ASTV ผู้จัดการรายวัน – ทริกเกอร์ปิดกองทำกำไร หลังหุ้นปรับขึ้นแรง กดดัชนีหลักทรัพย์ ปิดลบ 4.84 จุด ตามแรงเทขาย โบรกเกอร์ชี้ถึงจุดพักฐาน นักลงทุนหันมาจับตาโยบายด้านเศรษฐกิจต่างๆ จะมีการผลักดันได้มากน้อยเพียงใด คาดยังผันผวน เหตุขาดปัจจัยใหม่ๆผลักดัน
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (4มิ.ย.) ดัชนีปรับตัวผันผวน โดยเปิดตลาดปรับตัวในแดนบวกเพียงเล็กน้อย แต่พอการซื้อขายรอบบ่ายดัชนีปรับตัวลดลง โดยปิดที่ระดับ 1,449.40 จุด ลดลง 4.84 จุด หรือ -0.33% มูลค่าการซื้อขาย 51,343.83 ล้านบาท ภาพรวมตลาดหุ้นไทยพักตัวจากแรงขายทำกำไรที่เข้ามาหลังดัชนีขึ้นไปมากในช่วงที่ผ่ามมา โดยเฉพาะ Road Map ด้านตลาดภูมิภาควานนี้แกว่งในแดนลบ เพราะรอผลประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB)
นอกจากนี้ พบว่า แรงขายทำกำไรของหุ้นไทยบางส่วน เกิดจากการขายเพื่อเปิดกองทุน ของทริกเกอร์ ฟันด์ เพื่อถอนผลตอบแทนหลังจากราคาหุ้นที่ปรับเพิ่มขึ้นไปมากคืนแก่นักลงทุน โดยระหว่างวันดัชนีแตะจุดสูงสุดที่ 1,458.03 จุดและต่ำสุดที่ 1,447.65 จุด สถาบันในประเทศขายสุทธิ 78.52 ล้านบาท บริษัทหลักทรัพย์ซื้อสุทธิ 184.95 ล้านบาท และนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 581.78 ล้านบาท ส่วนนักลงทุนทั่วรายย่อยขายสุทธิ 688.22 ล้านบาท
ฝ่ายวิเคราะห์ บล.ฟิลลิป สรุปความเคลื่อนไหวดัชนีหุ้นไทย ว่า เริ่มเข้าสู่ช่วงปรับฐาน เนื่องจากดัชนีเข้าใกล้แนวต้านสำคัญที่ 1,470 จุด ประกอบกับตลอดระยะเวลา 6 วันที่ผ่านมาดัชนีปรับตัวขึ้นเฉลี่ยวันละ 10 จุดมาโดยตลอด ดังนั้น ทริกเกอร์ ฟันด์ที่สามารถทำผลตอบแทนได้ถึงตามเป้าหมาย ได้ขายหุ้นปิดกองทุน เพื่อนำเงินคืนให้กับผู้ลงทุน
พร้อมคาดการณ์ความเคลื่อนไหวดัชนีในวันนี้(5มิ.ย.) ว่า ดัชนียังคงมีแนวโน้มผันผวนต่อ เนื่องจากยังไม่เห็นปัจจัยใหม่ๆเข้ามาหนุน ประเมินแนวรับที่ระดับ 1,445 จุด แนวต้าน 1,460 จุด แนะนำนักลงทุนทยอยขายหุ้นเพื่อทำกำไรบางส่วน และเข้าซื้อเมื่อดัชนีมีแนวโน้มอ่อนตัว โดยหุ้นที่น่าสนใจ คือ หุ้นกลุ่มที่คาดว่าได้รับอานิสงส์จากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และยังมีราคาที่ถูกกว่าเมื่อเทียบกับกลุ่มรับเหมาก่อสร้างที่ปรับตัวขึ้นไปมากแล้ว อย่างไรก็ดี มองว่าทิศทาง Fund Flow ของกองทุนภายในประเทศและเม็ดเงินต่างชาติมีแนวโน้มที่จะสวนทางกัน ซึ่งจะทำให้ดัชนีสามารถทรงตัวแต่มีความผันผวนระหว่างวัน
