คปภ.เตรียมปรับรูปแบบการรับประกันภัยพิบัติสำหรับที่อยู่อาศัย เป็น “กรมธรรม์ประกันอัคคีภัยสำหรับที่อยู่อาศัย” คงความคุ้มครองธรรมชาติจาก 6 ภัย พร้อมเพิ่มเติมอีก 4 ภัย คาดความคุ้มครองครอบคลุม-อัตราเบี้ยประกันภัยต่ำโดนใจผู้เอาประกัน เล็งบังคับใช้วันที่ 1 มกราคม 2558
นายประเวช องอาจสิทธิกุล เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยว่า คณะกรรมการบริหารกองทุนส่งเสริมการประกันภัยพิบัติเห็นชอบให้มีการปรับปรุงแนวทางการรับประกันภัยของกองทุนส่งเสริมประกันภัยพิบัติในกลุ่มบ้านที่อยู่อาศัย เพื่อให้ประชาชนได้รับความคุ้มครองภัยพิบัติได้อย่างครอบคลุม รวมถึงเพื่อให้มีความยืดหยุ่นสำหรับผู้เอาประกันภัยและบริษัทประกันภัยในการให้บริการประชาชนได้เพิ่มมากขึ้น
โดยสำนักงาน คปภ.และสมาคมประกันวินาศภัยไทยได้ปรับปรุงแนวทางการรับประกันภัยรูปแบบใหม่เป็นกรมธรรม์ประกันอัคคีภัยสำหรับที่อยู่อาศัย เพิ่มความคุ้มครองจาก 6 ภัยหลัก ได้แก่ ภัยจากไฟไหม้ ภัยจากฟ้าผ่า ภัยจากระเบิด ภัยจากยานพาหนะ ภัยจากอากาศยาน และภัยจากน้ำท่วม โดยเราจะเพิ่มเติมความคุ้มครองภัยธรรมชาติในทุกกรณีอีก 4 ภัยด้วยกัน ได้แก่ ภัยจากลมพายุ ภัยจากน้ำท่วม ภัยจากแผ่นดินไหว และภัยจากลูกเห็บ รวมเป็น 10 ภัย
ในส่วนการคิดเบี้ยประกันภัยนั้นจะคิดตามพิกัดอัตราเบี้ยประกันอัคคีภัยให้ความคุ้มครองในวงเงินที่ระบุในกรมธรรม์ประกันภัย และในส่วนของความคุ้มครองเพิ่มเติมภัยธรรมชาติ 4 ภัยคิดเบี้ยประกันภัย 100 บาทซึ่งให้ความคุ้มครองในวงเงิน 20,000 บาทต่อปี โดยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนตามความเสียหายที่เกิดขึ้นจริง โดยบริษัทประกันภัยสามารพิจารณารับความเสี่ยงไว้เองโดยไม่ต้องเอาประกันภัยต่อกับกองทุนฯ ทั้งนี้ขั้นตอนต่อไปจะเป็นการขอรับความเห็นชอบหลักการแบบและข้อความกรมธรรม์ประกันภัยและออกคำสั่งนายทะเบียนเพื่อให้มีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 มกราคม 2558
สำหรับความคืบหน้าในการดำเนินงานของกองทุนส่งเสริมการประกันภัยพิบัตินั้นมียอดจำหน่ายกรมธรรม์ประกันภัยล่าสุด ณ วันที่ 7 สิงหาคม 2557 มีจำนวนทั้งสิ้น 1,387,988 ฉบับ แบ่งเป็นกลุ่มผู้เอาประกันภัยประเภทบ้านที่อยู่อาศัย 1,367,980 ฉบับ กลุ่มผู้เอาประกันภัยประเภท SME อยู่ที่ 19,043 ฉบับ และกลุ่มผู้เอาประกันภัยประเภทอุตสาหกรรม 975 ฉบับ โดยมีทุนประกันภัยพิบัติที่ยังมีผลคุ้มครอง 67,045 ล้านบาท
นายประเวชกล่าวอีกว่า โจทย์สำคัญที่เราต้องพัฒนาต่อนั้นก็คือ การให้ประชาชนทั่วไปตระหนักถึงการทำกรมธรรม์ประกันอัคคีภัยสำหรับที่อยู่อาศัย ซึ่งปัจจุบันสัดส่วนของผู้เอาประกันในส่วนของบ้านที่อยู่อาศัยนั้นมีน้อยเมื่อเทียบกับจำนวนบ้านที่อยู่อาศัย โดยเฉพาะการให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการประกันภัยในรูปแบบดังกล่าว
