xs
xsm
sm
md
lg

ชี้ ศก.ไทยโตครึ่งหลัง ดบ.ต่ำ-เงินเฟ้อยังไม่เพิ่ม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“ณรงค์ชัย” ชี้เศรษฐกิจไทยครึ่งหลังเริ่มเติบโต การลงทุน ส่งออกขยายตัว มองจีดีพีปีนี้โต 1.5% ขณะที่ดอกเบี้ยยังทรงตัวในระดับต่ำ และเงินเฟ้อไม่เพิ่ม นักวิเคราะห์มองตลาดหุ้นไทยราคาไม่แพง คาดดัชนีปีหน้าแตะ 1,620 จุด

นายณรงค์ชัย อัครเศรณี ประธานกรรมการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลังน่าจะบวกที่ประมาณ 3% จากครึ่งปีแรกที่ผ่านมาที่ติดลบ 0.5% โดยรวมทั้งปีจีดีพีน่าจะโตอยู่ที่ประมาณ 1.5% โดยปัจจัยบวกในช่วงครึ่งปีหลังนี้มาจากการอนุมัติเงินที่ค้างอยู่ทั้งเรื่องจำนำข้าว การลงทุนของภาคเอกชนก็เพิ่มขึ้น แต่การใช้จ่ายของภาครัฐอาจไม่มากเพราะมีการตรวจสอบมากขึ้น แต่การอนุมัติงบประมาณในปี 2558 ได้ดำเนินการไปแล้ว ดังนั้นผลของเศรษฐกิจจะยังไม่เห็นผลชัดเจนในครึ่งปีหลังนี้ซึ่งจะเห็นผลชัดเจนในเรื่องต่างๆ ในช่วงต้นปีหน้า

ทั้งนี้ ทาง คสช.พยายามแก้ไขปัญหาต่างๆ ทั้งเรื่องแรงงาน การปราบสิ่งผิดกฎหมายต่างๆ รวมทั้งเรื่องซับไพรม์การลงทุน การตั้งโรงงาน ที่มีความล้าช้า รวมทั้งเรื่องนโยบายเศรษฐกิจและการปกครองที่ต่างประเทศจับตามองไทยอยู่

“ภาคการส่งออกของไทยในช่วงครี่งปีหลังเริ่มขยายตัว รวมทั้งการท่องเที่ยว ขณะที่อัตราดอกเบี้ยยังคงอยู่ในระดับต่ำ เงิอเฟ้ออาจมีการเพิ่มขึ้นบ้างจากเรื่องการปรับโครงสร้างพลังงานของ คสช. โดยรวมมองว่าเศรษฐกิจไทยน่าจะดีขึ้น”

นายจักรกฤศฏิ์ พาราพันธกุล รองปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า การลงทุนของภาครัฐในปีหน้าดูว่าทาง คสช.จะให้ดำเนินการเร็วแค่ไหน ซึ่งงบประมาณที่โครงการต่างๆ ที่จะดำเนินงานในปี 2558 อยู่ประมาณ 730,000 ล้านบาท โดยในจำนวนนี้มีที่จะต้องใช้จ่ายจริงอยู่เพียง 50,000 ล้านบาทเท่านั้น ดังนั้นจึงต้องดูการลงทุนขนาดใหญ่จากภาครัฐจะมีความรวดเร็วแค่ไหน โดยทางกระทรวงการคลังไม่มีปัญหาเรื่องการหาเงิน เพราะการออกเงินกู้จากคลังยังได้รับความสนใจอยู่ ขณะที่หนี้สาธารณะตอนนี้ยังอยู่ที่ 47% ของจีดีพี ยังต่ำกว่าที่ตั้งไว้ที่ 60%

นายวิศิษฐ์ องค์พิพัฒนกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด กล่าวถึงตลาดหุ้นไทยว่า ตอนนี้ตลาดหุ้นไทยไม่ได้รับแรงซื้อขายจากนักลงทุนต่างประเทศมากนัก ตอนนี้การซื้อของต่างชาติมีอยู่เพียง 1.8% ของมาร์เกตแคปเท่านั้น แต่สภาพคล่องของตลาดอยู่ที่ภายในประเทศเป็นหลัก เงินลงทุนจากต่างประเทศที่เข้ามาตั้งแต่การออก QE1 ตอนนี้ออกไปหมดแล้ว ที่เหลืออยู่ 3-4% นั้นเป็นเงินลงทุนระยะยาว ขณะเดียวกันยังมีเงินลงทุนจากการกระตุ้นเศรษฐกิจของยุโรปกับญี่ปุ่นเข้ามาตลาดหุ้นไทยอยู่

นอกจากนี้ ตลาดหุ้นไทยระดับราคาไม่แพงหลายบริษัทเริ่มมีการปรับผลประกอบการในปีหน้าเพิ่มขึ้น ซึ่งจากการประมาณการตลาดหุ้นไทยในปีนี้จึงน่าจะอยู่ที่ระดับ 1,620 จุดจากระดับพี/อี 13 เท่า ตลาดหุ้นของประเทศเกิดใหม่มีระดับราคาหุ้นที่ถูกกว่าตลาดพัฒนาแล้ว ดังนั้นตลาดเกิดใหม่จึงน่าจะเป็นแหล่งดึงดูดเงินลงทุนต่อไป


กำลังโหลดความคิดเห็น