ASTVผูจัดการรายวัน- คปภ.-บิ๊กบริษัทประกันภัย ย้น อุบัติเหตุรถยนต์-ไฟไหม้ ช่วงรัฐประหาร-เคอร์ฟิว ประกันให้ความคุ้มครองเต็ม 100% ตามเหตุเงื่อนไขที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ ส่วนกรณีความเสียหายในพื้นที่ชุมนุมต้องพิจารณาอีกครั้งว่ามีความเกี่่ยวข้องและสาเหตุจากการชุมนุมหรือไม่ เลขาฯ คปภ.ย้ำชัด จ่ายทุกเวลา ไม่ว่าก่อนหรือหลังเคอร์ฟิว
นายประเวช องอาจสิทธิกุล เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย(คปภ.) เปิดเผยว่า จากกระแสข่าวการงดจ่ายสินไหมของประกันภัยในช่วงที่มีการรัฐประหารหรือการประกาศเคอร์ฟิวจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)นั้น ทางคปภ.ยืนยันว่าในกรณีการเกิดอุบัติเหตุไม่ว่าในช่วงก่อนหรือหลังการประกาศเคอร์ฟิว ทางบริษัทประกันภัยจะให้ความคุ้มครองและจ่ายชดเชยค่าสินไหมตามกรมธรรม์ที่ระบุไว้
ส่วนกรณีที่เกิดความเสียหายในพื้นที่ชุมนุมต่อต้านจะต้องมีการพิจารณาอีกครั้งว่าความเสียหายที่ได้รับเกิดขึ้นจากสาเหตุใด ซึ่งหากไม่เกี่ยวข้องกับการชุมนุมและเป็นอุบัติเหตุทั่วไปจะได้รับความคุ้มครองอย่างแน่นอน
"ในกรณีนี้บริษัทประกันภัยจะให้ความคุ้มครองหากมีอุบัติเหตุเกิดขึ้น และไม่เกี่ยวข้องกับการชุมนุมหรือการจราจล ซึ่งไม่ว่าจะเป็นเวลาก่อนหรือหลังเคอร์ฟิวจะให้ความคุ้มครองทั้งนั้น ส่วนถ้าเป็นความเสียหายที่อยู่ในพื้นที่ชุมนุมจะต้องมาพิจารณากันอีกครั้งว่าสาเหตุมาจากอะไร ผู้ได้รับความเสียหายเกี่ยวข้องกับการชุมนุมหรือไม่ ต้องพิจาณา แต่ถ้าเป็นอุบัติเหตุยังไงก็ได้รับความคุ้มครองแน่นอน"
ด้านนายอรัญ ศรีว่องไทย ในฐานะคณะกรรมการสมาคมประกันวินาศภัยไทย กล่าวว่า ถึงแม้ตามกรมธรรม์ประกันภัยจะมีข้อยกเว้นเกี่ยวกับการงดจ่ายสินไหม ในช่วงส่งคราม การจราจลที่มีเหตุการณ์ไม่สงบ แต่ในส่วนของการรัฐประหารและการประกาศเคอร์ฟิวของ คสช.นั้น ยืนยันว่าไม่เกี่ยวข้องกัน และทางบริษัทประกันจะต้องจ่ายสินไหมตามกรมธรรม์ที่ระบุไว้หากเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งถึงแม้จะเป็นช่วงเวลาที่มีการประกาศห้ามออกจากที่อยู่อาศัยก็ตาม
ทั้งนี้ หากเป็นอุบัติเหตุรถยนต์ทั่วไปที่ไม่เกี่ยวข้องกับการปะทะ หรือการจราจลแล้วทางบริษัทประกันภัยจะต้องจ่ายสินไหมตามปกติ ส่วนที่อยู่อาศัย โรงงาน อาคารสำนักงาน หากมีความเสียหายเกิดขึ้นจะต้องพิจารณาว่ามีความเกี่ยวข้องกันหรือไม่ ซึ่งหากเป็นไฟฟ้าลัดวงจร หรือ อุบัติเหตุทั่วไปนั้น ทางบริษัทประกันภัยจะทำการจ่ายสินไหมตามปกติแน่นอน
"อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในช่วงนี้บริษัทประกันจะรับผิดชอบตามจริง ซึ่งเป็นบรรทัดฐานทั่วไปและเป็นกฎหมาย ซึ่งทางบริษัทรับประกันภัยต่อต่างประเทศจะยึดในแนวทางเดียวกัน แต่ถ้าเกิดมีส่วนเกี่ยวข้องกับความรุนแรงหรือจราจลก็ต้องดูเป็นรายไป แต่ถ้าเป็นอุบัติเหตุทั่วไปขับรถออกจากบ้าน ยังไงก็ได้รับความคุ้มครอง ถึงแม้จะเป็นช่วงเคอร์ฟิวก็ตาม โดยหลังจากนี้ก็ไม่ทราบว่าสถานการณ์จะอยู่แบบนี้นานเท่าไร เกิดต้องประกาศนานเป็นปีแล้วเกิดอุบัติเหตุขึ้น แบบนี้ไม่ได้รับความคุ้มครองมันก็ไม่ได้"นายอรัญกล่าว
