xs
xsm
sm
md
lg

ตั้งเป้าเบี้ย 1.7 หมื่นล้าน ไทยประกันชีวิตชูตัวแทนลุย AEC

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ไทยประกันชีวิตมั่นใจปีนี้โตตามเศรษฐกิจ ตั้งเป้าเบี้ยปีแรก 1.7 หมื่นล้านบาท หลังปีที่ผ่านมาทำกำไร 4 พันล้านบาท ฝ่ามรสุมทั้งการเมือง ราคายางพาราตก และจำนำข้าว ระบุเร่งพัฒนาตัวแทนขายกรมธรรม์ประเทศเพื่อนบ้านก่อนหาช่องทางเปิดสาขาในต่างแดนรับเออีซี

ดร.อภิรักษ์ ไทพัฒนกุล กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปีนี้ธุรกิจประกันชีวิตน่าจะเติบโตได้ตามเป้าที่สมาคมประกันชีวิตตั้งไว้คือ 13% จากแนวโน้มเศรษฐกิจที่มีการขยายตัวประมาณ 3.5-4.5% โดยในส่วนของบริษัทตั้งเป้าการเติบโตของเบี้ยปีแรกที่ 35% หรือประมาณ 1.7 หมื่นล้านบาท และมีอัตราการคงอยู่ของกรมธรรม์อยู่ที่ 86%

สำหรับภาพรวมของธุรกิจในปีนี้คาดว่าจะมีเบี้ยประกันภัยรับรวมอยู่ที่ 5.71 แสนล้านบาท และมีเบี้ยปีแรกอยู่ที่ 1.25 แสนล้านบาท เติบโตขึ้นประมาณ 16% โดยมีเบี้ยประกันชำระครั้งเดียวอยู่ประมาณ 6.84 หมื่นล้านบาท หรือเติบโตขึ้น 10%

“ในปีที่ผ่านมาเราทำกำไรได้ประมาณ 4 พันล้านบาท แต่ก็ถือเป็นปีที่ยาก ส่วนในปีนี้ธุรกิจประกันชีวิตน่าจะเติบโตมากกว่าในปีที่ผ่านมา เพราะปีที่ผ่านมาต้องเผชิญกับปัญหาหลายด้าน ทั้งความขัดแย้งทางการเมือง ปัญหาความล่าช้าของการจ่ายเงินจำนำข้าว และราคายางพาราที่ตกต่ำ ซึ่งส่งผลกระทบต่อการขายกรมธรรม์ในช่วงต้นปีไปพอสมควร” ดร.อภิรักษ์กล่าว

ดร.อภิรักษ์กล่าวอีกว่า การเติบโตของบริษัทในปีนี้น่าจะยังมาจากช่องทางตัวแทนเป็นหลัก ซึ่งเป็นจุดแข็งของบริษัท แต่ในส่วนของช่องทางธนาคารก็เริ่มเห็นภาพการเติบโตที่ดีในปีที่ผ่านมา จากเดิมที่มีส่วนของเบี้ยประกันน้อยมากแต่ปัจจุบันปรับตัวเพิ่มขึ้นมาเป็น 19% ส่วนที่เหลือจะเป็นช่องทางตัวแทน 80% และอีกประมาณ 1% เป็นช่องทางการขายผ่านทางโทรศัพท์

นอกจากนี้ บริษัทยังมีช่องทางการขายตรงในบริษัทญี่ปุ่นที่ต้องอยู่ในประเทศไทยจากการแนะนำของพันธมิตรอย่าง บริษัท เมจิยาสุดะ ซึ่งเริ่มทำการพัฒนาการขายผ่านช่องทางนี้ไปเมื่อปีที่ผ่านมา ส่วนในปีนี้คาดว่าน่าจะทำเบี้ยประกันชีวิตจากช่องทางนี้เพิ่มขึ้นได้เป็น 20 ล้านบาท

ส่วนการขยายตลาดอาเซียนหลังเปิดเสรีอาเซียนนั้น บริษัทมีแผนที่จะเปิดสำนักงานสาขาในประเทศพม่าเช่นกัน แต่คงจะต้องศึกษารายละเอียดและข้อกฎหมายก่อนว่าจะต้องมีขั้นตอนอย่างไร แต่ในเบื้องต้นสำหรับการเปิดอาเซียนนั้น บริษัทจะให้ความสำคัญต่อตัวแทนให้สามารถขายกรมธรรม์แก่คนในประทศเพื่อนบ้านอย่าง ลาว เขมร พม่า และกัมพูชาก่อน

“เราต้องฝึกฝนให้ตัวแทนเราติดต่อกับต่างชาติได้ เพราะไทยเรามีจุดแข็งเรื่องสถานพยาบาล และคนในประเทศเหล่านี้สนใจเข้ามาทำประกันชีวิตในประเทศไทยมากกว่า ส่วนการไปตั้งสาขาคงยังยากอยู่เพราะติดเรื่องกฎหมายที่เขายังไม่เปิดตามไปด้วย” ดร.อภิรักษ์กล่าว

ด้าน นายอังกูร ศรีกัลยาณบุตร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ กล่าวเสริมว่า ปัจจุบันบริษัทให้ความสำคัญต่อช่องทางตลาดดิจิตอล และมีการพัฒนาเครื่องมือสนับสนุนการขายของฝ่ายขาย โดยพยายามผลักดันให้การดำเนินนโยบายด้านการตลาดดิจิตอลแบบครบเครื่องตลอดมา

“เราเป็นบริษัทแรกๆ ที่พัฒนาช่องทางนี้ ซึ่งในปี 2556 เรามีแฟนเพจบนเฟซบุ๊กแค่ 4.4 หมื่นคน แต่ในปีที่ผ่านมา 2557 แฟนเพจบนเฟซบุ๊กเราเพิ่มขึ้นมากเกือบ 200% อยู่ที่ 1.3 แสนคนแล้ว และเรายังมีการพัฒนาต่ออีก ซึ่งล่าสุดเรายังมีการรับตัวแทนผ่านสังคมออนไลน์ โดยจะทำให้บุคคลที่สนใจเข้าสู่อาชีพตัวแทนประกันชีวิตได้ง่ายขึ้นอีกด้วย” นายอังกูรกล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น