บลจ.กสิกรไทยยิ้มปรับพอร์ตกองทุน LTF-RMF ดันผลการดำเนินงานโดดเด่น ชวนลงทุนส่งท้ายปี พร้อมเชื่อมั่นแรงอัดฉีดจากรัฐหนุนเศรษฐกิจไทยปีหน้าเติบโต
นางสาวยุพาวดี ตู้จินดา รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า ภาพรวมตลอดทั้งปี 2557 ที่ผ่านมา ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อตลาดหุ้นค่อนข้างมีความหลากหลายและมีการปรับเปลี่ยนอย่างรวดเร็วทั้งในภาพรวมและในเชิงนโยบาย ซึ่งแตกต่างกันไปตามหมวดอุตสาหกรรมต่างๆ จึงทำให้ผลการดำเนินงานของกองทุน LTF ส่วนใหญ่ในอุตสาหกรรม (มากกว่า 50%) มีผลการดำเนินงานที่ต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน โดยตั้งแต่ต้นปี ถึงวันที่ 19 ธ.ค. 2557 ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้น 16.60% โดยที่มีกองทุน LTF ที่สามารถเอาชนะเกณฑ์มาตรฐานเพียงแค่ 17 กองทุน (คิดเป็น 32%) ในขณะที่กองทุน LTF ที่มีผลการดำเนินงานต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐานมีจำนวนมากถึง 35 กองทุน (คิดเป็น 68%)
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากผู้จัดการกองทุนของ บลจ.กสิกรไทยมีการปรับพอร์ตการลงทุนอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้ผลการดำเนินงานของกองทุน LTF ภายใต้การบริหารงานของ บลจ.กสิกรไทยโดยรวมสามารถให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าตลาด โดยเฉพาะกองทุน K20SLTF และกองทุน KDLTF ซึ่งให้ผลตอบแทนอยู่ที่ 20.52% และ 17.57% ตามลำดับ และติดอันดับอยู่ใน Top Quartile จากการจัดอันดับของ Morningstar® ซึ่งสามารถเอาชนะทั้งเกณฑ์มาตรฐานซึ่งอยู่ที่ 16.60% และเอาชนะค่าเฉลี่ยของกองทุน LTF ในระบบซึ่งอยู่ที่ 14.97% (ที่มา : Morningstar® ณ วันที่ 19 ธ.ค 2557)
นอกจากนี้ ในช่วงที่ตลาดหุ้นปรับตัวลงแรงในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยปรับตัวลง -5.22% จากผลกระทบของราคาน้ำมันที่ปรับตัวลง แต่กองทุน LTF ของ บลจ.กสิกรไทยส่วนใหญ่ ซึ่งมีสัดส่วนการลงทุนในหุ้นพลังงานน้อยกว่าเกณฑ์มาตรฐาน จึงทำให้กองทุนเรามีการปรับตัวลงน้อยกว่าตลาด เช่น กองทุนเปิดเค 70:30 หุ้นระยะยาวปันผล (K70LTF) กองทุนเปิดเค 20 ซีเล็คท์หุ้นระยะยาวปันผล (K20SLTF) และกองทุนเปิดเค โกรทหุ้นระยะยาวปันผล (KGLTF) ซึ่งให้ผลตอบแทนที่ -1.28%, -4.89% และ -5.07% ตามลำดับ
ส่วนทางด้านกองทุน RMF โดยรวมก็มีผลงานค่อนข้างดี โดยเฉพาะ กองทุนเปิดเค หุ้นทุนบริพัตรเพื่อการเลี้ยงชีพ (KFLRMF) ซึ่งเป็นกองทุนรวมผสมแบบยืดหยุ่นที่สามารถปรับสัดส่วนการลงทุนในหุ้นได้ตั้งแต่ร้อยละ 0 ถึง 100 ซึ่งมีผลการดำเนินงานที่ดีกว่าเกณฑ์มาตรฐานค่อนข้างมาก โดยผลการดำเนินงานตั้งแต่ต้นปี ถึงวันที่ 19 ธ.ค. 2557 กองทุนให้ผลตอบแทนอยู่ที่ 19.17% เอาชนะเกณฑ์มาตรฐานซึ่งอยู่ที่ 11.06% และดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (SET Index) ซึ่งอยู่ที่ 16.60%
นางสาวยุพาวดี กล่าวว่า สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นไทยในปี 2558 นั้นเราคาดว่าตลาดหุ้นจะสามารถปรับตัวขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะได้รับแรงสนับสนุนจากปัจจัยหลายด้าน เช่น ความมีเสถียรภาพทางการเมือง แผนการลงทุนภาครัฐในโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ทั้งในด้านคมนาคมและโทรคมนาคม รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐอื่นๆ ซึ่งจะช่วยเอื้อต่อบริษัทจดทะเบียนในหลายอุตสาหกรรม เช่น ภาคการก่อสร้าง การท่องเที่ยว และการลงทุน เป็นต้น นอกจากนี้ยังคาดว่าจะได้รับอานิสงส์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการบริโภคภายในประเทศด้วย
อย่างไรก็ตาม สำหรับหุ้นในกลุ่มพลังงานมีแนวโน้มที่จะได้รับแรงกดดันต่อเนื่องจากราคาน้ำมันในตลาดโลกที่คาดว่าจะคงอยู่ในระดับต่ำต่อไปอีกระยะหนึ่ง นอกจากนี้ แม้ตลาดจะมีความกังวลว่าอัตราการเติบโตของผลกำไรของบริษัทจดทะเบียนที่เคยคาดการณ์ไว้ที่ 15% อาจจะมีการปรับลดลงจากแนวโน้มผลกำไรที่ลดลงของบริษัทจดทะเบียนในกลุ่มพลังงานจากผลของราคาน้ำมันที่ปรับตัวลง แต่บริษัทเชื่อว่าหุ้นในกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคในประเทศ หรืออุตสาหกรรมอื่นที่ได้รับประโยชน์จากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลง น่าจะมีโอกาสที่จะได้รับการปรับการคาดการณ์ผลกำไรเพิ่มขึ้นได้
ทั้งนี้ ทาง บลจ.กสิกรไทยคาดว่าตลาดหุ้นไทยยังสามารถปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องได้ในปีหน้า โดยมองเป้าหมายดัชนีหุ้นไทยปลายปี 2558 ที่ระดับ 1,700 จุด ซึ่งสะท้อนอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิ (P/E) ในปี 2558 ที่ 16 เท่า ซึ่งถึงแม้ว่าจะเป็นระดับที่สูงกว่าค่าเฉลี่ย P/E ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาประมาณ 14.5 เท่า แต่เนื่องจากสภาพคล่องที่มีอยู่สูงทั่วโลกจากการดำเนินมาตรการผ่อนคลายทางการเงินของธนาคารกลางขนาดใหญ่หลายๆ แห่งทั่วโลก ประกอบกับการลงทุนในหุ้นน่าจะยังเป็นสินทรัพย์ที่มีความน่าสนใจมากกว่าสินทรัพย์ประเภทอื่น จะสามารถทำให้ระดับค่า P/E เฉลี่ย อยู่ในระดับที่สูงขึ้นได้