งตลาดหุ้นไทยจะปรับตัวขึ้นอย่างยั่งยืนได้ต้องการเงินลงทุนระยะยาวจริงๆ ซึ่งยังคงต้องรอดูต่อไป”