นายนที ไชยกาล ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายสินไหมทดแทน บริษัท วิริยะประกันภัย กล่าวว่า บริษัทยืนยันว่ายังคงให้บริการจ่ายเคลมสินไหมรถยนต์ตามปกติ แม้ว่ารถคนนั้นจะเกิดเหตุหลังประกาศเคอร์ฟิวก็ตาม เพราะตามเงื่อนไขการรับประกันนั้น จะยกเว้นจ่ายสินไหมได้ก็ต่อเมื่อมีสงครามกลางเมืองหรือเกิดจลาจลขึ้นเท่านั้น ซึ่งสถานการณ์ในขณะนี้ยังไม่ถึงขั้นนั้น ดังนั้น การให้บริการทุกอย่างยังคงเป็นปกติ ไม่ได้มีข้อยกเว้นอะไรทั้งสิ้น
“จะมีประกาศเคอร์ฟิวหรือไม่มีเคอร์ฟิว ก็ไม่มีผลอะไร เพราะรถทุกคันยังเคลมสินไหมได้เป็นปกติ บริษัทประกันไม่สามารถปฏิเสธลูกค้าได้”นาย นที กล่าว
ยันแผนดินไหวไม่ถึงเกณฑ์กองภัยพิบัติ
นายประเวช กล่าวอีกว่า เหตุการณ์แผ่นดินไหวในภาคเหนือนั้นเบื้องต้นนั้นไม่เข้าข่ายการจ่ายสินไหมของกองทุนภัยพิบัติแห่งชาติ เนื่องจากความรุนแรงที่ระดับ 6.3 ริตเตอร์ยังไม่เขัาเกณฑ์ ซึ่งตามกำหนดของกองทุนภัยพิบัติแห่งชาติจะอยู่ที่ 7 ริตเตอร์ ส่วนถ้าเป็นภัยจากพายุจะต้องมีความเร็วลมประมาณ 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งถ้าผู้ได้รับความเดือดร้อนมีการซื้อความคุ้มครองความเสี่ยงภัยทรัพย์สิน(IAR)ก็จะได้รับความคุ้มครอง หรือ ถ้าเป็นรถยนต์ที่มีประกันภัยชั้น 1 ก็จะได้รับความคุ้มครองเช่นเดียวกัน
นายประเวช องอาจสิทธิกุล เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย(คปภ.) เปิดเผยว่า จากกระแสข่าวการงดจ่ายสินไหมของประกันภัยในช่วงที่มีการรัฐประหารหรือการประกาศเคอร์ฟิวจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)นั้น ทางคปภ.ยืนยันว่าในกรณีการเกิดอุบัติเหตุไม่ว่าในช่วงก่อนหรือหลังการประกาศเคอร์ฟิว ทางบริษัทประกันภัยจะให้ความคุ้มครองและจ่ายชดเชยค่าสินไหมตามกรมธรรม์ที่ระบุไว้
ส่วนกรณีที่เกิดความเสียหายในพื้นที่ชุมนุมต่อต้านจะต้องมีการพิจารณาอีกครั้งว่าความเสียหายที่ได้รับเกิดขึ้นจากสาเหตุใด ซึ่งหากไม่เกี่ยวข้องกับการชุมนุมและเป็นอุบัติเหตุทั่วไปจะได้รับความคุ้มครองอย่างแน่นอน
"ในกรณีนี้บริษัทประกันภัยจะให้ความคุ้มครองหากมีอุบัติเหตุเกิดขึ้น และไม่เกี่ยวข้องกับการชุมนุมหรือการจราจล ซึ่งไม่ว่าจะเป็นเวลาก่อนหรือหลังเคอร์ฟิวจะให้ความคุ้มครองทั้งนั้น ส่วนถ้าเป็นความเสียหายที่อยู่ในพื้นที่ชุมนุมจะต้องมาพิจารณากันอีกครั้งว่าสาเหตุมาจากอะไร ผู้ได้รับความเสียหายเกี่ยวข้องกับการชุมนุมหรือไม่ ต้องพิจาณา แต่ถ้าเป็นอุบัติเหตุยังไงก็ได้รับความคุ้มครองแน่นอน"
