หุ้นไทยพักฐาน หลังปรับตัวขึ้นร้อนแรงต่อเนื่องมาตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว ประกอบกับทริกเกอร์ ฟันด์ ที่มีกำไรเทขาย เพื่อถอนผลตอบแทนคืนนักลงทุน โดยดัชนีปิดตลาดวันที่ 1,449.40 จุด ลดลง 4.84 จุด เปลี่ยนแปลง -0.33% มูลค่าการซื้อขาย 51,343.83 ล้านบาท โดยระหว่างวันดัชนีแตะจุดสูงสุดที่ 1,458.03 จุดและต่ำสุดที่ 1,447.65 จุด โดยสถาบันในประเทศขายสุทธิ 78.52 ล้านบาท บริษัทหลักทรัพย์ซื้อสุทธิ 184.95 ล้านบาท และนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 581.78 ล้านบาท และนักลงทุนทั่วไปรายย่อยขายสุทธิ 688.22 ล้านบาท
ฝ่ายวิเคราะห์ บล.ฟิลลิป สรุปความเคลื่อนไหวดัชนีหุ้นไทย ว่า เริ่มเข้าสู่ช่วงปรับฐาน เนื่องจากดัชนีเข้าใกล้แนวต้านสำคัญที่ 1,470 จุด ประกอบกับตลอดระยะเวลา 6 วันที่ผ่านมา ดัชนีปรับตัวขึ้นเฉลี่ยวันละ 10 จุดมาโดยตลอด ดังนั้น ทริกเกอร์ ฟันด์ที่สามารถทำผลตอบแทนได้ถึงตามเป้าหมาย ได้ขายหุ้นปิดกองทุนเพื่อนำเงินคืนให้แก่ผู้ลงทุน
พร้อมคาดการณ์ความเคลื่อนไหวดัชนีในวันพรุ่งนี้ว่า ยังคงมีแนวโน้มผันผวนต่อ เนื่องจากยังไม่เห็นปัจจัยใหม่ๆ เข้ามาหนุน ประเมินแนวรับที่ระดับ 1,445 จุด แนวต้าน 1,460 จุด แนะนำนักลงทุนทยอยขายหุ้นเพื่อทำกำไรบางส่วน และเข้าซื้อเมื่อดัชนีมีแนวโน้มอ่อนตัว โดยหุ้นที่น่าสนใจ คือ หุ้นกลุ่มที่คาดว่าได้รับอานิสงส์จากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และยังมีราคาที่ถูกกว่าเมื่อเทียบกับกลุ่มรับเหมาก่อสร้างที่ปรับตัวขึ้นไปมากแล้ว อย่างไรก็ดี มองว่าทิศทาง Fund Flow ของกองทุนภายในประเทศ และเม็ดเงินต่างชาติมีแนวโน้มที่จะสวนทางกัน ซึ่งจะทำให้ดัชนีสามารถทรงตัวแต่มีความผันผวนระหว่างวัน
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
SAWAD มูลค่าการซื้อขาย 2,713.80 ล้านบาท ปิดที่ 16.20 บาท ลดลง 0.30 บาท
IVL มูลค่าการซื้อขาย 2,146.10 ล้านบาท ปิดที่ 26.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท
BLAND มูลค่าการซื้อขาย 2,098.20 ล้านบาท ปิดที่ 1.66 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง
ICHI มูลค่าการซื้อขาย 1,915.40 ล้านบาท ปิดที่ 25.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.80 บาท
INTUCH มูลค่าการซื้อขาย 1,469.61 ล้านบาท ปิดที่ 76.75 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง