บลจ.บัวหลวงโชว์ยอดนักลงทุนครึ่งปี 57 เพิ่มกว่า 1.6 แสนราย ดัน AUM รวมทะลุ 5 แสนล้านบาท ย้ำการสร้างผลดำเนินงานที่โดดเด่นและสร้างความรู้แก่นัลงทุนเพิ่มขึ้น ระบุคนไทยเริ่มเปลี่ยนพฤติกรรม ส่งสัญญาณออมเงินแบบรายเดือนที่สม่ำเสมอ และมีวินัยกว่าในอดีต
นางวรวรรณ ธาราภูมิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) บัวหลวง จำกัด เปิดเผยว่า ในช่วงที่ผ่านมากองทุนรวมของบริษัทมีผู้ลงทุนให้ความสนใจเพิ่มมากขึ้น โดยปัจจุบัน ณ วันที่ 30 มิ.ย. 57 มีผู้ถือหน่วยลงทุนของบริษัทอยู่ที่ 402,462 ราย เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2555 ถึง 162,682 ราย ส่งผลให้ ทรัพย์สินสุทธิของกองทุนรวมภายใต้การบริหาร ณ วันที่ 1 ส.ค. 57 มีมูลค่ารวมกว่า 4.23 แสนล้านบาท และเมื่อรวมกับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพและกองทุนส่วนบุคล สิ้นเดือน ก.ค. 57 ทำให้ทรัพย์สินรวมที่บริหารมีอยู่กว่า 5 แสนล้านบาท
สำหรับมูลค่าทรัพย์สินภายใต้การบริหารล่าสุด ณ วันที่ 1 ส.ค. 57 กองทุนรวมมีมูลค่ารวมกว่า 423,318 ล้านบาท เติบโตขึ้น 105,950 ล้านบาท หรือ 33.38% เมื่อเทียบกับ 27 ธ.ค. 56 โดยกองทุนรวมตราสารหนี้มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นมากที่สุดถึง 86,291 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 67% นอกจากนี้ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพและกองทุนส่วนบุคคลภายใต้การบริหารของกองทุนบัวหลวงก็เพิ่มขึ้นต่อเนื่องเช่นเดียวกัน โดย ณ 31 ก.ค. 57 กองทุนสำรองเลี้ยงชีพมีขนาด 69,580 ล้านบาท และกองทุนส่วนบุคคลมีขนาด 13,635 ล้านบาท รวมเป็นมูลค่าทรัพย์สินสุทธิภายใต้การบริหารของกองทุนทั้ง 3 ประเภททั้งสิ้นกว่า 506,534 ล้านบาท
“แม้ว่าในช่วงที่ผ่านมาสภาวะของตลาดโดยภาพรวมจะเกิดความผันผวนสูง นักลงทุนมีความกังวลและขาดสมาธิจากเรื่องการเมืองจนน่าจะส่งผลต่อการตัดสินใจลงทุน แต่นักลงทุนที่เล็งเห็นประโยชน์ของกองทุนตราสารหนี้ นักลงทุนที่เข้าใจหลักการลงทุนระยะยาวในหุ้น โดยมีความเชื่อมั่นในแนวคิดและ theme การบริหารกองทุนของเราทำให้ 6 เดือนแรกของปีนี้มีลูกค้าที่ลงทุนกับเราเพิ่มขึ้นถึง 2 หมื่นราย และเพิ่มขึ้นจากช่วงสิ้นปีถึง 1.6 แสนราย นอกจากนี้บริษัทยังพบว่าพฤติกรรมการลงทุนของนักลงทุนก็เริ่มเปลี่ยนไป โดยรู้จักสร้างวินัยการออมและลงทุนให้ตนเองมากขึ้น และยังหันมานิยมลงทุนเป็นรายเดือนอย่างสม่ำเสมอเพิ่มขึ้นอีกด้วย” นางวรวรรณกล่าว
นางวรวรรณกล่าวอีกว่า กลยุทธ์ของบริษัทนอกจากการสร้างผลตอบแทนที่ดีแล้ว บริษัทยังให้น้ำหนักการทำให้ผู้ลงทุนมีวินัยในการออมกับการลงทุนเพื่ออนาคตของตนเอง มีความรู้ความเข้าใจในทางเลือกของการลงทุนระยะยาว และมีความเข้าใจในแนวทางการบริหารกองทุนของบริษัทก่อนจะลงทุน
นอกจากนี้ บริษัทยังให้ความสำคัญในการทำให้สังคมไทยมีความเข้มแข็งขึ้นผ่านการให้ความรู้แก่สาธารณชนเพื่อสร้างความมั่นคงและมั่งคั่งให้ครอบครัวอีกด้วย สิ่งเหล่านี้สำคัญกว่าการมุ่งน้ำหนักไปที่เป้าการขายกองทุนมาก เพราะเราตระหนักดีว่าการที่ธุรกิจอย่างเราจะยืนอยู่ได้อย่างมั่นคงยั่งยืนนั้น ความรู้ความเข้าใจในความสำคัญของการลงทุนของประชาชนและภาครัฐมีส่วนสำคัญยิ่ง และสำคัญเป็นอันดับหนึ่ง
“ที่ผ่านมานี้แม้เราจะสามารถให้ผลตอบแทนการลงทุนที่ดีเยี่ยมและยืนมาได้ในระยะยาว สามารถขยายขนาดกองทุนและจำนวนผู้ลงทุนในทุกกลุ่มชนชั้นของสังคม ซึ่งเราก็ยินดีมาก แต่ไม่มีอะไรจะทำให้ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ของเราทุกคนรู้สึกยินดีและภาคภูมิใจว่าตนประสบความสำเร็จในวิชาชีพนี้ได้เท่ากับการเห็นลูกค้าของเราเริ่มออมเงินสม่ำเสมอ เริ่มวางแผนการเงินเพื่ออนาคตของตนเองและครอบครัว แล้วหวนกลับมาบอกเราเมื่อเวลาผ่านไปเป็นปีๆ ว่า ขอบคุณจริงๆ ในคำชี้แนะ” นางวรวรรณกล่าวสรุป