นางภรณี ทองเย็น รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงายวิจัย บล.เอเชียพลัส จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า หุ้นไทยอยู่ในช่วงของการปรับฐาน หลังจากที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 6% นับตั้งแต่มีการประกาศรัฐประหาร ด้วยแรงคาดหวังถึงความสงบจากปัญหาการเมือง ตลอดจนการผลักดันนโยบายเศรษฐกิจของ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ซึ่งจะเห็นว่าแนวนโยบายด้านเศรษฐกิจนั้นไม่ได้ต่างไปจากรัฐบาลชุดก่อนมากนัก ส่งผลให้ตลาดตอบรับประเด็นดังกล่าวไปพอสมควรแล้ว ดังนั้น นักลงทุนจึงจับตาถึงการดำเนินงานนโยบายด้านเศรษฐกิจต่าง ๆ ว่าจะมีการดำเนินงานไปมากน้อยเพียงใด
นอกจากนี้ ดัชนีฯตลาดหุ้นที่ปรับตัวขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง จนค่า P/E ของหุ้นไทยอยู่ประมาณ 15 เท่า จึงเป็นจุดที่จะเห็นแรงขายปรับฐานของตลาดหุ้นไทย แต่อย่างไรก็ตามการปรับฐานจะเป็นรูปแบบของการเคลื่อนไหวออกด้านข้าง (Sideway) ก่อนในช่วงสั้น แล้วค่อย ๆ ปรับบวกต่อในท้ายที่สุด
สำหรับแนวโน้มในวันนี้(5มิ.ย.) คาดว่า ตลาดหุ้นไทยปรับฐานต่อในช่วงสั้น จากก่อนหน้านี้มีแรงเก็งกำไรในกลุ่มที่ได้รับผลประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ (Domestic Play) อาจจะทำให้เห็นแรงขายทำกำไรในหุ้นกลุ่มนี้ แล้วเกิดการโยกไปเก็งกำไรในหุ้นที่ยัง laggard อยู่ อาทิ กลุ่มพลังงาน และกลุ่มประกันภัย แนะนำเก็งกำไรหุ้นกลุ่มพลังงาน อาทิ PTT, PTTEP ,PTTGC หรือ BTS , AOT โดยประเมินแนวรับ 1,440 จุด แนวต้าน 1,455-1,460 จุด
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (4มิ.ย.) ดัชนีปรับตัวผันผวน โดยเปิดตลาดปรับตัวในแดนบวกเพียงเล็กน้อย แต่พอการซื้อขายรอบบ่ายดัชนีปรับตัวลดลง โดยปิดที่ระดับ 1,449.40 จุด ลดลง 4.84 จุด หรือ -0.33% มูลค่าการซื้อขาย 51,343.83 ล้านบาท ภาพรวมตลาดหุ้นไทยพักตัวจากแรงขายทำกำไรที่เข้ามาหลังดัชนีขึ้นไปมากในช่วงที่ผ่ามมา โดยเฉพาะ Road Map ด้านตลาดภูมิภาควานนี้แกว่งในแดนลบ เพราะรอผลประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB)
นอกจากนี้ พบว่า แรงขายทำกำไรของหุ้นไทยบางส่วน เกิดจากการขายเพื่อเปิดกองทุน ของทริกเกอร์ ฟันด์ เพื่อถอนผลตอบแทนหลังจากราคาหุ้นที่ปรับเพิ่มขึ้นไปมากคืนแก่นักลงทุน โดยระหว่างวันดัชนีแตะจุดสูงสุดที่ 1,458.03 จุดและต่ำสุดที่ 1,447.65 จุด สถาบันในประเทศขายสุทธิ 78.52 ล้านบาท บริษัทหลักทรัพย์ซื้อสุทธิ 184.95 ล้านบาท และนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 581.78 ล้านบาท ส่วนนักลงทุนทั่วรายย่อยขายสุทธิ 688.22 ล้านบาท