ด้านนายอรัญ ศรีว่องไทย ในฐานะคณะกรรมการสมาคมประกันวินาศภัยไทย กล่าวว่า ถึงแม้ตามกรมธรรม์ประกันภัยจะมีข้อยกเว้นเกี่ยวกับการงดจ่ายสินไหม ในช่วงส่งคราม การจราจลที่มีเหตุการณ์ไม่สงบ แต่ในส่วนของการรัฐประหารและการประกาศเคอร์ฟิวของ คสช.นั้น ยืนยันว่าไม่เกี่ยวข้องกัน และทางบริษัทประกันจะต้องจ่ายสินไหมตามกรมธรรม์ที่ระบุไว้หากเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งถึงแม้จะเป็นช่วงเวลาที่มีการประกาศห้ามออกจากที่อยู่อาศัยก็ตาม
ทั้งนี้ หากเป็นอุบัติเหตุรถยนต์ทั่วไปที่ไม่เกี่ยวข้องกับการปะทะ หรือการจราจลแล้วทางบริษัทประกันภัยจะต้องจ่ายสินไหมตามปกติ ส่วนที่อยู่อาศัย โรงงาน อาคารสำนักงาน หากมีความเสียหายเกิดขึ้นจะต้องพิจารณาว่ามีความเกี่ยวข้องกันหรือไม่ ซึ่งหากเป็นไฟฟ้าลัดวงจร หรือ อุบัติเหตุทั่วไปนั้น ทางบริษัทประกันภัยจะทำการจ่ายสินไหมตามปกติแน่นอน
"อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในช่วงนี้บริษัทประกันจะรับผิดชอบตามจริง ซึ่งเป็นบรรทัดฐานทั่วไปและเป็นกฎหมาย ซึ่งทางบริษัทรับประกันภัยต่อต่างประเทศจะยึดในแนวทางเดียวกัน แต่ถ้าเกิดมีส่วนเกี่ยวข้องกับความรุนแรงหรือจราจลก็ต้องดูเป็นรายไป แต่ถ้าเป็นอุบัติเหตุทั่วไปขับรถออกจากบ้าน ยังไงก็ได้รับความคุ้มครอง ถึงแม้จะเป็นช่วงเคอร์ฟิวก็ตาม โดยหลังจากนี้ก็ไม่ทราบว่าสถานการณ์จะอยู่แบบนี้นานเท่าไร เกิดต้องประกาศนานเป็นปีแล้วเกิดอุบัติเหตุขึ้น แบบนี้ไม่ได้รับความคุ้มครองมันก็ไม่ได้"นายอรัญกล่าว
นายนที ไชยกาล ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายสินไหมทดแทน บริษัท วิริยะประกันภัย กล่าวว่า บริษัทยืนยันว่ายังคงให้บริการจ่ายเคลมสินไหมรถยนต์ตามปกติ แม้ว่ารถคนนั้นจะเกิดเหตุหลังประกาศเคอร์ฟิวก็ตาม เพราะตามเงื่อนไขการรับประกันนั้น จะยกเว้นจ่ายสินไหมได้ก็ต่อเมื่อมีสงครามกลางเมืองหรือเกิดจลาจลขึ้นเท่านั้น ซึ่งสถานการณ์ในขณะนี้ยังไม่ถึงขั้นนั้น ดังนั้น การให้บริการทุกอย่างยังคงเป็นปกติ ไม่ได้มีข้อยกเว้นอะไรทั้งสิ้น
“จะมีประกาศเคอร์ฟิวหรือไม่มีเคอร์ฟิว ก็ไม่มีผลอะไร เพราะรถทุกคันยังเคลมสินไหมได้เป็นปกติ บริษัทประกันไม่สามารถปฏิเสธลูกค้าได้”นาย นที กล่าว
ยันแผนดินไหวไม่ถึงเกณฑ์กองภัยพิบัติ
นายประเวช กล่าวอีกว่า เหตุการณ์แผ่นดินไหวในภาคเหนือนั้นเบื้องต้นนั้นไม่เข้าข่ายการจ่ายสินไหมของกองทุนภัยพิบัติแห่งชาติ เนื่องจากความรุนแรงที่ระดับ 6.3 ริตเตอร์ยังไม่เขัาเกณฑ์ ซึ่งตามกำหนดของกองทุนภัยพิบัติแห่งชาติจะอยู่ที่ 7 ริตเตอร์ ส่วนถ้าเป็นภัยจากพายุจะต้องมีความเร็วลมประมาณ 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งถ้าผู้ได้รับความเดือดร้อนมีการซื้อความคุ้มครองความเสี่ยงภัยทรัพย์สิน(IAR)ก็จะได้รับความคุ้มครอง หรือ ถ้าเป็นรถยนต์ที่มีประกันภัยชั้น 1 ก็จะได้รับความคุ้มครองเช่นเดียวกัน
