ตลาดหลักทรัพย์ฯ-บลจ.ลุยแจงคลังเดือนหน้า ต่ออายุสิทธิประโยชน์กองทุน LTF หลังปี 59 ระบุ ก.คลังยังไม่ปิดช่องพิจารณา แม้มีข่าวสรรพากรยื่นโครงสร้างภาษีใหม่แล้ว ด้านนายกสมาคม บลจ.ระบุหากเลิกจริงอาจกระทบตลาดหุ้นบ้าง พร้อมวอนรัฐ ส่งเสริมการออมของกลุ่มคนทำงาน อย่าห่วงแต่การเติบโตของเศรษฐกิจอย่างเดียว
นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ความคืบหน้าเรื่องการพิจารณาสิทธิประโยชน์ทางภาษีของกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) นั้น ล่าสุดได้มีการเข้าพบกับรัฐมนตรีกระทรวงการคลังแล้ว และได้รับคำตอบว่าทางกระทรวงการคลังยังไม่ปิดโอกาสการต่ออายุสิทธิทางภาษีของกองทุนดังกล่าว โดยในเดือนตุลาคมทางตลาดหลักทรัพย์ฯ กับทางสมาคม บลจ.จะนำข้อมูลเรื่องการลงทุน LTF ให้แก่กระทรวงการคลังพิจารณาอีกครั้ง ซึ่งจะมีการนำเสนอผลเสียที่มีต่อนักลงทุนและตลาดทุนอย่างไรเมื่อไม่มีการต่ออายุสิทธิทางภาษีของกองทุนนี้
"การลงทุนในกองทุน LTF นั้นพบว่าการลงทุนถูกบังคับไม่ให้ขายเป็นการทำให้ได้รับผลตอบแทนที่ดี ซึ่งหากไม่มีการลงทุนในกองทุน LTF รูปแบบการลงทุนในระยะยาวก็อาจจะหายไปจากเดิมที่เคยมีอยู่"
ด้านนางวรวรรณ ธาราภูมิ นายกสมาคมบริษัทจัดการลงทุน (AIMC ) กล่าวว่า ปัจจุบันรัฐบาลยังไม่ได้ให้ความสำคัญต่อเรื่องการออมเงินเพื่อใช้หลังเกษียณอายุ โดยเฉพาะในกลุ่มคนทำงานของประเทศที่ไม่ใช่ราชการ ซึ่งควรมีการออมของภาครัฐที่เป็นภาคบังคับ เพื่อความยั่งยืนต่อประชาชนคนทำงานของประเทศ เพราะการออมเงินเพื่อใช้ยามเกษียณอายุเป็นเรื่องสำคัญ
"ปัจจุบันรัฐบาลไปเน้นเรื่องการเติบโตของเศรษฐกิจประเทศเป็นหลัก แต่ไม่ได้มองเรื่องระบบการออมเงินของคนในประเทศว่ามีผลต่อการเติบโตของจีดีพีเช่นกันเพราะเงินที่ลงทุนก็เข้าไปอยู่ในระบบเช่นกัน"
นางวรวรรณ ยังกล่าวว่า หากกองทุน LTF ยกเลิกไป เงินที่จะครบกำหนดการลงทุนก็จะทยอยหมดไป และคาดว่าเงินก็ไม่น่าจะกลับเข้ามาลงทุนใหม่ในกองทุนรวมครบตามจำนวนเดิมประมาณ 200,000 ล้านบาท แต่จะอาจเหลือกลับมาเพียงครึ่งเดียว ซึ่งเมื่อถึงตอนนั้นก็น่าจะมีผลกระทบต่อตลาดหุ้นเหมือนกัน
เล็งทำระบบซื้อกองทุนได้ทุก บลจ.
นางเกศรา กล่าวว่า สำหรับแผนงานในปีหน้าของ ก.ล.ต.จะมีการดำเนินงานเรื่องการให้สมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพสามารถเลือกลงทุนได้ด้วยตนเอง และการแนะนำให้มีการลงทุนอย่างสม่ำเสมอทุกเดือน รวมไปถึงเรื่องระบบการซื้อของกองทุนรวมได้กับทุก บลจ.ผ่านระบบกลางของตลาดหลักทรัพย์ที่จะตั้งขึ้น
ทั้งนี้ ระบบการซื้อขายกองทุนที่ ก.ล.ต.จะจัดตั้งขึ้นจะเป็นระบบที่ให้คนมาใช้ร่วมกัน ซึ่งเบื่องต้นในปีหน้าจะสามารถซื้อขายกองทุนผ่านตัวแทนขาย และขั้นต่อไปก็จะเป็นการซื้อขายผ่านระบบอินเทอร์เน็ตซึ่งเป็นความสะดวกที่ไม่ต้องไปซื้อกองทุนผ่านธนาคารล่าช้า และยังเป็นการช่วยให้มีการซื้อขายกองทุนได้มากขึ้น
ขณะเดียวกัน ในปีหน้าจะมีการจัดหมวดหมู่กองทุนรวมใหม่เพื่อแยกประเภทของกองทุนรวมใหม่ เบื้องต้นแบ่งออกมาได้ 30 กลุ่ม จากกองทุนทั้งหมดประมาณ 2,000 กองทุน เพื่อให้นักลงทุนได้ตัดสินใจเลือกลงทุนได้มากขึ้น การจัดหมวดหมู่ดังกล่าวน่าจะเสร็จในปีหน้า