กบข.เผย พ.ร.บ. 2494 เคาะแล้ว คาดมีสมาชิกใช้สิทธิกลับไปใช้ พ.ร.บ.เดิม 2 แสนราย เป็นเงิน 40,000 ล้านบาท ชี้ไม่กระทบสภาพคล่องเพราะยังมีเงินใหม่ที่เข้ามาแนะสมาชิกคำนวณเงินและตัดสินใจให้ดี
นายสมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เปิดเผยว่า ปัจจุบันมีสมาชิก กบข.อยู่ 1.2 ล้านคน โดยในจำนวนนี้มีสิทธิที่จะกลับไปใช้สิทธิบำเหน็จบำนาญราชการตาม พ.ร.บ.บำเหน็จบำนาญราชการ พ.ศ. 2494 จำนวน 7 แสนคน ซึ่งเป็นสมาชิกก่อนปี 2540 โดย พ.ร.บ.ดังกล่าวได้ผ่านการอนุมัติจาก สนช. แล้วและเตรียมที่จะใช้ในอีก 1 เดือน
ทั้งนี้ คาดว่าในจำนวนสมาชิก กบข. 7 แสนรายที่มีสิทธิเลือก จะมีจำนวน 2 แสนราย หรือคิดเป็น 30% ที่จะเลือกกลับไปใช้สิทธิ พ.ร.บ.เดิม (Undo) ซึ่งมีจำนวนเงินที่จะต้องจ่ายคืนให้สมาชิกในจำนวน 2 แสนรายนี้ประมาณ 4 หมื่นล้านบาท หรือคิดเป็นคนละประมาณ 2 แสนบาท แต่หากมีสมาชิกเลือกออกมากกว่าที่คาดการณ์ก็คาดว่าไม่น่าจะมีเงินที่จ่ายคืนเกิน 5 หมื่นล้านบาท ซึ่งไม่มีผลกระทบต่อสภาพคล่องแต่อย่างใด เพราะยังมีเงินใหม่เข้ามา
โดยทาง กบข.จะทราบจำนวนสมาชิกที่ใช้สิทธิทั้งหมดประมาณเดือนมิถุนายน 2558และสมาชิกจะได้รับเงินตั้งแต่เดือนตุลาคม 2558 ป็นต้นไป
โดยในส่วนของเงินจำนวน 4 หมื่นล้านบาทที่จะคืนให้สมาชิกทาง กบข.ก็ได้เตรียมพร้อมไว้แล้ว โดยเป็นเงินที่ลงทุนอยู่ในพันธบัตรรัฐบาลระยะสั้นหรือเงินฝากที่จะครบกำหนดในช่วงเวลาคืนเงินพอดี
ดังนั้นจึงไม่ได้มีผลกระทบด้านสภาพคล่องและผลกำไรแต่อย่างใด เพราะ กบข.มีการลงทุนที่เน้นผลตอบแทนอยู่สม่ำเสมอ
ท้้งนี้ หลังจ่ายเงินคืนสมาชิกจำนวน 40,000 ล้านบาทแล้ว ทาง กบข.ก็อาจจะมีการปรับพอร์ตการลงทุนบ้างเล็กน้อยก็จะเป็นไปตามโครงสร้างนโยบายนการลงทุน โดยมองว่าตลาดหุ้นตอนนี้ไม่มีผลกระทบต่อพอร์ตการลงทุนมีการติดตามอยู่ตลอด โดย 9 เดือนที่ผ่านมา กบข.สร้างผลตอบแทนให้พอร์ตการลงทุนประมาณ 9% ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายของการลงทุนที่สร้างผลตอบแทนให้ชนะเงินเฟ้อและเงินฝาก
“สมาชิกที่มีสิทธิเลือกกลับไปใช้ อันดู มีข้อควรระวังคือต้องตรวจสอบและคำนวณเงินส่วนต่างของเงินที่ได้จาก กบข.กับเงินบำนาญที่จะได้รับให้ดี และเลือกตัดสินใจว่าจะ อยู่ต่อหรือออกจะดีกว่า เพราะหากเลือกที่จะออกไปแล้วจะเปลี่ยนใจกลับเข้ามาใหม่ไม่ได้ และไม่ควรตามกระแสคนอื่นที่ออกเพราะอายุงานราชการของแต่ละคนไม่เท่ากัน”
สำหรับพอร์ตการลงทุน ปัจจุบันมีพอร์ตการลงทุนของสมาชิกอยู่ประมาณ 480,000 ล้านบาท เป็นการลงทุนในตราสารหนี้รัฐบาล 320,000 ล้านบาท หรือคิดเป็น 65% หุ้นในประเทศ 50,000 ล้านลาท คิดเป็น 11% หุ้นต่างประเทศ 70,000 ล้านบาท คิดเป็น 14% อสังหาริมทรัพย์ 20,000 ล้านบาท คิดเป็น 5% โดยมีการติดตามการลงทุนตลอดเวลาเพื่อเน้นสร้างผลตอนแทนที่สม่ำเสมอในระยะยาว ดังนั้นภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันจึงมีการติดตามและคาดว่าไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อการลงทุนในระยะยาว