ฝ่ายวิเคราะห์ บล.ฟิลลิป สรุปความเคลื่อนไหวดัชนีหุ้นไทย ว่า เริ่มเข้าสู่ช่วงปรับฐาน เนื่องจากดัชนีเข้าใกล้แนวต้านสำคัญที่ 1,470 จุด ประกอบกับตลอดระยะเวลา 6 วันที่ผ่านมาดัชนีปรับตัวขึ้นเฉลี่ยวันละ 10 จุดมาโดยตลอด ดังนั้น ทริกเกอร์ ฟันด์ที่สามารถทำผลตอบแทนได้ถึงตามเป้าหมาย ได้ขายหุ้นปิดกองทุน เพื่อนำเงินคืนให้กับผู้ลงทุน
พร้อมคาดการณ์ความเคลื่อนไหวดัชนีในวันนี้(5มิ.ย.) ว่า ดัชนียังคงมีแนวโน้มผันผวนต่อ เนื่องจากยังไม่เห็นปัจจัยใหม่ๆเข้ามาหนุน ประเมินแนวรับที่ระดับ 1,445 จุด แนวต้าน 1,460 จุด แนะนำนักลงทุนทยอยขายหุ้นเพื่อทำกำไรบางส่วน และเข้าซื้อเมื่อดัชนีมีแนวโน้มอ่อนตัว โดยหุ้นที่น่าสนใจ คือ หุ้นกลุ่มที่คาดว่าได้รับอานิสงส์จากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และยังมีราคาที่ถูกกว่าเมื่อเทียบกับกลุ่มรับเหมาก่อสร้างที่ปรับตัวขึ้นไปมากแล้ว อย่างไรก็ดี มองว่าทิศทาง Fund Flow ของกองทุนภายในประเทศและเม็ดเงินต่างชาติมีแนวโน้มที่จะสวนทางกัน ซึ่งจะทำให้ดัชนีสามารถทรงตัวแต่มีความผันผวนระหว่างวัน
นางภรณี ทองเย็น รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงายวิจัย บล.เอเชียพลัส จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า หุ้นไทยอยู่ในช่วงของการปรับฐาน หลังจากที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 6% นับตั้งแต่มีการประกาศรัฐประหาร ด้วยแรงคาดหวังถึงความสงบจากปัญหาการเมือง ตลอดจนการผลักดันนโยบายเศรษฐกิจของ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ซึ่งจะเห็นว่าแนวนโยบายด้านเศรษฐกิจนั้นไม่ได้ต่างไปจากรัฐบาลชุดก่อนมากนัก ส่งผลให้ตลาดตอบรับประเด็นดังกล่าวไปพอสมควรแล้ว ดังนั้น นักลงทุนจึงจับตาถึงการดำเนินงานนโยบายด้านเศรษฐกิจต่าง ๆ ว่าจะมีการดำเนินงานไปมากน้อยเพียงใด
นอกจากนี้ ดัชนีฯตลาดหุ้นที่ปรับตัวขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง จนค่า P/E ของหุ้นไทยอยู่ประมาณ 15 เท่า จึงเป็นจุดที่จะเห็นแรงขายปรับฐานของตลาดหุ้นไทย แต่อย่างไรก็ตามการปรับฐานจะเป็นรูปแบบของการเคลื่อนไหวออกด้านข้าง (Sideway) ก่อนในช่วงสั้น แล้วค่อย ๆ ปรับบวกต่อในท้ายที่สุด
สำหรับแนวโน้มในวันนี้(5มิ.ย.) คาดว่า ตลาดหุ้นไทยปรับฐานต่อในช่วงสั้น จากก่อนหน้านี้มีแรงเก็งกำไรในกลุ่มที่ได้รับผลประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ (Domestic Play) อาจจะทำให้เห็นแรงขายทำกำไรในหุ้นกลุ่มนี้ แล้วเกิดการโยกไปเก็งกำไรในหุ้นที่ยัง laggard อยู่ อาทิ กลุ่มพลังงาน และกลุ่มประกันภัย แนะนำเก็งกำไรหุ้นกลุ่มพลังงาน อาทิ PTT, PTTEP ,PTTGC หรือ BTS , AOT โดยประเมินแนวรับ 1,440 จุด แนวต้าน 1,455-1,460 จุด
